พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๙. วัชชีปุตตสูตร ภิกษุวัชชีได้ฟังดนตรีแล้วคร่ําครวญ

 
บ้านธัมมะ
วันที่  30 ส.ค. 2564
หมายเลข  36429
อ่าน  296

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 371

๙. วัชชีปุตตสูตร

ภิกษุวัชชีได้ฟังดนตรีแล้วคร่ําครวญ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 25]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 371

๙. วัชชีปุตตสูตร

ภิกษุวัชชีได้ฟังดนตรีแล้วคร่ำครวญ

[๗๘๓] สมัยหนึ่ง ภิกษุวัชชีบุตรรูปหนึ่ง พำนักอยู่ในแนวป่าแห่งหนึ่ง ใกล้เมืองเวสาลี สมัยนั้นแล วาระแห่งมหรสพตลอดราตรีทั้งปวงย่อมมีในเมืองเวสาลี.

[๗๘๔] ครั้งนั้นแล ภิกษุนั้นได้ฟังเสียงกึกก้องแห่งดนตรี อันบุคคลตีและบรรเลงแล้วในเมืองเวสาลี คร่ำครวญอยู่ ได้ภาษิตคาถานี้ในเวลานั้นว่า

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 372

เราเป็นคนๆ เดียวอยู่ในป่า ประดุจท่อนไม้ที่เขาทิ้งแล้วในป่า ฉะนั้น ใครจะเป็นผู้ลามกกว่าเราในราตรีเช่นนี้หนอ.

[๗๘๕] ลำดับนั้น เทวดาผู้สิงอยู่ในแนวป่านั้น มีความเอ็นดู ใคร่ประโยชน์แก่เธอ ใคร่จะยังเธอให้สลดจึงเข้าไปหาจนถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะเธอด้วยคาถาว่า

ท่านเป็นคนๆ เดียวเท่านั้นอยู่ในป่า ประดุจท่อนไม้ที่เขาทิ้งแล้วในป่าฉะนั้น เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมากย่อมรักท่าน ประดุจสัตว์นรกรักผู้ที่จะพาไปสวรรค์ ฉะนั้น.

ลำดับนั้นแล ภิกษุนั้นเป็นผู้อันเทวดาให้สังเวชถึงซึ่งความสลดแล้วแล.

อรรถกถาวัชชีปุตตสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในวัชชีปุตตสูตรที่ ๙ ต่อไปนี้ :-

บทว่า วชฺชีปุตฺตโก คือ ราชบุตรในแคว้นวัชชี. สละเศวตฉัตรออกบวช. บทว่า สพฺพรตฺติจาโร ความว่า การรื่นเริงที่เขาป่าวร้อง การเล่นในเดือนสิบสอง ตกแต่งด้วยธงชัยและธงแผ่นผ้าเป็นไปทั่วพระนคร ชื่อว่าผู้เที่ยวตลอดทั้งคืน. จริงอยู่ นักขัตฤกษ์นี้ มีติดต่อเป็นอันเดียวกันตลอดถึงชั้นจาตุมหาราชิกา. บทว่า ตุริยตาฬิตวาทิตนิคฺโฆสสทฺทํ คือ เสียงกึกก้องแห่งดนตรีมีกลองเป็นต้นที่เขาตีแล้ว และเครื่องสายมีพิณเป็นต้นที่เขา

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 31 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้า 373

บรรเลงแล้ว. บทว่า อภาสิ ความว่า ได้ยินว่า ในกรุงเวสาลีมีพระราชาอยู่ ๗,๗๐๗ องค์ อุปราชและเสนาบดีเป็นต้นของพระราชาเหล่านั้น ก็มีเท่านั้นเหมือนกัน. เมื่อพระราชาเหล่านั้นแต่งตัวแล้วลงสู่ถนน เพื่อประสงค์จะเล่นนักษัตร ภิกษุวัชชีบุตรเดินจงกรมอยู่ในที่จงกรมใหญ่ประมาณ ๖๐ ศอก เห็นพระจันทร์ลอยอยู่บนท้องฟ้า ยืนอาศัยแผ่นกระดานปลายที่จงกรมกล่าวแล้ว. บทว่า อปวิฏฺํว วนสิ ทารุกํ ความว่า เหมือนท่อนไม้ที่เขาทิ้งไว้ในป่าเพราะเป็นผู้เว้นจากเครื่องแต่งตัวคือผ้าโพก. บทว่า ปาปิโย ความว่า จะมีใครอื่นที่เลวไปกว่าเรา. บทว่า ปิหยนฺติ ความว่า เทวดาและมนุษย์เป็นอันมากปรารถนาต่อท่านว่า พระเถระอยู่ป่า ถือผ้าบังสุกุล ถือบิณฑบาต ถือเดินบิณฑบาตตามลำดับ มีความปรารถนาน้อย มีความสันโดษ. บทว่า สคฺคคามินํ คือ กำลังไปสู่สวรรค์บ้าง ไปแล้วบ้าง.

จบอรรถกถาวัชชีปุตตสูตรที่ ๙