การบรรลุมรรคผล
ความสมบูรณ์ของปัญญาที่เป็นวิปัสสนาญาณจึงเป็นขั้นๆ ขั้นที่ ๑ ไม่ใช่ อุทยัพพยญาณ ไม่ใช่การรู้การเกิดดับ นั่นเป็นมหาวิปัสสนา หมายความว่าผู้นั้น จะต้องรู้ลักษณะที่ต่างกันของนามรูป หลังจากการที่ได้เจริญสติพิจารณาสภาพที่ต่างกันของนามรูปแล้ว รู้ปัจจัยรู้การเกิดดับที่สืบต่อกัน แล้วก็พิจารณานามรูปทั้งปวงโดยที่ไม่มีความเห็นผิด โดยที่ไม่มีความสงสัยว่าจะต้องเฉพาะสถานที่นั้น นามนั้นรูปนั้นจึงจะเป็นมหาวิปัสสนา
เมื่อละคลายมากขึ้นแล้ว สภาพการเกิดดับของนามรูปจึงปรากฏ ใครรู้ไม่ใช่ตัวตนเลย ไม่ใช่อัตตา เป็นปัญญาที่เจริญขึ้นเป็นขั้นๆ จนกระทั่งถึงขั้นนั้นเมื่อปัญญาเจริญขึ้น อยู่ที่ไหนก็จะต้องรู้ ฉะนั้น การที่ผู้หนึ่งผู้ใดเจริญสติปัฏฐานปัญญาขั้นไหนจะสมบูรณ์ ก็อยู่ที่เหตุ ไม่ใช่อยู่ที่ความปรารถนา ไม่ใช่อยู่ที่ความต้องการ ไม่ใช่อยู่ที่กาลเวลาว่าเจริญสติปัฏฐานมา ๗ วันแล้ว ๗ เดือนแล้ว หรือว่า ๗ ปีแล้ว ถ้าเหตุไม่สมควรแก่ผล เจริญ ๒๕ ปี ๕๕ ปี ความสมบูรณ์ ของปัญญาสักขั้นหนึ่งก็เกิดไม่ได้ แล้วถ้าความสมบรูณ์ของปัญญาเกิดขึ้นเป็นขั้นๆ แล้ว จะสมบูรณ์เมื่อไร ที่ไหน ก็ไม่มีใครจะเป็นอัตตาบังคับได้ ว่าจะต้องสมบรูณ์ในป่า หรือว่าสมบูรณ์ในบ้าน สมบูรณ์ในขณะกล่าวธรรมเทศนา ก็ไม่มีใครกำหนดได้เลย สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา แล้วแต่เหตุ แล้วแต่ปัจจัย การบรรลุธรรมก็ต้องแล้วแต่เหตุแล้วแต่ปัจจัยด้วย ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 15
รับฟัง ...

