[คำที่ ๗๘] สมฺผปฺปลาป

 
Sudhipong.U
วันที่  21 ก.พ. 2556
หมายเลข  32198
อ่าน  1,226

ภาษาบาลี ๑ คำ คติธรรมประจำสัปดาห์ สมฺผปฺปลาป

คำว่า สมฺผปฺปลาป (อ่านว่า สำ - ผับ - ปะ - ลา - ปะ) เป็นคำภาษาบาลีโดยตรง แปลว่า การพูดเพ้อเจ้อ พูดไร้สาระ มุ่งให้ผู้อื่นได้ยินได้ฟังในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ เป็นหนึ่งในวจีทุจริต ๔ (พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ  พูดเพ้อเจ้อ) ดังข้อความบางตอนจาก ปปัญจสูทนี อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ สัมมาทิฏฐิสูตร ว่า วาทะที่เป็นเหตุให้เจรจาเพ้อเจ้อ คือ ไร้ประโยชน์ ชื่อว่า สัมผัปปลาปะ.       


การพูดเพ้อเจ้อ หมายถึง กุศลเจตนาที่จงใจพูดในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์แก่ผู้อื่น การพูดเพ้อเจ้อ มีองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ มุ่งที่จะพูดคำที่ไร้ประโยชน์ และมีการกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกไป ซึ่งเกิดจากกุศลจิต นั่นเอง แต่ก็ไม่ได้หมายรวมความว่าการพูดเรื่องทั่วไปแล้วจะเป็นการพูดเพ้อเจ้อทั้งหมด เพราะเหตุว่าพระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง และพิจารณาที่สภาพจิตเป็นสำคัญ เช่น การพูดกับผู้อื่นด้วยเมตตาจิต ถามถึงสุขทุกข์ และการพูดแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตแก่ผู้อื่นด้วยกุศลจิต ครูอาจารย์สั่งสอนศิลปะวิทยาเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับประกอบอาชีพที่สุจริตในภายภาคหน้า แก่ศิษย์ อย่างนี้ ไม่เป็นการพูดเพ้อเจ้อ ดังนั้น การจะผิดกุศลกรรมบถข้อการพูดเพ้อเจ้อ ซึ่งเป็นวจีทุจริต นั้น ต้องหมายถึงเฉพาะการพูดด้วยกุศลเจตนาให้ผู้อื่นรับรู้ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เท่านั้น และยังมีข้อที่ควรพิจารณาอีก คือ การพูดเรื่องเดียวกัน แต่จิตอาจจะต่างกันก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับว่าจะพูดด้วยกุศล หรือด้วยกุศล เพราะวาจาก็เป็นไปตามจิต เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว กุศลเจตนา จึงจะเป็นการพูดเพ้อเจ้อ แต่ถ้าเป็นกุศลแล้ว จะไม่เป็นเหตุให้พูดเพ้อเจ้อเลย

เพราะฉะนั้น จึงแสดงให้เห็นว่า การพูดเพ้อเจ้อ หรือพูดเรื่องที่ไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์ทั้งคนพูด และคนฟัง ถ้าจะพูดเรื่องไร้สาระ ก็นิ่ง ไม่พูดเสียดีกว่า เพราะเหตุว่าการไม่พูดเรื่องไร้สาระนั้น ไม่มีเรื่องที่จะทำให้ผู้อื่นเกิดโลภะ โทสะ หรือกุศลต่างๆ เลยแม้แต่น้อย แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นแล้ว ไม่ควรนิ่งเฉย ควรอย่างยิ่งที่จะพูด พูดเพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแก่ผู้อื่นเท่าที่จะเป็นไปได้ตามกำลังความสามารถของแต่ละคน พร้อมกันนั้นก็ยังจะต้องดูกาละที่สมควรด้วย การพูดนั้นจึงจะไม่ไร้ประโยชน์

พระธรรม เป็นเครื่องเตือนที่ดีในชีวิตประจำวัน ถ้าเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม สะสมปัญญาไปตามลำดับ ถึงแม้ว่าจะยังไม่สามารถดับกิเลสใด ๆ ได้ แต่ก็สามารถรู้ได้ว่าถ้าเกิดมีการพูดในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ขึ้น จิตในขณะนั้นเป็นกุศลอย่างไร แล้วพร้อมที่จะขัดเกลาตนเองต่อไป    เพราะเหตุว่าผู้ที่จะดับวจีทุจริตได้ ต้องเป็นพระอริยบุคคลเท่านั้น การพูดด้วยกุศลจิตไม่มีประโยชน์กับบุคคลใดทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ควรละเว้น ควรระลึกได้ว่าไม่ควรเลยที่จะกล่าว ควรกล่าวเฉพาะวจีสุจริต เท่านั้น ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ การพูดด้วยกุศลจิต ก็จะมีมากขึ้น การพูดด้วยกุศลจิตย่อมเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟัง พร้อมทั้งเป็นประโยชน์แก่ตนเองด้วย เพราะเหตุว่าในขณะนั้น กุศลธรรมเจริญขึ้น ไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จึงเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง อย่างแท้จริง ไม่มีสำสอนในทางพระพุทธศาสนาแม้แต่บทเดียวที่ส่งเสริมหรือสนับสนุนให้เกิดกุศลแม้เพียงเล็กน้อย.


อ่านคำอื่นๆ คลิกที่นี่ ... บาลี ๑ คำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มกร
วันที่ 5 พ.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ 

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ 

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ