พระอรหันต์มีปัญญารู้ชัดในโลภะโทสะโมหะแต่ละให้ขาดไม่ได้ใช่หรือไม่?

 
lokiya
วันที่  14 ม.ค. 2566
หมายเลข  45478
อ่าน  446

สืบเนื่องจากในสื่อออนไลน์ต่างๆ มีคำสอนจำนวนมากที่สอนว่าพระอรหันต์ยังมีโลภะโทสะโมหะอยู่ บางรายที่เป็นฆราวาสก็กล่าวว่า พระอรหันต์ยังมีตัณหาอยู่ แต่เป็นตัณหาที่บางเบาไม่ก่อให้เกิดอกุศลกรรมด้วย ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 15 ม.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันต์ เป็นผู้ที่ห่างไกลแสนไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง เป็นผู้ที่ดับกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นอีกเลย กิเลสทั้งหมด มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ไม่มีอยู่ในจิตของพระอรหนต์เลย อีกคำหนึ่งที่แสดงถึงความเป็นพระอรหันต์ คือ พระขีณาสพ คำว่า ขีณาสพ มาจากภาษาบาลีว่า ขีณาสว แยกศัพท์เป็น ขีณ (สิ้นแล้ว) + อาสว (กิเลสที่หมักดอง, ไหลไป ๔ คือ ความติดข้องยินดีพอใจในกาม ความติดข้องในภพ ความเห็นผิดและความไม่รู้) รวมกันเป็น ขีณาสว เขียนเป็นไทยได้ว่า ขีณาสพ แปลว่า ผู้สิ้นอาสวะ หรือ ผู้มีอาสวะสิ้นไปแล้ว จึงเป็นอีกชื่อหนึ่งของพระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้ปราศจากกิเลสทั้งปวง ปราศจากอาสวะทั้งปวง จริงอยู่ อาสวะ ๔ นั้น ดับเป็นขั้นๆ ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป กล่าวคือ

พระโสดาบัน ดับความเห็นผิด ได้

พระอนาคามี ดับความติดข้องยินดีพอใจในกาม ได้

พระอรหันต์ ดับความติดข้องในภพ และ ความไม่รู้ ได้

ดังนั้น อาสวะ เป็นอันดับได้อย่างหมดสิ้น เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์ พระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นอาสวะทั้งปวง แล้ว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า พระขีณาสพ ครับ

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่หัวข้อด้านล่างครับ

ความหมายของขีณาสพ [อรรถกถา มูลปริยายสูตร]

เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อได้ศึกษาข้อความโดยตรงจากพระไตรปิฎกและอรรถกาแล้ว ก็ทำให้เข้าใจได้ว่า ในประเด็นคำถาม เป็นความเข้าใจผิด คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ครับ

...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 16 ม.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ม.ค. 2566

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ