แต่ละคนต่างกันเพราะอะไร

 
unnop.h
วันที่  29 ก.ค. 2564
หมายเลข  35126
อ่าน  709


* ทำไมแต่ละบุคคลจึงมีความแตกต่างกันทั้งอุปนิสัย และฐานะ ความสุขสบาย ความทุกข์ยาก ที่หลากหลายต่างๆ กันไป

* จิตเป็นสภาพรู้ที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้อารมณ์ (สิ่งที่จิตรู้) ทุกๆ ขณะในชีวิตก็คือจิตที่เกิดขึ้นทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งแล้วก็ดับไป และจิตขณะต่อไปก็เกิดขึ้นสืบต่อทันทีโดยไม่มีระหว่างคั่น

* ข้อความในพระอภิธรรมปิฎก แสดงความหมายของจิตประการหนึ่งว่า
"จิตนั้นชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า ย่อมสั่งสมสันดานของตนด้วยสามารถแห่งชวนวิถี"
และอีกประการหนึ่งว่า
"ชื่อว่า จิต เพราะอรรถว่า เป็นธรรมชาติอันกรรมและกิเลสทั้งหลายสั่งสมวิบาก"

* ขณะจิตที่สำคัญในชีวิตทุกภพชาติของผู้ที่ยังมีกิเลส ก็คือขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล ซึ่งเป็นชวนวิถี คือแล่นสืบต่อกันไป 7 ขณะจิต (โดยปกติ) จึงทำให้มีการเสพคุ้นและสั่งสมอุปนิสัยให้สืบต่อ (สันดาน หรือ สันตานะ) ไปในจิตขณะต่อๆ ไป นี่คือเหตุผลตามความเป็นจริงอย่างชัดเจนว่า ทำไมแต่ละบุคคลจึงมีอุปนิสัยทั้งในทางกุศล หรืออกุศล รวมทั้งจริตอัธยาศัยที่หลากหลายต่างๆ กันไป

* ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังมีปัจจัยให้กระทำกรรมที่เป็นกุศลกรรมบ้าง อกุศลกรรมบ้าง ซึ่งกรรมที่กระทำไว้แล้ว ก็จะสะสมสืบต่อไปในจิต และเมื่อมีโอกาสคือมีปัจจัย ก็สามารถให้ผลเป็นวิบาก (ผลของกรรมที่เป็นจิตและเจตสิก) ได้ต่อไป นี่คือเหตุผลตามความเป็นจริงอย่างชัดเจนว่า ทำไมแต่ละบุคคลจึงมีความสุขสบาย หรือทุกข์ยาก ต่างๆ กันไป

* ดังนั้นชีวิตของแต่ละบุคคลในแต่ละวัน จึงต่างกันไป และแม้จิตที่เกิดขึ้นขณะหนึ่งๆ ก็ยังต่างกันอีกด้วย


โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 29 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kornisasuwan
วันที่ 30 ก.ค. 2565

เมื่อได้รู้อย่างนี้แล้ว จึงเข้าใจทันทีว่า "จิต" ต่อจากนี้ไป เมื่อเกิด หิริ โอตัปปะ และจะได้สะสมกรรมดี ให้มากๆ เพื่อจะได้ไม่ไปอบายภูมิ และหากเกิดใหม่จะมีกรรมที่แสดงผลดีบ้าง สาธุ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Wisaka
วันที่ 27 ก.พ. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ