พระมหาสิวเถระ บรรลุเป็นพระอรหันต์ [อรรถกถา อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต]

 
khampan.a
วันที่  12 ส.ค. 2565
หมายเลข  43460
อ่าน  349

[เล่มที่ 32] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า ๖๕

ได้ยินว่า พระมหาสิวเถระ อยู่ในติสสมหาวิหาร ใกล้มหาคามสอนพระไตรปิฎก กะภิกษุคณะใหญ่ ๑๘ คณะ ทั้งโดยอรรถ ทั้งโดยบาลี ภิกษุ ๖๐,๐๐๐ รูป ตั้งอยู่ในโอวาทของพรเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุรูปหนึ่งปรารภธรรมที่ตนได้แทงตลอดแล้วเกิดโสมนัสขึ้น คิดว่า ความสุขนี้มีแก่อาจารย์ของเราบ้างไหมหนอ ภิกษุนั้นเมื่อคำนึงอยู่ก็รู้ว่า พระเถระยังเป็นปุถุชน คิดว่า เราจักให้ความสังเวชเกิดขึ้นแก่พระเถระด้วยอุบายนี้ จึงจากที่อยู่ของตนไปยังสำนักของพระเถระ ไหว้แสดงวัตรแล้วนั่ง. ลำดับนั้น พระเถระกล่าวกะภิกษุนั้นว่า ท่านปิณฑปาติกะ มาทำไม ภิกษุนั้นกล่าวว่า ท่านขอรับกระผมมาด้วยหวังว่า ถ้าท่านจักกระทำโอกาสแก่กระผม กระผมก็จักเรียนธรรมบทๆ หนึ่ง พระเถระกล่าวว่า ผู้มีอายุ ภิกษุเป็นอันมากเรียนกัน ท่านจักไม่มีโอกาสดอก, ภิกษุนั้นเมื่อไม่ได้โอกาส ในส่วน กลางคืนและกลางวัน จึงกล่าวว่า เมื่อโอกาสไม่มีอย่างนั้น ท่านจัก ได้โอกาสแห่งมรณะอย่างไร? เวลานั้นพระเถระคิดว่า ภิกษุนี้ไม่มาเพื่อเรียนอุเทศ แต่เธอมาเพื่อทำความสังเวชให้เกิดแก่เราแม้ภิกษุนั้น กล่าวว่า ท่านผู้เจริญ ธรรมดาว่า ภิกษุ พึงเป็นผู้เช่นเรา ดังนี้ แล้วไหว้พระเถระ เหาะไปในอากาศอันมีสีดังแก้วมณี.

พระเถระเกิดความสังเวช ตั้งแต่เวลาที่ภิกษุนั้นไปแล้ว บอกอุเทศตอนกลางวันและในตอนเย็น วางบาตรและจีวรไว้ใกล้หัตถบาสในเวลาใกล้รุ่งจึงเรียนอุเทศ ถือบาตรและจีวรลงไปกับภิกษุผู้กำลังลงไปอยู่ อธิษฐานธุดงคคุณ ๑๓ ให้บริบูรณ์แล้ว ไปยังเสนาสนะที่เงื้อมเข้าใกล้บ้าน ปัดกวาดเงื้อมเขาแล้วให้ยกเตียงและตั่งขึ้น ผูกใจว่าเรายังไม่บรรลุพระอรหัต จักไม่เหยียดหลังบนเตียง จึงลงสู่ที่จงกรมเมื่อท่านพยายามอยู่ด้วยหวังใจว่า เราจักบรรลุพระอรหัตในวันนี้ เราจักบรรลุพระอรหัตในวันนี้ วันปวารณาก็มาถึง เมื่อใกล้วันปวารณา ท่านคิดว่า เราจักละความเป็นปุถุชน ปวารณาเป็นวิสุทธิปวารณา ก็ลำบากอย่างยิ่ง ท่านเมื่อไม่สามารถจะทำมรรคหรือผลให้เกิดในวันปวารณานั้นได้ จึงกล่าวว่า ผู้ปรารภวิปัสสนาแม้เช่นเราก็ยังไม่ได้ พระอรหัตนี้ช่างเป็นคุณอันได้ยากจริงหนอ จึงเป็นผู้มากไปด้วยการยืนและการเดินโดยทำนองนี้แล กระทำสมณธรรมตลอด ๓๐ ปี เห็นพระจันทร์เพ็ญลอยเด่นอยู่ในท่ามกลางดิถีวันมหาปวารณา คิดว่า ดวงจันทร์บริสุทธิ์หรือศีลของเราบริสุทธิ์ รำพึงว่า ในดวงจันทร์ยังปรากฏมีลักษณะเป็นรูปกระต่าย แต่รอยดำหรือจดด่างในศีลของเรา ตั้งแต่เราอุปสมบทจนถึงทุกวันนี้ ไม่มี เกิดโสมนัส ข่มปีติเพราะมีญาณแก่กล้า บรรลุพระ อรหัต พร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ภิกษุเห็นปานนี้ ข่มกิเลสได้ด้วยอำนาจธุดงค์ เป็นอันชื่อว่า ข่มกิเลสได้แล้ว โดยประการนั้นนั่นแล.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 18 ก.ย. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ