พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๕. จิตตาเถรีคาถา

 
บ้านธัมมะ
วันที่  21 พ.ย. 2564
หมายเลข  40702
อ่าน  288

[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 56

เถรีคาถา ทุกนิบาต

๕. จิตตาเถรีคาถา


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 54]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 56

๕. จิตตาเถรีคาถา

[๔๒๔] ข้าพเจ้าเป็นผู้มีร่างกายผ่ายผอม เป็นไข้ทุพพลภาพหนัก ต้องถือไม้เท้าไปไหนๆ ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังขึ้นภูเขาได้ ข้าพเจ้าวางผ้าสังฆาฏิและคว่ำบาตร นั่งบนภูเขา ทำลายกองความมืดข่มตนไว้.

จบ จิตตาเถรีคาถา

๕. อรรถกถาจิตตาเถรีคาถา

คาถาว่า กิญฺจาปิ โขมฺหิ กิสิกา เป็นต้น เป็นคาถาของพระเถรีชื่อ จิตตา.

แม้พระเถรีชื่อจิตตาองค์นี้ ก็สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลที่เป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้นๆ จากภัทรกัปนี้ไป ๙๔ กัป บังเกิดในกำเนิดกินนร ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา วันหนึ่งนางกินรีนั้นเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งนั่งอยู่ที่โคนต้นไม้ มีใจเลื่อมใส เอาดอกอ้อมาบูชา ไหว้แล้วประคองอัญชลี ทำประทักษิณแล้วหลีกไป ด้วยบุญกรรมนั้น

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 57

นางท่องเที่ยวอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก ในพุทธุปปาทกาลนี้เกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาล กรุงราชคฤห์รู้ความแล้ว ได้ศรัทธาในกาลเสด็จเข้ากรุงราชคฤห์ของพระศาสดา ภายหลังบวชในสำนักของพระมหาปชาบดีโคตมี ในเวลาแก่ ได้ขึ้นเขาคิชฌกูฎทำสมณธรรมเจริญวิปัสสนา ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทาทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า๑

    ข้าพเจ้าเป็นกินรีที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา ในกาลนั้น ข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี เป็นพระสยัมภู ผู้อันใครๆ ให้แพ้ไม่ได้ ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใส ดีใจ ปลื้มใจ กระทำอัญชลีถือเอาดอกอ้อบูชาพระสยัมภู ด้วยกรรมที่ทำดีนั้น และด้วยความตั้งใจมั่น ข้าพเจ้าละร่างกินรี ได้ไปสู่หมู่เทวดาชั้นไตรทศ ข้าพเจ้าได้เป็นมเหสีของเทวราช ๓๖ องค์ ได้เป็นมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๐ องค์ ข้าพเจ้ามีจิตสังเวชจึงบวชเป็นบรรพชิต จากนี้ไป ๙๔ กัปข้าพเจ้าเอาดอกไม้บูชา ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติ นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.

    ก็พระเถรีนั้น ครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว พิจารณาการปฏิบัติของตนได้กล่าวคาถาสองคาถานี้ว่า

    ข้าพเจ้าเป็นผู้มีร่างกายผ่ายผอม เป็นไข้ทุพพลภาพหนัก ต้องถือไม้เท้าไปไหนๆ ก็จริง ถึงอย่างนั้นก็ยังขึ้นภูเขาได้ ข้าพเจ้าวางผ้าสังฆาฏิและคว่ำบาตร นั่งบนภูเขา ทำลายกองความมืดข่มตนไว้.


    ๑. ขุ. ๓๓/ข้อ ๑๔๕ นฬมาลิกาเถรีอปทาน.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 28 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 58

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กิญฺจาปิ โขมฺหิ กิสิกา ความว่า ถึงแม้ข้าพเจ้า เป็นคนคร่ำคร่า เพราะชรา มีร่างกายฝ่ายผอม เพราะมีเนื้อและเลือดน้อย. บทว่า คิลานา พาฬฺหทุพฺพลา ความว่า เป็นไข้เพราะธาตุเป็นต้นพิการ ทุพพลภาพเหลือเกิน เพราะความไข้นั้นเอง. บทว่า ทณฺฑโมลุพฺภคจฺฉามิ ความว่า เมื่อไปในที่ไหนๆ ย่อมถือไม้เท้าไป. บทว่า ปพฺพตํอภิรูหิย ความว่า แม้เป็นอย่างนี้ก็ขึ้นภูเขาคิชฌกูฏ เพราะต้องการวิเวก.

บทว่า สงฺฆาฏึ นิกฺขิปิตฺวาน ความว่า เป็นผู้เหน็ดเหนื่อยจริงๆ วางผ้าสังฆาฏิที่วางไว้บนบ่าตามที่พับไว้ ไว้ในหัตถบาส. บทว่า ปตฺตกญฺจนิกุชฺชิย ความว่า วางบาตรดินสำหรับใช้สอยของข้าพเจ้าคว่ำไว้ในที่สมควรแห่งหนึ่ง. บทว่า เสเล ขมฺเภสึ อตฺตานํ ตโมกฺขนฺธํ ปทาลิย ความว่า นั่งบนภูเขา ทำลายกองโมหะที่ไม่เคยทำลายเป็นเวลายาวนาน ข่มตนคืออัตภาพ ด้วยการทำลายกองโมหะนั้นนั่นแล คือข่มสันดานของตน ด้วยให้ถึงความไม่เกิดขึ้นต่อไปเป็นธรรมดา.

จบ อรรถกถาจิตตาเถรีคาถา