พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๖. กามทสูตร

 
บ้านธัมมะ
วันที่  29 ส.ค. 2564
หมายเลข  36249
อ่าน  424

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 330

๖. กามทสูตร


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 330

๖. กามทสูตร

[๒๓๒] กามทเทวบุตร ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วได้ทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า การทำสมณธรรมทำได้โดยยาก ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า การทำสมณธรรมทำได้โดยแสนยาก.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ชนทั้งหลาย ผู้ตั้งมั่นแล้วด้วยศีลแห่งพระเสขะ มีตนตั้งมั่นแล้ว ย่อมกระทำสมณธรรม แม้ที่ทำได้โดยยาก ความยินดี ย่อมนำสุขมาให้แก่บุคคลผู้เข้าถึงแล้ว ซึ่งการบวชไม่มีเรือน.

[๒๓๓] กามทเทวบุตรทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ข้อที่หาได้ยาก คือ สันตุฏฐี ความสันโดษ.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ชนเหล่าใด ขึ้นดีแล้วในความสงบแห่งจิต ชนเหล่าใด มีใจยินดีแล้วในภาวนา ทั้งกลางวันและกลางคืน ชนเหล่านั้น ชื่อว่า ย่อมได้แม้ซึ่งสิ่งที่ได้โดยยาก.

[๒๓๔] กามทเทวบุตรทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ธรรมชาติที่ตั้งมั่นได้ยาก คือ จิต.

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 331

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ชนเหล่าใด ยินดีแล้วในความสงบอินทรีย์ ชนเหล่านั้นชื่อว่าย่อมตั้งมั่นซึ่งจิตที่ตั้งมั่นได้ยาก ดูก่อนกามทเทวบุตร อริยะทั้งหลายเหล่านั้นย่อมตัดข่ายแห่งมัจจุไป.

[๒๓๕] กามทเทวบุตรทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทางที่ไปได้ยาก คือ ทางที่ไม่เรียบ.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

ดูก่อนกามทเทวบุตร พระอริยะทั้งหลาย ย่อมไปได้ แม้ในทางที่ไม่เรียบที่ไปได้ยาก ผู้มิใช่อริยะ ย่อมเป็นผู้บ่ายศีรษะลงเบื้องต่ำ ตกไปในทางอันไม่เรียบ ทางนั้นย่อมสม่ำเสมอสำหรับอริยะทั้งหลาย เพราะอริยะทั้งหลาย เป็นผู้สม่ำเสมอ ในทางอันไม่เรียบ.

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 332

อรรถกถากามทสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในกามทสูตรที่ ๖ ต่อไป :-

บทว่า ทุกฺกรํ ความว่า ได้ยินว่า เทพบุตรองค์นี้ เคยเป็นพระโยคาวจร ข่มกิเลสทั้งหลาย ด้วยความพากเพียร เพราะเป็นผู้มีกิเลสหนา กระทำสมณธรรม ก็ยังไม่บรรลุอริยภูมิ เพราะมีอุปนิสัยในปางก่อนน้อย กระทำกาละ [ตาย] แล้วไปบังเกิดในเทวโลก ไปยังสำนักพระตถาคตมาด้วยหวังจะทูลบอกว่า สมณธรรมทำได้ยาก จึงทูลอย่างนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทุกฺกรํ ความว่า ขึ้นชื่อว่า การกระทำสมณธรรมให้บริสุทธิ์โดยส่วนเดียวตลอด ๑๐ ปีบ้าง ฯลฯ ๖๐ ปีบ้าง ชื่อว่ากระทำได้ยาก.

บทว่า เสกฺขา ได้แก่ พระเสขะ ๗.

บทว่า สีลสมาหิตา แปลว่า ตั้งมั่นเข้าประกอบแล้วด้วยศีล.

บทว่า ิตตฺตา แปลว่า สภาวะที่ตั้งมั่นแล้ว.

พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นทรงแก้ปัญหาที่เทพบุตรทูลถามอย่างนี้แล้ว บัดนี้ เมื่อจะทรงตั้งปัญหาให้สูงขึ้นไปอีก จึงตรัสว่า อนคาริยุเปตสฺส เป็นต้น.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อนคาริยุเปตสฺส ได้แก่ ผู้เข้าถึงความไม่มีเรือน คือ ปราศจากเรือน.

จริงอยู่ ภิกษุอยู่บนปราสาทแม้ ๗ ชั้น เมื่อถูกพระภิกษุผู้แก่กว่ามาบอกว่า เสนาสนะนี้ตกถึงผม ดังนี้ ย่อมถือเอาบาตรจีวรออกไปโดยดี เพราะฉะนั้น ภิกษุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรียกว่า ผู้เข้าถึงความไม่มีเรือน.

บทว่า ตุฏฺิ ได้แก่ ความสันโดษด้วยปัจจัย ๔.

บทว่า ภาวนาย ได้แก่ ในการอบรมความสงบแห่งจิต.

บทว่า เต เฉตฺวา มจฺจุโน ชาลํ ความว่า พระอริยะเหล่าใดยินดีแล้วในความสงบแห่งอินทรีย์ ทั้งกลางวันและกลางคืน พระอริยะเหล่านั้น

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 333

ย่อมตั้งมั่นจิตที่ตั้งมั่นได้ยาก.

พระอริยะเหล่าใด มีจิตตั้งมั่นแล้ว พระอริยะเหล่านั้น ทำความสันโดษในปัจจัย ๔ ให้บริบูรณ์ ย่อมไม่ลำบาก.

พระอริยะเหล่าใดสันโดษแล้ว พระอริยะเหล่านั้น ทำศีลให้บริบูรณ์ ย่อมไม่ลำบาก.

พระอริยะเหล่าใดตั้งมั่นในศีล พระอริยะเหล่านั้น คือ พระเสขะ ๗ ตัดข่าย คือ กิเลส ที่เรียกว่า ข่ายมัจจุไป.

คำทั้งหมดว่า ทุคฺคโม นี้ ท่านอธิบายว่า เทพบุตรทูลถามว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระอริยะเหล่าใด ยินดีในอินทรีย์อันสงบ พระอริยะเหล่านั้น ย่อมตั้งมั่นจิตที่ตั้งมั่นได้ยาก พระอริยะเหล่าใดตั้งมั่นในศีล พระอริยะเหล่านั้นตัดข่ายมัจจุไปได้.

ก็บุคคลนี้จักไปได้อย่างไร ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทางนี้เป็นทางที่ไปได้ยาก เป็นทางที่ไม่เรียบมิใช่หรือ ดังนี้.

ในข้อนั้น อริยมรรคไม่เป็นทางที่ไปได้ยาก ไม่เป็นทางที่ไม่เรียบ ก็จริงอยู่ ถึงอย่างนั้น อันตรายเป็นอันมาก ย่อมมีแก่บุคคลนั้น เพราะปฏิปทาเป็นบุพภาคส่วนเบื้องต้น เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอย่างนั้น.

บทว่า อวํสิรา ได้แก่ เป็นผู้บ่ายศีรษะลง เพราะศีรษะคือญาณ ย่อมตกไป และเพราะไม่อาจยกขึ้นสู่อริยมรรคได้ ชนเหล่านั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสเรียกว่า ตกไปในทางอันไม่เรียบ.

บทว่า อริยานํ สโม มคฺโค ความว่า ทางนั้นนั่นแล ย่อมเป็นทางเรียบของพระอริยะทั้งหลาย.

บทว่า วิสเม สมา ความว่า แท้จริง พระอริยะทั้งหลายเป็นผู้เรียบอย่างเดียว ในหมู่สัตว์ที่ไม่เรียบ.

จบอรรถกถากามทสูตรที่ ๖