พรหมโลก เป็นสิ่งที่เป็นสังขารโลกคือเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงใช่ไหมครับ

 
kornzaq
วันที่  18 เม.ย. 2563
หมายเลข  31766
อ่าน  579

ตามหัวข้อเลยครับ

โลกที่เป็นที่อยู่อาศัยของพระพรหม ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงใช่ไหมครับ คือสักวันก็ต้องเสื่อมและดับไป หรือเปล่าครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงตามความเป็นจริงว่ารูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เที่ยงไม่มีเลย เพราะฉะนั้น โอกาสโลก ที่เป็นที่อยู่ของสัตว์โลก มีสวรรค์ พรหมโลก เป็นต้น ก็ไม่พ้นจาการประชุมรวมกันของรูป ดังนั้นรูปนั้นก็เกิดขึ้นและดับไปตลอดเวลา เพียงแต่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เห็นได้ด้วยปัญญา นี่คือความจริงของสภาพธรรม ดังที่มหาพรหมที่เป็นพระอริยบุคคล ไปเกื้อกูลพรหมที่เป็นปุถุชน มัวเมา หลงผิด และแสดงความจริงว่าแม้พรหมโลกที่ท่านอยู่ ก็ไม่เที่ยง อันแสดงความจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นและดับไปที่เป็นรูปธรรม อันเป็นที่อยู่ของสัตว์โลกด้วยครับ ขอเชิญอ่านดังต่อไปนี้

ข้อความบางตอนจากพระสูตร

ปมาทสูตร

สุพรหมปัจเจกพรหมกล่าวว่า “พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้นเท่านั้น มีฤทธิ์มากกว่า และมีอานุภาพยิ่งใหญ่กว่าท่านและเราด้วย ท่านผู้นิรทุกข์ ท่านพึงไปสู่ที่บำรุงของพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเถิด”ครั้งนั้น พรหมนั้นได้กล่าวกับสุพรหมปัจเจกพรหมด้วยคาถาว่าข้าแต่พรหม วิมานของเราผู้มีฌานนี้นั้นมีรูปครุฑ ๓๐๐ รูป มีรูปหงส์ ๔๐๐ รูป มีรูปมฤคที่เหมือนเสือโคร่ง ๕๐๐ รูปย่อมรุ่งโรจน์ส่องสว่างอยู่ในทิศเหนือ สุพรหมปัจเจกพรหมและสุทธาวาสปัจเจกพรหมกล่าวว่าวิมานของท่านนั้นถึงจะรุ่งโรจน์ ส่องสว่างอยู่ในทิศเหนือก็จริง เพราะเห็นโทษในรูป (และ) เพราะเห็นรูปอันหวั่นไหวอยู่ทุกเมื่อ พระศาสดาผู้มีพระปัญญาดี จึงไม่ทรงยินดีในรูป ครั้งนั้น สุพรหมปัจเจกพรหมและสุทธาวาสปัจเจกพรหม ให้พรหมนั้นสลดใจแล้วหายตัวไป ณ ที่นั้นเอง

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 19 เม.ย. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 43] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ หน้า ๑๐๓

“ดูกร ภิกษุทั้งหลาย สังขารแม้ทั้งปวงในภพทั้งหลาย มีกามภพเป็นต้น เป็นสภาพไม่เที่ยงเลย เพราะอรรถว่า มีแล้วไม่มี”


ควรที่จะได้เข้าใจตั้งแต่เบื้องต้น ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงว่า สังขารทั้งหลาย (สภาพธรรมที่เกิดขึ้น เพราะปัจจัยปรุงแต่ง อันได้แก่ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และรูป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นใจ สังขารแม้อย่างหนึ่งที่เที่ยงนั้น ไม่มีเลย ชีวิตของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเกิดในภพภูมิใด ก็ไม่พ้นจากสังขาร ทุกขณะของชีวิตเป็นสังขาร เนื่องจากว่ามีสภาพธรรมเกิดขึ้นเป็นไปอยู่ตลอดเวลา ไม่มีอะไรเที่ยง ไม่มีอะไรยั่งยืน

ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด แน่นอนต้องเกิด มีจิต เจตสิก และรูป เกิดขึ้นเป็นไปในภพต่างๆ สังสารวัฏฏ์นี้ยาวนานเหลือเกิน

ดังนั้น ขณะนี้ ไม่ได้ไปเกิดในพรหมโลก แต่ ประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาในแต่ละภพแต่ละชาตินั้นก็คือ มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา (ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก) ไปตามลำดับ ครับ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
kornzaq
วันที่ 19 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
kornzaq
วันที่ 19 เม.ย. 2563

ขอถามเพิ่มเติมเล็กน้อยครับ

พรหมโลก ที่ผมหมายถึง รวมไปถึง อรูปภูมิ ซึ่งเป็นที่อยู่ ของ อรูปพรหม ด้วย

อรูปภูมิ ก็ถือว่าเป็นพรหมโลก ดังนั้น ก็มีความไม่เที่ยง จะต้องดับไปเป็นธรรมดา ใช่ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 19 เม.ย. 2563

อ้างอิงจาก ความคิดเห็นที่ 4 โดย kornzaq

ผู้ที่ไปเกิดในอรูปพรหมภูมิ ก็เป็นอรูปพรหมบุคคล มีแต่นามธรรม คือ จิต และเจตสิก เท่านั้น ไม่มีรูปธรรม ดังนั้น จิต และเจตสิก ก็เป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ ไม่เที่ยง ครับ

ขอเชิญอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

อรูปพรหมภูมิ

...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ประสาน
วันที่ 20 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 23 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ