จิตสลดทำอย่างไรดี ยิ่งฟังยิ่งสลด

 
Nuchareeya
วันที่  23 ก.ย. 2564
หมายเลข  37426
อ่าน  883

คำถามจาก : คุณมีนา

จิตสลดทำอย่างไรดี ยิ่งฟังยิ่งสลด

สลดสลับกับเขัาใจมาตลอดเป็นระยะมานานแล้ว

แต่ก็คิดว่าเป็นแค่อาการของจิตก็ฟังไปเรื่อยๆ เผื่อจะหาย แต่ไม่หาย ยิ่งนานวันยิ่งเพิ่มเลยขอเรียนถามค่ะ

เมื่อพิจารณาโดยต่อเนื่องยิ่งสลด บางทีอยู่ๆ ก็สะอื้นเอง ทั้งๆ ที่ก็อยู่กับอารมณ์อื่นๆ มากมาย และก็พิจารณาบ้าง

แต่ความสลดมันคอยจะแทรกโดยไม่ทราบสาเหตุค่ะ

ขอขอบพระคุณค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 ก.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอเชิญอ่านคำบรรยาย ท่าน อ.สุจินต์ เรื่อง จะหลอกตัวเองหรือจะยอมรับความจริง

จารุพรรณ มีผู้บ่นว่า พอฟังแล้ว อันนั้นก็เป็นโลภะ อันนี้ก็เป็นโทสะ รู้สึกว่าเป็นอกุศลทั้งวัน ชักจะท้อแล้ว เหมือนกับหมดกำลังใจ เกิดวิตกกังวล

ท่าน อ.สุจินต์ สู้หลอกตัวเองว่าไม่มีไม่ได้ ใช่ไหมคะ อยากจะหลอกตัวเองต่อไป หรืออยากจะรู้ความจริง รู้จักตัวเองขึ้นให้ถูกต้อง วันนี้ตักตวงวัดอกุศลไม่ได้เลยว่า มากสักเท่าไร เพราะมากจริงๆ ชั่วขณะที่ฟังธรรมเป็นกุศล และขณะอื่นเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิต สำหรับคนที่สะสมกุศลมามาก วันหนึ่งกุศลมีโอกาสเกิดได้บ่อย แต่ไม่ได้หมายความว่ามากเท่าอกุศล เพราะเหตุว่าทันทีที่ลืมตาก็โลภะแล้ว แล้วจะให้บอกว่าอย่างไร ถ้าเป็นพระอรหันต์ซิคะ ลืมตาแล้วไม่มีหรอกโลภะ แต่เมื่อยังไม่เป็นพระอรหันต์ ก็ต้องยอมรับตามความเป็นจริง การที่จะรักษาโรค ก็ต้องรู้สมุฏฐานของโรค ถ้าไม่รู้สมุฏฐานแล้วจะละอย่างไร คนที่ไม่มีปัญญารู้ความจริง ไม่มีทางที่จะดับทุกข์หรือดับกิเลสได้เลย เมื่อมีกิเลสแล้วก็ยังไม่รู้ว่าเป็นกิเลส แล้วจะละกิเลสได้อย่างไร เมื่อไม่รู้ว่าเป็นกิเลส แต่ว่าผู้ที่รู้จักกิเลส สามารถละกิเลสได้ เพราะรู้ว่า กิเลสเป็นอย่างไร ถ้ารู้ตัวเองว่าเป็นคนไม่ดี แล้วจะได้ทำดี กับคิดว่าตัวเองดีแล้ว พอแล้ว ก็ต่างกัน ใช่ไหมคะ ถ้าใครเขาบอกเราว่าไม่ดี เราจะรับไหมคะว่า จริงค่ะ ถูกค่ะ ไม่ดีจริงๆ เพราะตั้งแต่ลืมตาก็เป็นอกุศลมามากมายแล้ว


ความจริงของชีวิต คือ เป็นปถฃุถุชน เป็นผู้หนาด้วยกิเลส บางคราว กิเลสก็เกิดมากเป็นปกติ เพราะเป็นปุถุชน เมื่อได้เหตุปัจจัยพร้อม ก็เกิดขึ้น พระโพธิสัตว์ผู้สะสมปัญญามา บางคราวก็คิดมาก กลุ้มใจ จนต้องออกเดินไปข้างนอกไปๆ มาๆ จนป่าราบไป จนมีคำว่า เดินจนป่าราบ นี่คือ ความจริงของกิเลส อกุศลที่พร้อมเกิดได้มากมายเป็นปกติ แต่ พระองค์ทรงแสดงหนทางที่ถูกต้อง คือ ไม่หลอกตัวเอง แต่เข้าใจความจริงของธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปว่าสิ่งนั้น ไม่ใช่เรามีกิเลส ไม่ใช่เราสลดใจ ไม่ใช่เรากลุ้มใจ ไม่ใช่เรามีความเข้าใจ แต่ทั้งหมดเป็นแต่เพียงธรรม กลุ้มใจ ทุกข์ใจ ก็ไม่ใช่เราเป็นแต่เพียงธรรมที่เกิดขึ้นและหมดไปไม่เหลือเลย มีเรามากลุ้มใจ ทุกข์ใจตอนไหน หมดแล้วทุกๆ ขณะ นี่คือ เริ่มเข้าใจความจริงว่าไม่มีเรา มีแต่ธรรม ก็จะเดินหนทางที่ถูก คือ ไม่เปลี่ยน อะไรเกิดแล้ว กิเลสเกิดมากก็ปกติ เพราะอะไรที่เกิดแล้ว ชื่อว่า ปกติ เพราะเป็นธรรมนั่นเองที่เกิด หนทางนี้ จึงเป็นหนทางที่ต้องเดินผ่านขวากหนามคือกิเลส ทุกข์มากมาย แต่ ก็ค่อยๆ สะสมปัญญาต่อไป คือ เข้าใจว่าเป็นธรรม แม้ขั้นการฟัง คิดนึก ก็จะปรุงแต่งต่อไป เกิดอีกนับชาติไม่ถ้วน ก็จะรู้ตัวจริง จนสามารถดับกิเลสได้ในที่สุด หนักเมื่อเป็นเรา ที่เราสลดใจ แต่เบาใจเมื่อเข้าใจว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เราสลดใจ ไม่ใช่เราทุกข์ใจ ในขณะเข้าใจในขณะนั้น ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Nuchareeya
วันที่ 24 ก.ย. 2564

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 24 ก.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถ้ากล่าวถึงสลด ที่เป็นความสังเวชจริงๆ นั่น เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี มีปัญญาเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริง เห็นโทษเห็นภัยของกิเลส ถอยกลับจากอกุศล แต่ถ้าสลดแบบชาวบ้าน ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง เป็นความเศร้าสร้อย หดหู่ใจ เสียใจ ไม่สบายใจ ซึ่งนั่น ไม่ใช่กุศลธรรม ไม่ใช่ปัญญาเลย แต่เป็นเรื่องของอกุศลธรรมเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าอกุศลมากเป็นอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน แม้ในขณะที่ฟังพระธรรมอยู่ อกุศลก็ยังสามารถที่จะเกิดแทรกได้ เป็นไปได้ถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ฟัง จะขนาดไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลยทีเดียว ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย มีธรรมซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงๆ เกิดขึ้นปรากฏให้ได้ศึกษาอยู่ตลอด ไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหนเลย เพราะมีจริงๆ ในขณะนี้ เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ขณะที่เข้าใจถูกเห็นถูก ก็ไม่หดหู่ใจ ไม่เป็นอกุศล ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
petsin.90
วันที่ 24 ก.ย. 2564

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ก.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
tanasedw
วันที่ 29 ก.ย. 2564

สาธุ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ