ให้ทานเพื่อเป็นเครื่องประดับตกแต่งจิต

 
lada
วันที่  4 ม.ค. 2565
หมายเลข  41876
อ่าน  371

มีความหมายว่าอย่างไรคะ ช่วยยกตัวอย่างด้วยค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 5 ม.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิต คือ การให้ทาน ที่อาศัยการให้ทานนั้น เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลขั้นสูง คือ การได้ฌาน หรือ การเจริญวิปัสสนา ยกตัวอย่างเช่น ขณะที่ให้ทาน แล้ว สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ให้ทาน ปัญญาเกิดในขณะที่ให้ทานนั้น ชื่อว่า เป็นการให้ทานประดับปรุงแต่งจิต คือ ประดับปรุงแต่งจิตให้ถึงการสิ้นกิเลส อันเป็นการให้ทานสูงสุด ประเสริฐที่สุด ครับ เพราะ เป็นการให้ทานเพื่อเป็นไปพร้อมกับปัญญา และเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นในกุศลอื่นๆ และเป็นไปเพื่อประดับจิตให้สูงขึ้น จนดับกิเลสได้นั่นเองครับ นี่ คือการให้ทานเพื่อประดับปรุงแต่งจิตประดับด้วยเจตสิกที่ประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน สติปัฏฐานเกิดขณะที่ให้ทาน ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ

ทานเป็นเครื่องปรุงแต่งจิต [ทานสูตร]

เชิญคลิกฟังคำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ ที่นี่ครับ

ให้ทานเพื่อปรุงแต่งจิต

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ม.ค. 2565

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 5 ม.ค. 2565

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้าทานกุศลในชีวิตประจำวัน ไม่เกิดเลย จะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้อย่างไร การเจริญกุศล ก็ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อขัดเกลากิเลส กุศลเป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ควรที่จะอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นจะเบาสบาย ผ่องใส ซึ่งจะตรงกันข้ามกับขณะที่จิตเป็นอกุศลอย่างสิ้นเชิง

แม้ในขณะที่ให้ทาน ไม่ใช่ให้เพื่อหวังผลเป็นสิ่งตอบแทนจากการให้ เป็นต้น แต่เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ ความตระหนี่ ถ้าเป็นผู้ได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ก็จะทำให้เห็นอกุศลที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงแล้วเริ่มขัดเกลากิเลสของตนเอง และเป็นผู้ที่เข้าใจในเหตุในผลมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดย่อมเป็นเพราะได้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ปัญญาเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนั้น การเจริญกุศลเพื่อหวังสิ่งหนึ่งสิ่งใดตอบแทนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ถ้าเริ่มเข้าใจพระธรรมไปตามลำดับแล้ว การเจริญกุศลทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในขั้นของทาน (การให้ สละวัตถุสิ่งของ เพื่อประโยชน์สุขของบุคคลอื่น อันเป็นการสละซึ่งความตระหนึ่) ขั้นของศีล (งดเว้นจากทุจริตกรรมประการต่างๆ และประพฤติในสิ่งทีดีงาม) ขั้นของภาวนา (การอบรมเจริญความสงบของจิต และการอบรมเจริญปัญญาที่ประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง) ย่อมเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสทั้งสิ้น ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ