สาเหตุการเริ่มต้นศึกษาพระธรรม

 
Coolsp25
วันที่  14 ก.พ. 2563
หมายเลข  31546
อ่าน  529

ก่อนหน้าที่ภรรยาผมจะเสีย ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อในเรื่องชาติก่อนหรือชาติหน้า มีความคิดที่ว่าคนเราเมื่อตายไปก็เหมือนหลับไม่ตื่น ตายแล้วสูญ แต่จุดเริ่มต้นการศึกษาพระธรรมและฟังธรรมฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เปลี่ยนความคิด เชื่อในเรื่องบุญกุศล เวรกรรมมีจริง ชาติหน้าก็มีจริง

การที่ผมศึกษาพระธรรมสาเหตุเพื่อต้องการให้ความเสียใจได้เบาบางลง นั่นทำให้ภรรยาที่ล่วงลับไปได้บุญได้กุศลไหม ครับ นอกจากการทำบุญกรวดน้ำ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 14 ก.พ. 2563

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 75] พระอภิธรรมปิฎก ธรรมสังคณี เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ ๔๒๙

"เมื่อบุคคลให้ทาน กระทำการบูชาด้วยของหอมเป็นต้น แล้วให้ส่วนบุญว่า ขอส่วนบุญ จงมีแก่บุคคลชื่อโน้น หรือว่า ขอส่วนบุญจงมีแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ดังนี้ พึงทราบว่า เป็นบุญกิริยาวัตถุอันเกิดแต่การให้ส่วนบุญ"


เกิดมาแล้ว ในที่สุดก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่สามารถย้อนกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก ซึ่งไม่สามารถจะรู้ได้ว่าเป็นเมื่อใด เพราะเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น จุดประสงค์ของการศึกษาพระธรรมก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก จากที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อน ก็จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นจากการได้อาศัยคำจริงแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ขณะที่เข้าใจ นั้น เป็นความดี เป็นบุญ บุญของใคร ก็ของผู้นั้น แต่ถ้าผู้อื่นได้รับรู้ และเป็นผู้ที่ได้สะสมมาในการที่จะเห็นประโยชน์ของความดี ก็สามารถเกิดกุศลจิตอนุโมทนาได้ เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ละจากโลกนี้ไปแล้ว คือ ผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้เจริญกุศลแล้ว ก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ ไม่ว่าจะเป็นคุณความดีประเภทใดก็ตาม ครับ

ข้อความบางตอนจากคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

แม้ว่าจะไม่ได้ทำกุศลนั้นเอง แต่ใครก็ตามที่ทำกุศล เกิดกุศลจิต อนุโมทนา (ชื่นชมยินดีในความดีของผู้อื่น) ไหม? ยินดีด้วยที่เขาได้ทำกุศล เพราะฉะนั้น ก็ให้ทราบว่ากุศล นอกจากจะทำเองแล้ว แม้ไม่ได้ทำ (ด้วยตัวเอง) แต่ยินดีในการที่คนอื่นทำ ขณะนั้นก็เป็นกุศล เพราะฉะนั้น ที่อุทิศส่วนกุศล อุทิศ แปลว่า เจาะจงจะให้ใคร ถ้าเป็นญาติที่สิ้นชีวิตแล้วบุคคลนั้นเกิดแล้วสามารถที่จะรู้ได้ เขาก็ยินดีที่ญาติยังระลึกถึงแล้วก็ทำสิ่งที่ดีเพื่อให้เขาได้เกิดอนุโมทนา เพราะฉะนั้น ขณะใดก็ตามที่อนุโมทนา กุศล เป็นของผู้อนุโมทนา

กุศลที่ใครทำ ก็เป็นของคนนั้น แต่เมื่ออุทิศส่วนกุศลที่ได้ทำแล้วให้คนอื่นได้รู้และอนุโมทนา ก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้รู้จะอนุโมทนาหรือไม่ เขาไม่อนุโมทนาก็ได้ กุศลจิตก็ไม่เกิด ไม่ใช่ว่าเขาไม่อนุโมทนา เขาก็ยังได้กุศล ไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเหตุว่า กุศล เป็นสภาพของจิตที่ดีงาม

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 22 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ