พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๘. กกุธสูตร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  29 ส.ค. 2564
หมายเลข  36261
อ่าน  499

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 358

๘. กกุธสูตร


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 358

๘. กกุธสูตร

[๒๖๖] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-

สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระอัญชนวัน ที่พระราชทานอภัยแก่เนื้อ เมืองสาเกต ครั้งนั้น กกุธเทวบุตร เมื่อสิ้นราตรีปฐมยาม มีวรรณะงามยิ่งนัก ทำอัญชนวันให้สว่างทั่วแล้ว เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ก็ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

[๒๖๗] กกุธเทวบุตร ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระสมณะพระองค์ทรงยินดีอยู่หรือ. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนผู้มีอายุ เราได้อะไรจึงจะยินดี. กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระสมณะ ถ้าอย่างนั้นพระองค์ทรงเศร้าโศกอยู่หรือ. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนผู้มีอายุ เราเสื่อมอะไรจึงจะเศร้าโศก. กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า ข้าแต่พระสมณะ ถ้าอย่างนั้นพระองค์ไม่ทรงยินดีเลย ไม่ทรงเศร้าโศกเลยหรือ. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เป็นเช่นนั้น ผู้มีอายุ.

[๒๖๘] กกุธเทวบุตร กราบทูลว่า

ข้าแต่ภิกษุ พระองค์ไม่มีทุกข์บ้างหรือ ความเพลิดเพลินไม่มีบ้างหรือ ความเบื่อหน่ายไม่ครอบงำพระองค์ผู้ประทับนั่งแต่พระองค์เดียวบ้างหรือ.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 359

[๒๖๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนท่านผู้อันคนบูชา เราไม่ทุกข์เลย และความเพลิดเพลินก็ไม่มี อนึ่ง ความเบื่อหน่าย ก็ไม่ครอบงำเราผู้นั่งแต่ผู้เดียว.

[๒๗๐] กกุธเทวบุตรทูลถามว่า

ข้าแต่ภิกษุ ทำไมพระองค์จึงไม่มีทุกข์ ทำไมความเพลิดเพลินจึงไม่มี ทำไมความเบื่อหน่าย จึงไม่ครอบงำพระองค์ผู้นั่งแต่ผู้เดียว.

[๒๗๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ผู้มีทุกข์นั่นแหละ จึงมีความเพลิดเพลิน ผู้มีความเพลิดเพลินนั่นแหละ จึงมีทุกข์ ภิกษุย่อมเป็นผู้ไม่มีความเพลิดเพลิน ไม่มีทุกข์ ท่านจงรู้อย่างนี้เถิด ผู้มีอายุ.

[๒๗๒] กกุธเทวบุตรทูลว่า

นานหนอ ข้าพระองค์เพิ่งพบเห็นภิกษุ ผู้เป็นพราหมณ์ดับสนิทแล้ว ไม่มีความยินดี ไม่มีทุกข์ ข้ามพ้นเครื่องข้องในโลกแล้ว.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 360

อรรถกถากกุธสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในกกุธสูตรที่ ๘ ต่อไป :-

บทว่า กกุโธ เทวปุตฺโต ความว่า ได้ยินว่า เทพบุตรองค์นี้เป็นบุตรอุปัฏฐากของพระมหาโมคคัลลานเถระ ในโกฬนคร เมื่อวัยรุ่นอยู่ในสำนักของพระเถระ ทำฌานให้เกิดแล้ว ทำกาละ [ตาย] ไปอุบัติในพรหมโลก แม้ในพรหมโลกนั้น เหล่าพรหมก็รู้จักเขาว่ากกุธพรหมนั่นแล.

บทว่า นนฺทสิ แปลว่า ยินดี.

บทว่า กิํ ลทฺธา ความว่า บุคคลได้ของที่พอใจไรๆ ชื่อว่าผู้ยินดี เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอย่างนี้.

บทว่า กิํ ชิยิตฺถ ความว่า ก็ผู้ใดเสื่อมเสียสิ่งของ มีผ้าเป็นต้นที่พอใจไรๆ ผู้นั้นย่อมเศร้าโศก เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอย่างนั้น.

บทว่า อรติ นาภิกีรติ ความว่า ความระอาย่อมไม่ครอบงำ.

บทว่า อฆชาตสฺส ความว่า ผู้เกิดทุกข์ คือ ตั้งอยู่ในวัฏทุกข์.

บทว่า นนฺทิชาตสฺส ได้แก่ ผู้เกิดตัณหา.

จริงอยู่ วัฏทุกข์ของบุคคลเห็นปานนั้นก็มา [เรียก] ว่า อฆะ.

สมจริง ดังคำที่ท่านกล่าวว่า ผู้เป็นทุกข์ ย่อมปรารถนาสุข. ดังนั้น ความยินดี จึงมีแก่ผู้เกิดทุกข์. ส่วนทุกข์ก็มาเหมือนกัน เมื่อสุขแปรปรวนไป เหตุนั้น ทุกข์จึงมีแก่ผู้เกิดความยินดี.

จบอรรถกถากกุธสูตรที่ ๘