พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย

๓. สาธุสูตร ว่าด้วยอานิสงส์การให้ทาน

 
บ้านธัมมะ
วันที่  28 ส.ค. 2564
หมายเลข  36194
อ่าน  631

[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 172

๓. สาธุสูตร

ว่าด้วยอานิสงส์การให้ทาน


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 24]


  ข้อความที่ 1  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 172

๓. สาธุสูตร

ว่าด้วยอานิสงส์การให้ทาน

[๙๔] ครั้งนั้นแล เมื่อปฐมยามล่วงไปแล้ว พวกเทวดาสตุลลปกายิกามากด้วยกัน มีวรรณะงาม ยังพระวิหารเชตวันทั้งสิ้นให้สว่าง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ครั้นถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว จึงได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.

[๙๕] เทวดาองค์หนึ่ง ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้เปล่งอุทานนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล เพราะความตระหนี่และความประมาทอย่างนี้ บุคคลจึงให้ทานไม่ได้ อันบุคคลผู้หวังบุญ รู้แจ้งอยู่ พึงให้ทานได้.

[๙๖] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานนี้ในสำนักของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล อนึ่ง แม้เมื่อของมีอยู่น้อย ทานก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ บุคคลพวกหนึ่ง เมื่อของมีน้อย ย่อมแบ่งให้ได้ บุคคลพวกหนึ่ง มีของมากก็

 
  ข้อความที่ 2  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 173

ให้ไม่ได้ ทักษิณาที่ให้แต่ของน้อย ก็นับเสมอด้วยพัน.

[๙๗] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล แม้เมื่อของมีอยู่น้อย ทานก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ อนึ่ง ทานที่ให้แม้ด้วยศรัทธาก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่าทานและการรบเสมอกัน พวกวีรบุรุษแม้มีน้อย ย่อมชนะคนขลาดที่มีมากได้ ถ้าบุคคลเชื่ออยู่ย่อมให้สิ่งของแม้น้อยได้ เพราะฉะนั้นแล ทายกนั้นย่อมเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า.

[๙๘] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล แม้เมื่อของมีอยู่น้อย การให้ทานได้เป็นการดี อนึ่ง ทานที่ให้แม้ด้วยศรัทธาก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ อนึ่ง ทานที่ให้แก่บุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้ว ยิ่งเป็นการดี บุคคลใดเกิดมาย่อมให้ทานแก่ผู้มีธรรมอันได้แล้ว ผู้มี

 
  ข้อความที่ 3  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 174

ธรรมอันบรรลุแล้วด้วยความหมั่นและความเพียร บุคคลนั้นล่วงพ้นนรกแห่งยมราช ย่อมเข้าถึงสถานอันเป็นทิพย์.

[๙๙] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล แม้เมื่อของมีอยู่น้อย การให้ทานได้เป็นการดี ทานที่ให้แม้ด้วยศรัทธาก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ ทานที่ให้แก่บุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้ว ยิ่งเป็นการดี อนึ่ง ทานที่บุคคลเลือกให้ยิ่งเป็นการดี ทานที่เลือกให้ พระสุคตทรงสรรเสริญแล้ว บุคคลทั้งหลายผู้ควรแก่ทักษิณา ย่อมมีอยู่ในโลกคือหมู่สัตว์นี้ ทานทั้งหลาย อันบุคคลให้แล้วในบุคคลทั้งหลายนั้น ย่อมมีผลมาก เหมือนพืชทั้งหลายที่บุคคลหว่านแล้วในนาดี.

[๑๐๐] ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานนี้ในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล แม้เมื่อของมีอยู่น้อย การให้ทานได้เป็นการดี ทานที่ให้

 
  ข้อความที่ 4  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 175

แม้ด้วยศรัทธาก็ให้ประโยชน์สำเร็จได้ ทานที่ให้แก่บุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้วยิ่งเป็นการดี อนึ่ง ทานที่บุคคลเลือกให้ยิ่งเป็นการดี อนึ่ง ความสำรวมแม้ในสัตว์ทั้งหลายยิ่งเป็นการดี

บุคคลใดประพฤติเป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลายอยู่ ไม่ทำบาป เพราะกลัวความติเตียนแห่งผู้อื่น บัณฑิตทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุคคล ซึ่งเป็นผู้กลัวบาป แต่ไม่สรรเสริญบุคคลผู้กล้าในการทำบาปนั้น สัตบุรุษทั้งหลายย่อมไม่ทำบาปเพราะความกลัวบาปแท้จริง.

ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้กล่าวคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า คำของใครหนอแลเป็นสุภาษิต.

[๑๐๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า คำของพวกท่านทั้งหมดเป็นสุภาษิตโดยปริยาย แต่ว่าพวกท่านจงฟังคำของเราบ้าง

ก็ทานอันบัณฑิตสรรเสริญแล้วโดยส่วนมากโดยแท้ ก็แต่ธรรมบท (นิพพาน) แหละประเสริฐกว่าทาน เพราะว่าสัตบุรุษทั้งหลายผู้มีปัญญาในกาลก่อนก็ดี ในกาลก่อนกว่าก็ดี บรรลุซึ่งนิพพานแล้วแท้จริง.

 
  ข้อความที่ 5  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 176

อรรถกถาสาธุสูตร

พึงทราบวินิจฉัยในสาธุสูตรที่ ๓ ต่อไป:-

บทว่า อุทานํ อุทาเนสิ แก้เป็น อุทาหารํ อุทาหริ ได้แก่ เปล่งวาจายกตัวอย่างมาอ้าง.

เหมือนอย่างว่า บุคคลย่อมไม่อาจเพื่อจะถือเอาประมาณน้ำมันอันน้อยได้ เพราะซึมซาบไป ท่านเรียกน้ำมันนั้นว่า เป็นส่วนที่เหลือเศษ บุคคลใดย่อมไม่อาจเพื่อถือเอาทะเลสาบที่มีน้ำมาก อันใด เพราะไหลท่วมทับ ท่านเรียกน้ำนั้นว่า โอฆะ ฉันใด หทัยใดย่อมไม่อาจเพื่อจะยึดซึ่งถ้อยคำอันเกิดจากปีติไว้ได้ เพราะเป็นถ้อยคำอันมีกำลังยิ่ง อดกลั้นอยู่ภายในไม่ได้ ย่อมออกมาภายนอก ท่านจึงเรียกถ้อยคำนั้นว่า อุทาน ฉันนั้นเหมือนกัน เทวดานั้นเปล่งอุทานถือถ้อยคำอันเกิดแต่ปีติเห็นปานนี้.

ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ทานยังประโยชน์ให้สำเร็จได้แล แม้เมื่อของมีอยู่น้อย ทานก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ อนึ่ง ทานที่ให้แม้ด้วยศรัทธา ก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ นักปราชญ์ทั้งหลายกล่าวว่า ทานและการรบเสมอกัน พวกวีรบุรุษแม้มีน้อย ย่อมชนะคนฉลาดที่มีมากได้ ถ้าบุคคลเชื่ออยู่ ย่อมให้สิ่งของแม้น้อยได้ เพราะฉะนั้นแล ทายกนั้นย่อมเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า.

 
  ข้อความที่ 6  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 177

บทว่า สทฺธายปิ สาหุ ทานํ แปลว่า ทานที่ให้แม้ด้วยศรัทธาก็ยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ ได้แก่ ทานที่บุคคลแม้เชื่อซึ่งกรรมและผลของกรรมแล้วให้ เป็นการยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ คือ เป็นกรรมอันเจริญที่ตนได้.

บทว่า อาหุ แก้เป็น กเถนฺติ แปลว่า ย่อมกล่าว.

ถามว่า อย่างไร ทานและการรบทั้งสองนั้น จึงชื่อว่าเสมอกัน.

ตอบว่า เพราะว่าบุคคลผู้ขลาดในชีวิตย่อมไม่อาจเพื่อจะรบ บุคคลผู้กลัวความสิ้นเปลือง ก็ย่อมไม่อาจเพื่อจะให้ทาน.

จริงอยู่ เมื่อบุคคลกล่าวว่า ข้าพเจ้าจักรักษาชีวิตด้วย จักรบด้วย ดังนี้ ย่อมไม่รบ แต่บุคคลสละความอาลัยในชีวิตแล้วให้อุตสาหะเกิดขึ้นว่า เราถูกตัดอวัยวะหรือการตายก็ตาม เราจักต้องถึงความเป็นอิสระนั่น ดังนี้ทีเดียว ย่อมรบ.

บุคคลเมื่อกล่าวว่า เราจักรักษาโภคะทั้งหลาย และจักให้ทาน ดังนี้ชื่อว่า ย่อมไม่ให้ทาน แต่บุคคลสละความอาลัยในโภคะทั้งหลายและมีอุตสาหะว่า เราจักให้มหาทาน ดังนี้ ชื่อว่า ย่อมให้ทาน.

ทานและการรบ ย่อมเสมอกันแม้ด้วยอาการอย่างนี้. คำอะไรๆ ที่จะพึงกล่าวให้ยิ่งกว่านี้ย่อมไม่มี.

บทว่า อปฺปาปิ สนฺตา พหุเก ชินํ แปลว่า พวกวีรบุรุษแม้มีน้อย ย่อมชนะคนขลาดที่มีมากได้ อธิบายว่า พวกวีรบุรุษถึงจะมีน้อยก็สามารถรบชนะผู้ขลาดที่มีมากได้ ฉันใด บุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา ก็ฉันนั้น เมื่อให้ทานน้อยย่อมย่ำยีความตระหนี่มาก ทั้งยังได้ผลของทานเป็นอันมาก. ทานและการรบจึงเสมอกันแม้ด้วยอาการอย่างนี้.

ด้วยเหตุนี้แหละ เทวดาจึงกล่าวว่า ถ้าบุคคลเชื่ออยู่ ย่อมให้สิ่งของแม้น้อยได้ ดังนี้.

ก็เพื่อประกาศเนื้อความนี้ว่า เพราะฉะนั้นแล ทายกนั้น ย่อมเป็นผู้มีความสุขในโลกหน้า ดังนี้ พึงยังเรื่องพราหมณ์เอกสาฎกให้พิสดาร.

บทว่า ธมฺมลทฺธสฺส แปลว่า ผู้มีธรรมอันได้แล้ว ได้แก่ บุคคลผู้มีโภคะอันได้แล้วด้วยธรรมอันสงบ และบุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้ว.

ในข้อนี้ บุคคลผู้มีธรรมอันบรรลุแล้ว ผู้เป็น

 
  ข้อความที่ 7  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 178

พระอริยบุคคล ชื่อว่า ผู้มีธรรมอันได้แล้ว. เพราะฉะนั้น ทานอันบุคคลผู้มีโภคะอันได้แล้วโดยธรรม ย่อมให้แก่พระอริยบุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้ว ท่านกล่าวว่า แม้ข้อนั้น ก็เป็นการดี.

เนื้อความในบทคาถาว่า บุคคลใดย่อมให้ทานแก่ผู้มีธรรมอันได้แล้ว แม้นี้ก็นัยนี้แหละ.

บทว่า อุฏฺานวิริยาธิคตสฺส ได้แก่ ผู้มีโภคะอันบรรลุแล้ว ด้วยความบากบั่น และความเพียร.

บทว่า เวตรณี (ชื่อนรกขุมหนึ่งที่มีแม่น้ำ) นี้เป็นเพียงหัวข้อเทศนาเท่านั้น.

อธิบายว่า ก็บุคคลนั้นก้าวพ้นไปได้โดยประการทั้งปวง คือ ซึ่งนรกของพญายม ชื่อว่าเวตรณีบ้าง ซึ่งมหานรก ๓๑ มีสัญชีวนรก และกาฬสุตตนรก เป็นต้นบ้าง.

ในลำดับนั้นแล เทวดาอื่นอีก ได้เปล่งอุทานในสำนักพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้ไม่มีทุกข์ ฯลฯ ทานที่ให้แก่บุคคลผู้มีธรรมอันได้แล้ว เป็นการดี อนึ่ง ทานที่บุคคลเลือกให้ยิ่งเป็นการดี ทานที่เลือกให้พระสุคตทรงสรรเสริญแล้ว.

บทว่า วิเจยฺย ทานํ แปลว่า ทานที่บุคคลเลือกให้.

ในข้อนี้ ได้แก่ทานที่บุคคลเลือกให้นั้นมี ๒ อย่าง คือ เลือกทักขิณา (ของสำหรับทำบุญ) อย่างหนึ่ง เลือกพระทักขิไณยบุคคล (บุคคลผู้ควรรับของทำบุญ) อย่างหนึ่ง.

ในสองอย่างนั้น การนำปัจจัยทั้งหลายที่เลว ออกไปแล้วคัดเลือกเอาของที่ประณีตๆ ถวายแก่พระทักขิไณยบุคคลเหล่านั้น ชื่อว่า การเลือกทักขิณา.

การละเว้นบุคคลทั้งหลาย นอกจากศาสนานี้ ผู้มีศีลวิบัติแล้ว และบุคคลผู้นอกรีตนอกรอย ๙๖ ประเภท แล้วถวายทานแก่บรรพชิตในพระศาสนา ผู้ถึง

 
  ข้อความที่ 8  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 179

พร้อมด้วยศีลาทิคุณ ชื่อว่า การเลือกพระทักขิไณยบุคคล.

ด้วยอาการทั้งสองอย่าง อย่างนี้ ชื่อว่า ทานที่บุคคลเลือกให้.

บทว่า สุคตปฺปสฏฺํ แปลว่า พระสุคตทรงสรรเสริญแล้ว.

ก็เทวดากล่าวถึงการเลือกทักษิณา (ของทำบุญ) ด้วยคำว่า พีชานิ วุตฺตานิ ยถา นี้ แปลว่า เหมือนพืชที่หว่านแล้ว อธิบายว่า ไทยธรรม คือ ของทำบุญ อันประณีตๆ เช่นกับการเลือกพืชที่หว่านแล้ว.

บทว่า ปาเณสุปิ สาธุ สํยโม แปลว่า ความสำรวมแม้ในสัตว์ทั้งหลายเป็นการดี คือ ว่ามีความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย ก็ย่อมเป็นกรรมอันเจริญ.

เทวดานี้ เมื่อจะก้าวล่วงอานิสงส์ของทานที่พวกเทวดาเหล่าอื่นกล่าวแล้ว เพื่อกล่าวถึงอานิสงส์แห่งศีล จึงเริ่มคำว่า

โย ปาณภูตานิ อเหยํ จรํ ปรูปวาทา น กโรติ ปาปํ ภีรุํ ปสํสนฺติ น หิ ตตฺถ สูรํ ภยา หิสนฺโต น กโรนฺติ ปาปํ.

บุคคลใดประพฤติตนเป็นผู้ไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งหลาย เที่ยวไปอยู่ ไม่ทำบาปเพราะกลัวความติเตียนแห่งผู้อื่น บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมสรรเสริญซึ่งบุคคลผู้กลัวบาป แต่ไม่สรรเสริญบุคคลผู้กล้าในการทำบาปนั้น สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมไม่ทำบาป เพราะความกลัวบาปแท้.

คำว่า อเหยํ จรํ แก้เป็น อวิหิํสนฺโน จรมาโน แปลว่า เป็นผู้ไม่เบียดเบียน เที่ยวไปอยู่.

บทว่า ปรูปวาทา แปลว่า เพราะกลัวความ

 
  ข้อความที่ 9  
 
บ้านธัมมะ
วันที่ 30 ม.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้า 180

ติเตียนแห่งบุคคลอื่น.

บทว่า ภยา ได้แก่ อุปวาทภัย (ภัย คือ ความติเตียน).

บทว่า ทานา จ โข ธมฺมปทํว เสยฺโย แปลว่า บทแห่งธรรมเท่านั้นประเสริฐกว่าทาน คือว่า บทแห่งธรรม กล่าวคือ พระนิพพานนั่นแหละประเสริฐกว่าทาน.

บทว่า ปุพฺเพว หิ ปุพฺพตเรว สนฺโต แปลว่า เพราะว่าสัตบุรุษทั้งหลายในกาลก่อนก็ดี กาลก่อนกว่าก็ดี อธิบายว่า ในกาลก่อน คือกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า กัสสปะ เป็นต้น และในกาลก่อนกว่า คือในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า โกนาคมน์ เป็นต้นก็ดี บัณฑิตเหล่านั้นแม้ทั้งหมดชื่อว่า เป็นสัตบุรุษในกาลก่อนหรือในกาลก่อนกว่านั้นแหละ ดังนี้แล.

จบอรรถกถาสาธุสูตรที่ ๓