อำนาจของความยึดติด
องค์ธรรมของอุปาทานมี 2 อย่าง คือ โลภะ และทิฏฐิ อุปาทานคือการยึดมั่นในความเห็นผิด เช่น ไม่เชื่อเรื่องบุญบาป ยึดมั่นในข้อปฏิบัติผิด เช่น รับประทานอาหาร
หรือ ก๋วยเตี๋ยว ไม่ใส่เครื่องปรุง เพราะคิดว่าเป็นการลดโลภะ ยึดมั่นในความเห็นว่าเป็นตัวตน และยึดมั่น ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฎฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ
อุปาทาน ความยึดถือ ก็ไม้พ้นไปจากขันธ์ 5 เลย อุปาทานขันธ์ 5 ซึ่งก็เป็นสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้เอง ที่ยึดถือ ว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคลตัวตน ด้วยความเห็นผิด และด้วยโลภะ ดังนั้น หนทางเดียวที่จะดับความยึดถือ อุปาทาน ในสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นเรา.. คือการอบรมปัญญา ระลึกรู้ (สติ) สภาพธัมมะที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธัมมะ เป็นหนทางเดียวที่จะละ อุปาทานได้ ชื่อยาก (อุปาทาน) แต่ก็เป็นสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้เองครับ ซึ่งกามุ-ปาทาน ความพอใจ (โลภะ) จะละได้เมื่อเป็นพระอรหันต์ ทิฏฐุปาทานความเห็นผิดต่างๆ สีลัพพตุปาทาน ข้อประพฤติปฏิบัติที่ผิดต่างๆ และอัตตวาทุปาทาน ความยึดถือ ว่าเป็นเรา สัตว์ บุคคล อุปาทาน 3 อย่างที่กล่าวมาจะละหมดเมื่อเป็นพระโสดาบัน ดังนั้น การดับกิเลสต้องเป็นพระ-โสดาบันก่อน ปัญญาจึงต้องดับความเห็นผิดก่อนว่า ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย