ขอวิธีการศึกษาพระธรรมตามแนวทางของ อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ตั้งแต่ท่านเริ่มบรรยายธรรม

 
lokiya
วันที่  6 ธ.ค. 2565
หมายเลข  45314
อ่าน  403

ขอวิธีการศึกษาพระธรรมตามแนวทางของ อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ตั้งแต่ท่านเริ่มบรรยายธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 9 ธ.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่มีจริง เป็นนามธรรม เป็นความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น เหตุที่ทำให้ปัญญาเจริญขึ้น ที่สำคัญแล้วจะต้องเคยเป็นผู้เห็นประโยชน์ของพระธรรม มีศรัทธาที่จะฟัง ได้ฟังพระธรรมจากผู้ที่มีปัญญา และ มีการไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้ผู้ฟังได้พิจารณาไตร่ตรอง เป็นความเข้าใจของผู้ฟังเอง ขอเพียงเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการเข้าใจธรรม ซึ่งก็หมายถึงสิ่งที่มีจริงอยู่ในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เป็นธรรม เพราะในการฟังการศึกษาพระธรรม นั้น เป็นการศึกษาเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้จริงๆ ซึ่งตัวสภาพธรรมจริงๆ นั้น มีลักษณะเฉพาะของตนๆ โดยไม่ต้องใช้ชื่ออะไรๆ ก็ได้ แต่ที่มีชื่อหรือใช้ชื่อนั้น ก็เพื่อบอกให้รู้ว่า กำลังกล่าวถึงอะไร ก็เพื่อให้เข้าถึงตัวจริงของสภาพธรรมทีกำลังกล่าวถึง นั่นเอง เพราะการฟังพระธรรม จะต้องมีเรื่องที่กำลังฟัง และก็จะต้องเป็นผู้เข้าใจเรื่องของสภาพธรรม นั้นๆ ด้วย สิ่งสำคัญ คือ การฟังแล้ว เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง ขอเพียงฟังให้เข้าใจจริงๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เป็นปัญญาของตนเอง สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ


คำบรรยายของอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้.-

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุเคราะห์ชาวโลกให้ดับกิเลสจนหมดสิ้นได้

เพราะฉะนั้น ก็แสดงให้เห็นว่าแต่ละคนรู้ตัวหรือเปล่าว่ามีกิเลสมาก ประมาณไม่ได้เลย เท่าที่เกิดมาในชาตินี้ก็ยังไม่หยั่งรู้ถึงกิเลสที่สะสมมาในสังสารวัฏฏ์

เพราะฉะนั้น การที่ใครก็ตามเห็นพฤติกรรมต่างๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจที่ไม่ถูกไม่ควร ทั้งหมดมาจากกิเลส ธรรมะที่เป็นเครื่องเศร้าหมองคือเจตสิกที่เป็นอกุศล

เพราะฉะนั้น ใครจะละกิเลสได้หรือคิดจะไม่ละเลย ที่ฟังธรรมทุกวันคิดอย่างไร แต่คนก็แต่ละอัธยาศัย สำหรับดิฉันเองเพียงได้ยินคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดดู ใครล่ะจะไม่อยากฟังคำของพระองค์ เพียงคำว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามีหรือที่จะไม่อยากฟังคำของพระองค์

เพราะฉะนั้น ถ้ามีที่หนึ่งที่ใดที่มีการสอนก็พร้อมที่จะฟัง เพราะฉะนั้น เมื่อมีการสอนพระอภิธรรมที่พุทธสมาคม ไม่รีรอเลยเพราะเหตุว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดเลยว่ามีโอกาสที่จะได้มีการศึกษาธรรมะโดยตรงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เป็นจุดเริ่มแรก ก็หวังว่าทุกคนที่จะศึกษาธรรมะเพื่อต้องการเข้าใจธรรมะ เพื่อต้องการรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ไปเชื่อใคร ไปฟังใคร แต่เพื่อที่จะได้รู้ว่าคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสจากพระโอษฐ์จริงๆ กล่าวว่าอย่างไร

เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ถ้าเรารู้ประโยชน์ว่าเราไม่สามารถที่จะเข้าใจพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลยเพียงได้ยินชื่อ แต่ว่าถ้าเราได้มีโอกาสฟังคำของพระองค์โดยตรง เราก็เริ่มที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

และทุกคนมีกิเลสหรือเปล่า? รู้ตัวหรือเปล่า? หรือว่าเป็นคนดี ใครพูดอะไรก็ไม่ได้ ใครว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะเราเป็นคนดี อย่างนั้นหรือ?

เพราะฉะนั้น ใครจะรู้ว่าเรามีกิเลสมากแค่ไหน คนอื่นรู้ไม่ได้เลย แล้วพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมะที่จะดับกิเลส ลองคิดดู น่าอัศจรรย์ไหม? ใครล่ะที่จะกล้าที่จะกล่าว หรือที่จะคิดว่ามีคนที่สามารถที่จะดับกิเลสได้ ไม่ธรรมดาแน่นอน เพราะฉะนั้น หนทางนี้ต้องเป็นหนทางที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ยากอย่างยิ่ง แล้วก็ต้องเป็นสิ่งที่น่าเคารพสูงสุดในคำของผู้ที่ได้ดับกิเลสแล้ว ด้วยเหตุนี้ทุกคนที่ฟังธรรมะต้องรู้ เพราะว่าตัวเองมีกิเลสมากสะสมมา ไม่มีอะไรเลยที่จะขัดเกลากิเลสซึ่งมีมากได้นอกจากผู้ที่ตรัสรู้หนทาง และได้ทรงแสดงความจริงให้ฟัง ให้มีความเข้าใจเพื่อที่คนนั้นจะได้รู้คุณและเห็นประโยชน์ว่าแต่ละคำทำให้เกิดซึ่งไม่เคยมีก่อนในสังสารวัฏฏ์ คือที่จะได้เข้าใจแต่ละคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่ต้องไปทำให้เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงถึงที่สุดของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ได้

เพราะฉะนั้น มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะต้องศึกษทุกคำด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ด้วยความจริงใจ ด้วยความตรงที่จะรู้ว่าถ้าเราขาดการไตร่ตรอง เราจะเข้าใจผิดซึ่งเป็นการทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมดเลย เพราะฉะนั้น จึงต้องศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

และประโยชน์จริงๆ ของทุกคนที่นั่งฟังก็คือว่ากิเลสสะสมมานานในสังสารวัฏฏ์อย่าคิดที่จะหมดโดยง่าย หรือว่าโดยไม่กี่คำ หรือโดยคำของคนอื่น ที่กล่าวว่าไปสำนักปฏิบัติ ปฏิบัติ ห้าวัน เจ็ดวันแล้วก็จะละกิเลสได้ เป็นไปได้อย่างไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีนานเท่าไร แต่ละพระชาติ แล้วบารมีก็ยากยิ่งที่ใครจะทำได้ แต่พระองค์ก็เพื่อเรา จะได้ฟังคำของพระองค์ ไม่ใช่เพียงเพื่อพระองค์จะได้ตรัสรู้เพียงพระองค์เดียว แต่ยังเห็นประโยชน์ว่าสัตว์โลกไม่มีทางที่จะเข้าใจสิ่งที่มีทุกขณะในชีวิตถ้าพระองค์ไม่ตรัส ไม่อนุเคราะห์

ด้วยเหตุนี้โอกาสใดที่มีโอกาสจะได้ฟังก็ฟังด้วยความเคารพ ด้วยความไตร่ตรอง ด้วยความมั่นคงด้วยการกล้าที่จะกล่าวคำของพระองค์เพื่อที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระองค์ด้วย


ขอเชิญคลิกชมวีดีโอการสนทนาได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้


คิดอย่างไรจึงศึกษาพระธรรม

...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
lokiya
วันที่ 9 ธ.ค. 2565

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 10 ธ.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Dechachot
วันที่ 11 ธ.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ