อกุศล มาก ท่วมท้น

 
khampan.a
วันที่  3 ส.ค. 2561
หมายเลข  29973
อ่าน  1,770

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



อกุศล มาก ท่วมท้น

ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่ราชกรีฑาสโมสร
วันศุกร์ที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๖๑

-------------------------------------

~ เริ่มต้นด้วยการฟังพระธรรม เพราะว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้แล้วก็ทรงแสดงธรรม ถ้าพระองค์ไม่ตรัส เราก็ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่าเพราะพระองค์ได้ตรัสคำซึ่งใครๆ ก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน เพราะฉะนั้น จึงรู้ว่าพระองค์ ทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ แท้จริงแล้ว มีตนหรือมีเราหรือเปล่า? ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น ผู้ที่ต้องการเข้าใจและรู้จักพระธรรมและได้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะต้องฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้น ก็คิดกันเอง แต่ความจริง คิดอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ เท่ากับฟังคำของพระองค์ เข้าใจเมื่อไหร่ รู้จักพระองค์เมื่อนั้น

~ ขณะใดก็ตามที่จิตที่ดีเกิด ขณะนั้น จิตที่ไม่ดี เกิดไม่ได้

~ การฟังพระธรรม นั้น สำหรับผู้ที่สะสมการเห็นประโยชน์ที่จะมีปัญญาความเห็นถูกต้องในสิ่งซึ่งคนอื่นคิดไม่ถึงว่าจะเป็นประโยชน์อย่างนี้

~ สิ่งที่มีจริง เป็นธรรม สัจจธรรมคือความจริงนี้เปลี่ยนไม่ได้ ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงคำนี้ได้เลย เพราะเหตุว่า ธรรมเป็นธรรม ใครจะเปลี่ยนธรรมไม่ได้

~
เสียงเป็นเสียง กลิ่นเป็นกลิ่น คิดเป็นคิด โกรธเป็นโกรธ แต่ละหนึ่งๆ ทั้งหมดเคยเป็นเรา แต่ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ว่าแต่ละหนึ่ง นี้ ไม่ใช่ของใครเลยทั้งสิ้น ถ้าไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เกิดขึ้น เกิดไม่ได้

~
พระธรรม ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะไปจำชื่อ แต่ว่าเมื่อได้ยินแล้วเกิดความเข้าใจถูกต้อง เมื่อไหร่ นั่น เป็นมรดกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบให้ทุกคน คือ ความเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงซึ่งก่อนนั้นไม่เคยเกิดเลย เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ต้องตรง ธรรม มี เป็นสัจจธรรม ธรรมนี่แหละจะทำให้ผู้ที่รู้ความจริงของธรรมเป็นพระอริยบุคคล จึงเป็นอริยสัจจธรรม

~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อเข้าใจคำหนึ่งถ่องแท้ ก็จะเข้าใจคำอื่นต่อไป ทีละคำๆ สอดคล้องกันทั้งหมด เพราะว่ากล่าวถึงสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีในขณะนี้

~ ไม่มีปัญญาเลย นั่งเฉยๆ แล้วบอกว่าได้ฌาน ก็เป็นสิ่งซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะฉะนั้น จะมีที่พึ่ง ก็คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่จะทำให้รู้เหตุและผลที่ถูกต้อง ไม่ไปเลื่อมใสผ้ายันต์ ตะกรุด หรือไปนั่งกราบไหว้จอมปลวก ต้นไม้ เป็นต้น

~
ปฏิบัติ ไม่ใช่เราปฏิบัติ แต่ปัญญาที่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจิรงๆ ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มั่นคงในความเป็นอนัตตา (ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น) จึงสามารถที่จะไปสู่หนทางที่จะดับความเป็นอัตตา (ตัวตน) ได้ เพราะฉะนั้น ก็เริ่มจากปัญญา และก็เป็นปัญญาโดยตลอด

~
ส่วนใหญ่ เราคิดว่าเราทำได้ เราฝึกหัดได้ เรา ทั้งนั้นเลย แต่ว่าทำเห็น ได้ไหม? เห็นอย่างนี้ ยังทำ (ให้เห็นเกิด) ไม่ได้ แล้วจะไปทำอะไร (ให้เกิดขึ้น) ได้ [เพราะสิ่งที่มีจริง เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย]

~ เข้าใจผิด จนกว่าจะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพ รู้ว่าคำของพระองค์ กว่าเราจะได้ยิน พระมหากรุณาคุณมากระดับที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี (ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) ให้ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจึงได้ยินได้ฟังแต่ละคำ เพราะฉะนั้น เป็นคำที่ได้ยินเมื่อไหร่ ควรจะสนใจฟังให้เข้าใจเมื่อนั้น เพราะว่า เป็นประโยชน์อย่างยิ่งทุกคำ

~ ใครที่รู้คุณ ก็กล่าวคุณ ถ้ากล่าวผิด เปลี่ยนคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามความคิดเห็นของตนเอง ผู้นั้นไม่รู้คุณ จึงกล่าวคำที่ผิด แต่ถ้าเป็นผู้ที่รู้คุณแล้ว (ก็กล่าว) ทุกคำตามที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว เพราะฉะนั้น ที่ใดก็ตามที่มีการกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้นั้น เป็นผู้ที่กตัญญูรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกคำจึงเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยเหตุนี้ เรารู้คุณของมารดาบิดาเพื่อนฝูงมิตรสหาย รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วหรือยัง?

~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีผู้ใดเปรียบได้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้คุณ ก็ต้องกล่าวคุณ ไม่ให้คลาดเคลื่อน ไม่ให้ผิด

~ สามเณร ที่นิยมกันบวช ต้องเป็นผู้ตรง ต้องรู้ว่าสามเณรคือใคร เป็นเชื้อสายของผู้สงบ คือ ภิกษุ อย่างไร และภิกษุก็เป็นศากยบุตร เป็นผู้ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานอนุญาตให้บวช เพื่อที่จะได้อบรมเจริญปัญญาสามารถที่จะรู้ความจริงดับกิเลสได้อย่างพระองค์

~ ภิกษุต่างจากคฤหัสถ์ เพราะว่า สามารถที่จะสละอาคารบ้านเรือนเพื่อนฝูง ทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ ทั้งหมด เพราะเห็นคุณของปัญญา ว่า ปัญญาสามารถที่จะทำให้พ้นจากทุกข์ทั้งหลายได้

~ มีเงินทองสักเท่าไหร่ก็ตาม เป็นทุกข์ได้ ทุกข์กายก็ได้ ทุกข์ใจก็ได้ แต่ถ้ามีปัญญา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ขณะนั้นไม่เป็นทุกข์ เพราะเหตุว่า มีความเข้าใจสิ่งที่มีจริงในขณะนั้น

~ ที่มีการฟังพระธรรม ก็เพราะเห็นค่า แล้วก็ไม่ละเลย รู้ว่าวันนี้ได้ฟังเพียงเท่านี้ยังไม่พอ ถ้าฟังอีก จะเข้าใจอีก เห็นคุณอีก แล้วก็จะกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นการดำรงรักษาคำของพระองค์ ไม่ใช่เป็นผู้ที่ทำผิด เช่น ตั้งสำนักปฎิบัติ เป็นต้น

~ ถ้ามีคนบอกว่า พระพุทธศาสนา ง่าย ผู้นั้น กตัญญูหรือเปล่า? แล้วยังบอกว่า ไม่ต้องศึกษาก็ได้ กตัญญูหรือเปล่า?

~ การที่จะดำรงรักษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เพราะเป็นที่ผู้กตัญญูกตเวที ก็คือ กล่าวคำของพระองค์ให้ได้รู้ทั่วกัน เพื่อที่จะได้ไม่เปลี่ยน แล้วก็ไม่คิดเองซึ่งเป็นโทษอย่างยิ่ง

~ สำนักปฏิบัติทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โทษภัยมหาศาล เพราะทำให้คนไม่รู้จักพระพุทธศาสนา แล้วก็หลงเข้าใจคิดว่านั่นคือคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอันตรายไหม? แทนที่คนอื่นจะได้ฟังจะได้เข้าใจ แต่ก็กลับไปปฏิบัติ ไม่มีคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสักคำเดียว ว่า ปฏิบัติ คืออะไร แล้วใครปฏิบัติ, ถ้าไม่มีความรู้ความเข้าใจ ก็คือ เรา ด้วยความเข้าใจผิด เพราะฉะนั้น ยิ่งปฏิบัติ ก็ยิ่งเพิ่มความเป็นเรา หลงว่าเป็นเรา และอันตรายที่สุด คือ ทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โทษมากน้อยแค่ไหน แทนที่คนอื่นจะเข้าใจถูกต้อง ก็กลับเห็นผิดไป จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ทั่วโลกเข้าใจว่าพระพุทธศาสนา คือ สำนักปฏิบัติ

~
จะไม่รู้ต่อไป ถ้าไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพ

~ ความรู้ (ปัญญา) ทำให้ละความหลง ความไม่รู้ แต่จะถึงการดับหมดจริงๆ ก็ต้องค่อยๆ เข้าใจขึ้น

~ การที่เริ่มค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก ก็จะเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าถ้าพระองค์ไม่ทรงตรัสรู้ไม่ทรงแสดงพระธรรม สัตว์โลกก็จะมืดบอด ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ ก็หลงผิดไป

~ ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหมด เพื่อละ แต่ที่ไปสำนักปฏิบัติ เพื่อได้ เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่หนทางที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะว่าต้องละความเห็นผิด ละความติดข้อง ละกิเลส แต่กลับไปเพิ่มกิเลส เพราะไม่รู้

~ ถ้าไม่รู้ แล้ว ทำ ผลก็คือ ไม่รู้

~ กว่าจะเข้าใจว่าไม่มีเรา ต้องอาศัยคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ตลอด ๔๕ พรรษา

~ ทุกคำของพระองค์แต่ละคำ ควรเรียกให้มาดู เพราะแสดงถึงสิ่งที่มีจริงๆ อยู่ในขณะนี้

~ วันหนึ่งๆ ให้ทราบว่าอกุศลมากมาย ท่วมท้น ล้น ทั้งทาง ตา หู จมู กลิ้น กาย ใจ เพราะฉะนั้น การฟังพระธรรมเข้าใจขณะนี้ ก็เข้าใจท่ามกลางอกุศล ถ้ารู้จริงๆ จะเป็นผู้ไม่ประมาทเลย และจะเห็นความไม่ใช่เรา แต่ว่าเป็นอย่างนี้เพราะสะสมมาแสนนานในสังสารวัฏฏ์ ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่ปรากฏ เมื่อไม่รู้ ก็ติดข้องต้องการทุกภพชาติ

~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นสิ่งที่ควรู้ ควรศึกษา เป็นอย่างยิ่ง.


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ปลากริม
วันที่ 3 ส.ค. 2561

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
panasda
วันที่ 3 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 3 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
peem
วันที่ 3 ส.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
papon
วันที่ 3 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 4 ส.ค. 2561

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ