ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี_สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕

 
khampan.a
วันที่  16 ก.ค. 2565
หมายเลข  43360
อ่าน  1,217

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


" ไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี "

ถอดจากคำสนทนาของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

สนทนาธรรม ไทย - ฮินดี

วันเสาร์ที่ ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๖๕



~ ต้องไม่ลืมเลย ต้องเป็นคนตรงที่สุด มิฉะนั้นแล้ว จะไม่สามารถเข้าถึงธรรม จะไม่สามารถเข้าใจธรรมได้เลย วนเวียนอยู่ที่ผิวนอกๆ ของธรรม ที่เป็นชื่อต่างๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้แล้วตรัสว่า ธรรม ละเอียดลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้ว เราต้องไม่ลืมเลยว่า เราไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นแล้วก็อยู่ในโลกของความไม่รู้มานานเท่าไหร่? ไม่รู้อะไร? ไม่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นเรา เป็นภูเขา เป็นทะเล เป็นคน เป็นโรงเรียน เป็นถนน เป็นทุกอย่างหมด ไม่รู้เลยว่า แท้ที่จริง ความจริงคืออะไร จนกว่าจะมีคำที่เราได้ยิน พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่เราแน่ๆ แต่เป็นผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริงซึ่งลึกซึ้งอย่างยิ่ง แค่คำนี้ ใครคิดถึงบ้าง ที่จะเริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงตรัสรู้ความลึกซึ้งของสิ่งที่มี

~ ต้องเป็นคนที่ละเอียด ลึกซึ้งและมั่นคง สัจจบารมีสำคัญที่สุดและความตรงต่อความจริง อธิษฐานบารมี ต้องมี แม้ในขณะที่ได้ยินได้ฟังคำอะไร ไม่ใช่คิดเอง แต่ต้องไตร่ตรองจนกระทั่งเข้าใจคำนั้น อย่างนี้เรารู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วหรือยัง ถ้าไม่รู้จักธรรมเลย จะรู้จักไหม? ไม่รู้จัก

~ ทุกชาติ ไม่ได้เข้าใจความจริงว่า ไม่มีเราหมายความว่าอะไร อนัตตา ไม่ใช่เรา หมายความว่าอะไร ธรรมหมายความว่าอะไร ถ้าไม่ศึกษาให้เข้าใจโดยละเอียด ไม่มีทางที่จะค่อยๆ ขยับไปทีละน้อยที่จะรู้ความจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ที่พระองค์ตรัสว่า ธรรมลึกซึ้ง ละเอียด ยากที่จะรู้ได้ แต่สามารถเข้าใจได้จนค่อยๆ รู้ความจริงทีละเล็กทีละน้อย

~ ที่จะเป็นประโยชน์ที่สุดทุกครั้งที่ฟังธรรม คือ รู้ตัวว่า ไม่รู้สิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ จนกว่าจะเริ่มเข้าใจ และก็รู้เลย ว่า ทำไมธรรมลึกซึ้ง? เพราะว่า ธรรมมีเดี๋ยวนี้เอง เดี๋ยวนี้เองแต่ไม่รู้ นี่คือความลึกซึ้งอย่างยิ่ง

~ สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ เกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีก สิ่งนั้นแหละคือ ขันธ์ ไม่ว่าอะไรทั้งหมดที่มี เกิดขึ้นมีแล้วก็หมดไปแล้ว ไม่กลับมาอีกเลย เป็นขันธ์ทั้งหมด อย่างนี้เข้าใจได้เลย ใช่ไหม? พอได้ยินคำว่า ขันธ์ ก็รู้ความจริงอยู่แล้วว่า สิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เกิดแล้วดับแล้วไม่กลับมาอีก เพราะฉะนั้นคำนี้หมายความถึงแต่ละหนึ่ง แต่ละหนึ่งที่เกิดแล้วก็ดับ อย่างนี้ก็ไม่มีข้อสงสัยเวลาได้ยินคำว่า ขันธ์ ก็เข้าใจได้ ใช่ไหม?

~ ก่อนแข็งเกิด ไม่มีแข็ง พอแข็งเกิดแล้วก็ดับ แข็งนั้นที่เกิดแล้วดับคือ ขันธ์หนึ่ง ชนิดหนึ่ง ประเภทหนึ่ง อันหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วดับ เพราะฉะนั้น ทุกอย่างที่เกิด เป็นหนึ่งขันธ์เท่านั้น เพราะเกิดแล้วดับ หมดสงสัยในเรื่องขันธ์หรือยัง?

~ ขันธ์ คือ สิ่งที่เกิดขึ้น จึงมี ถ้าไม่เกิด ก็ไม่มี เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หนึ่งขันธ์ไม่กลับมาอีกเลยที่เกิด ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ก็รู้ว่า ไม่มีคุณมธุ ใช่ไหม? มีคุณอาช่าไหม? มีคุณสุคินไหม?

~ อีกไกลไหม กว่าจะรู้จักธรรม? นี่คือ ความลึกซึ้งอย่างยิ่งของธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัส เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ว่า ธรรมลึกซึ้ง ทุกอย่างต้องเป็นเหตุที่สมควร แม้แต่การที่จะรู้จักธรรมซึ่งกำลังมีเดี๋ยวนี้เอง ก็ต้องมีเหตุที่สมควรตามลำดับ

~
ถ้าทำอะไรที่เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความเสียใจภายหลัง นั่น ไม่ควรอย่างยิ่ง และที่พึ่งคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงแสดงความจริงให้เริ่มรู้ว่า อะไร เป็นอะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นที่พึ่งของทุกคนที่เป็นคนตรงที่จะรู้ความจริง

~
ความไม่ดีทั้งหมดมาจากความไม่รู้ แต่ว่า ความไม่รู้มีมาก ที่จะต้องเป็นคนตรง ที่ว่า ต้องรู้ว่า อะไร เป็นอะไรในขั้นต้น

~
ยังไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คิดว่า มีเขา มีตัวตน ทุกอย่างเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้น ก็มีความทุกข์แน่นอน เพราะมีการเข้าใจว่า มีเรา แต่ต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ละเอียดขึ้น จึงจะเป็นประโยชน์ให้รู้จริงๆ ได้

~
เกิดมาแล้ว ก็เห็น ก็ได้ยิน ก็ได้กลิ่น ก็ลิ้มรส ก็รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสและคิดนึก ๖ ทางเท่านั้น ไม่ว่าโลกไหน และเกิดมาแล้ว ก็ชอบบ้าง ไม่ชอบบ้าง อยากได้บ้าง ไม่อยากได้บ้าง ดีบ้าง ชั่วบ้าง มากน้อยตามการสะสม บังคับบัญชาไม่ได้

~
ชาตินี้จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ แต่เหตุที่ทำไว้ที่มีก็จะทำให้เป็นบุคคลที่เกิดมาต่างๆ กัน ตามการสะสม แต่เหตุที่ดี เหตุที่ชั่ว ก็จะมีต่อไป เพราะไม่รู้ความจริง เพราะฉะนั้น ต่อไปวันนี้ พรุ่งนี้ จะเกิดเป็นอะไรก็ได้ แต่ถ้ามีความเข้าใจถูก ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะทำให้รู้ความจริงได้ทีละเล็กทีละน้อย เป็นที่พึ่งต่อไป เพราะฉะนั้นเริ่มตรงตั้งแต่เดี๋ยวนี้ชาตินี้ เพราะต่อไปข้างหน้าอีกยาวไกล ชีวิตที่ไม่ตรงตามความเป็นจริง ก็จะนำไปสู่ความไม่รู้ เพราะธรรมตรงมาก เพราะฉะนั้น ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรงที่สุดถึงความจริงของสิ่งที่กำลังมี

~
ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มรู้ประโยชน์ของความเป็นผู้ตรงต่อความจริง เมื่อตรงต่อความจริงก็สามารถที่จะเข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ได้ มิฉะนั้น จะไม่ตรงในสิ่งที่กำลังมีจริงๆ ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นที่พึ่งได้แสดงไว้ให้เข้าใจความจริงว่า ประโยชน์ที่สุด คือ รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง

~
ถ้าไม่ตรงต่อคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ชื่อว่านับถือพระองค์ จึงไม่มีที่พึ่งที่จะรู้ความจริงในสังสารวัฏฏ์ในชาตินี้และในชาติต่อๆ ไปเพราะฉะนั้น วันนี้เป็นผู้ตรงต่อความจริงที่เข้าใจว่า มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พึ่ง ที่จะเข้าใจคำของพระองค์ ไม่ว่าจะสุขจะทุกข์ประการใดทั้งสิ้น พระองค์ทรงแสดงความจริงให้รู้ตามความเป็นจริง ไม่ใช่เฉพาะชาตินี้เดี๋ยวนี้ แต่ต่อไปมั่นคงขึ้นๆ ที่จะมีพระองค์เป็นที่พึ่งโดยฟังคำของพระองค์ ฟังแล้วไตร่ตรอง แล้วประพฤติตามด้วย และจะมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งจริงๆ เมื่อฟังทุกคำของพระองค์ ไตร่ตรองจนกระทั่งสามารถค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ เดี๋ยวนี้ เป็นคุณมานิช เพราะอะไร? เพราะฉะนั้น ตรงต่อความจริงหรือยัง เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง? ริ่มรู้ว่า ไม่มีคุณมานิช แต่มีธรรมตั้งแต่เกิดจนตายทุกชาติ กับ เข้าใจว่ามีคุณมานิช อะไรถูกอะไรผิด? (ที่ถูกคือ ไม่มีคุณมานิช) เพราะฉะนั้น ถ้าไม่รู้ก็จะมีความไม่ดีต่างๆ ซึ่งเกิดจากความไม่รู้ เพราะฉะนั้น การจะเป็นคนดี ต้องรู้ว่า อะไรถูก อะไรผิดและทิ้งสิ่งที่ผิด แม้การทิ้งสิ่งที่ผิด ก็ไม่ใช่คุณมานิช แต่เป็นการเห็นที่ถูกต้องจึงสามารถทิ้งสิ่งที่ผิดได้

~
ความเดือดร้อนใจ มีจริงหรือเปล่า? (มีจริง) เกิดแล้ว ไม่ให้เกิดได้ไหม? (ไม่ได้) ถ้าทำสิ่งที่ดีที่ถูกต้อง จะเดือดร้อนใจไหม? (ไม่เดือดร้อนใจ) เพราะฉะนั้น ก็เข้าใจถูกต้องว่า "ความเดือดร้อนใจ มี เพราะได้ทำสิ่งที่ไม่ดี" เมื่อความเข้าใจอย่างนี้ ถูกต้องมั่นคง ก็จะไม่ทำสิ่งที่ไม่ดี

~
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความไม่ดีทุกระดับและแสดงความดีทุกระดับ ไม่เหมือนกันเลย ปนกันไม่ได้ แต่ละหนึ่งเป็นแต่ละหนึ่ง ตราบใดที่ยังไม่รู้อย่างถูกต้อง ว่า เป็นธรรมแต่ละอย่าง ก็จะมีความเป็นเรา ซึ่งเป็นเหตุที่จะทำให้ทำสิ่งที่ไม่ดี เพราะฉะนั้น ที่ทำไม่ดี เพราะไม่รู้ว่า ไม่มีเรา แต่มีความไม่ดี เพราะฉะนั้น เมื่อทำสิ่งที่ไม่ดี ก็เพราะเข้าใจว่า เป็นเรา จึงทำทุกอย่างที่ไม่ดี เพื่อเรา

~
ทุกอย่างต้องเริ่มต้น เริ่มเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ ด้วยการฟังทุกคำของพระองค์ เพราะทำให้เข้าใจถูกตามความเป็นจริง

~
ทุกอย่างที่ปรากฏในโลกทุกวัน ทุกขณะ ไม่ว่าจะเห็นอะไร คิดอะไรหรือทำอะไร เป็นธรรมแต่ละหนึ่งทั้งหมด ซึ่งเกิดแล้วก็ดับ แล้วไม่กลับมาอีกเลย สุญญตา (ว่างเปล่า) อนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน) ไม่เหลือเลย

~
จิตไม่ดี พูดดีได้ไหม? ถ้าจิตดี พูดไม่ดี ได้ไหม? จิตที่ไม่เข้าใจธรรมพูดเรื่องอะไร? จิตที่ไม่เข้าใจธรรมก็พูดทุกเรื่องได้โดยไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เริ่มเข้าใจว่า ทั้งวันทุกขณะตั้งแต่เกิดจนตายเป็นธรรมทั้งหมด ใช่ไหม?

~
เริ่มรู้ความจริงว่า มีแต่ธรรมทุกขณะตั้งแต่แสนโกฏิกัปป์จนถึงเดี๋ยวนี้และต่อไป ไม่มีเรา ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง มิฉะนั้น ไม่สามารถที่จะละความรักตัว เห็นแก่ตัว ทำทุกอย่างเพื่อตัวได้

~
เขาอยากไม่สบายใจไหม? (ไม่อยากไม่สบายใจ) เขาอยากทำให้คนอื่นไม่สบายใจไหม? (ไม่อยาก) แต่บางครั้งก็ทำ ใช่ไหม? ตามเหตุตามปัจจัย ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น เดี๋ยวนี้ทุกคนกำลังสะสมเหตุ คือ ความเข้าใจถูก เพื่อที่จะทำสิ่งที่ถูก เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทำให้คนอื่นไม่สบายใจและตัวเองก็ไม่สบายใจด้วย

~
จะมีชีวิตต่อไปเพื่ออะไร? เมื่อฟังแล้ว เริ่มมีแสงสว่างที่จะรู้จุดประสงค์ของทุกชาติไหม ว่า เพื่อรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในเมื่อกล่าวแล้วว่า มีพระองค์เป็นที่พึ่ง ทุกคนจะจากโลกนี้ไป เมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้ก็ได้ เดี๋ยวนี้ก็ได้ ประโยชน์สูงสุด ก็คือ ได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพิ่มขึ้น ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป เพื่อเป็นที่พึ่งทุกชาติ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้ทุกคนมั่นคงในการที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อเข้าใจพระธรรมและมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง





...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของคุณสุคิน ผู้แปลการสนทนา
จากภาษาไทยเป็นภาษาฮินดี
และยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 16 ก.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง และกราบยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
swanjariya
วันที่ 16 ก.ค. 2565

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลของคุณสุคินและทุกๆ ท่าน

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ก.ค. 2565

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
สุภาดา
วันที่ 16 ก.ค. 2565

ขอขอบคุณและอนุโมทนาด้วยนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เข้าใจ
วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบเท้าท่านอาจารย์ และกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sea
วันที่ 17 ก.ค. 2565

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง กราบขอบพระคุณผู้ร่วมสนทนา ผู้แปล และผู้เกี่ยวข้องทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 17 ก.ค. 2565

ขอบพระคุณ และยินดีในความดีของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ