ทะนุบำรุงพระพทธศาสนา ด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ

 
khampan.a
วันที่  7 พ.ย. 2560
หมายเลข  29292
อ่าน  2,789

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประมวลสาระสำคัญ

ของการสนทนาธรรม

ที่บ้านสวนอุษาศรี อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

วันอังคารที่ ๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๐

~ เราได้ยินคำว่าพระพุทธศาสนา และเราก็นับถือพระพุทธศาสนา ศาสนาคือคำสอน พุทธะ ก็คือ ผู้ที่ไม่มีบุคคลอื่นใดจะเปรียบได้เลย ได้ยินแค่นี้ก็ปลาบปลื้มใจ แต่ก็ยังไม่รู้เลยว่าพระองค์ทรงตรัสรู้อะไรจึงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุดในสากลจักรวาล แม้เทวดา พรหม ยังต้องมาเฝ้า เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นว่า จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต่อเมื่อเข้าใจธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดง จึงจะสามารถที่จะรู้ได้ว่าพระองค์เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจริงๆ

~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเปิดเผยให้รู้ว่า เราไม่รู้อะไรมานานแสนนาน และไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ด้วยเหตุนี้ การที่เรามีโอกาสได้เข้าใจธรรม จึงเป็นโอกาสที่ประเสริฐที่สุด

~ ไม่มีอะไรเป็นของใครเลยทั้งสิ้น และไม่มีตัวตน ไม่มีใครด้วย เพียงแต่มีสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย บังคับบัญชาไม่ได้

~ ทุกคนเกิดแล้วต้องตาย แต่ไม่รู้ความจริง ก่อนตายก็ไม่รู้ ไม่เคยฟังพระธรรม ไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปหลงทำอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งไม่ใช่คำที่จะทำให้เราเข้าใจสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แต่ตอนนี้ที่ได้ฟังพระธรรม เริ่มรู้แล้วว่าคำไหนเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คำไหน ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ที่กล่าวว่า ธรรมยาก นั่นคือ กำลังสรรเสริญพระปัญญาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่แค่ไม่กี่คำ (ที่ได้ฟัง) แต่พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ๔๕ พรรษานับคำไม่ถ้วน ด้วยพระมหากรุณาที่ทำให้เราค่อยๆ เห็นถูกขึ้นว่า ไม่มีเรา มีแต่ธรรม เป็นธรรมแต่ละหนึ่งที่ทรงแสดงโดยละเอียดให้เราได้มีความเข้าใจที่ถูกต้อง

~ กว่าจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าจะได้ฟังคำจริงที่ทำให้ค่อยๆ เข้าใจเป็นปัญญาของตนเองโดยพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ว่าใครจะได้โดยง่าย ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังเลยจะไม่มีโอกาสเข้าใจ ได้ยินได้ฟังแล้วผ่านหูไปเฉยๆ ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าใจ แต่ต้องไตร่ตรองและเป็นคนตรง ถ้าไม่ตรงจะไม่ได้สาระจากพระธรรม

~ ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้น สะสมไปเป็นสมบัติที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น เพราะเงินทองซื้อไม่ได้

~ จะฟังธรรมต่อไปไหม อีกนานเท่าไหร่ ค่าอยู่ที่ขณะที่กำลังเห็นประโยชน์และเข้าใจในความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบไหว้แต่ไม่ฟังพระธรรม ค่าของพระธรรมจะอยู่ที่ไหน ค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะอยู่ที่ไหน ถ้าไม่ฟัง ก็คือ ไม่รู้ค่าของคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งแต่ละคำทำให้เกิดปัญญาซึ่งไม่เคยเกิดในสังสารวัฏฏ์ และปัญญาที่เกิดขึ้น ก็ค่อยๆ เจริญขึ้น มั่นคงขึ้น

~ การที่เราฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยความเคารพ เป็นการบำรุงพระพุทธศาสนา เราเคยรับใช้คนอื่น ญาติพี่น้องหรือใครก็ตาม แต่ไม่มีอะไรที่จะประเสริฐเท่ากับการรับใช้ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา เพราะเป็นสิ่งที่เหนือค่ากว่าอย่างอื่นทั้งหมดที่จะทำให้คนอื่นมีโอกาสได้เข้าใจสืบต่อกันไป

~ คำสอนซึ่งเป็นคำไม่จริงของใครก็ตาม ทุกคำทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะคำไม่จริงทำลายคำจริง ไม่มีใครรู้ว่าความจริงคืออะไร เพราะทุกคำที่จริงถูกปกปิดไว้ด้วยคำไม่จริง

~ ทรัพย์ธรรมดา ไม่มีค่า เพราะติดตามเราไปไม่ได้ มีแต่ทำให้เพิ่มพูนกิเลสความติดข้อง แต่อริยทรัพย์ที่ประเสริฐสามารถที่จะค่อยๆ ละคลายความติดข้อง

~ ติดข้องในอะไรมากที่สุด ติดข้องในตัวเรา ติดข้องในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเรา

~ ถ้าเรานับถือพระพุทธศาสนา แต่ว่าไม่รู้พระวินัยของพระภิกษุเลย เราทำผิด เพราะทำสิ่งที่เราไม่รู้

~ สิ่งที่ถูกต้อง ต้องถูกต้องตามพระธรรมวินัย ภิกษุในพระธรรมวินัย แสดงชัดเจนว่า ต้องเป็นผู้ที่ศึกษา ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจถูกเห็นถูก ประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ด้วย มิฉะนั้น ก็คือผิด ชาวบ้านก็ได้รับสิ่งที่ผิดต่อไป ไม่ใช่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ไม่ใช่ว่าใครก็ตามใส่ผ้าเหลืองห่มจีวรถือบาตร แล้วเป็นภิกษุ แต่ต้องเป็นภิกษุที่ศึกษาพระธรรมวินัยประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้แล้วเท่านั้น ไม่ใช่ว่าไม่รู้อะไรเลยแล้วไปบวช

~ ควรอย่างยิ่งที่จะได้ฟังความถูกต้อง เพื่อตัวเองที่ผิดมาแล้วจะได้พ้นผิดซึ่งเป็นโทษหนัก เพราะฉะนั้น สมควรอย่างยิ่งที่จะได้เข้าใจให้ถูกต้อง คฤหัสถ์ก็ไม่ไปส่งเสริมหรือว่าไม่ช่วยไปผลักพระภิกษุให้ตกนรกด้วยการให้เงินทอง

~ การที่เราพูดคำที่จะทำให้คนอื่นได้เข้าใจพระธรรมมวินัย นั่น เป็นมิตรที่ดี หวังดีจริงๆ ให้เขาเข้าใจถูกต้อง เขาจะได้พ้นจากโทษมหันต์ จะอยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน จะไปไหนจากจากนั้น อันตรายอย่างยิ่ง

~ เพราะสภาพธรรมฝ่ายดีเกิดขึ้น จึงช่วยเหลือผู้อื่น

~ โกรธ ไม่ใช่เรา แต่เป็นสภาพธรรมฝ่ายที่ไม่ดี เกิดขึ้นเป็นไป

~ ตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นรูปธรรมและนามธรรม เท่านั้น ไม่มีเรา มีแต่ธรรม เท่านั้น

~ ใครก็ตาม สมัยไหนก็ตาม ยุคไหนก็ตาม ถ้าไม่เข้าใจธรรม จะถูกไหม ไม่ถูก ก็ต้องไม่ถูก ในเมื่อนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องฟัง ต้องศึกษาคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่คำสอนของคนอื่น อาจหาญร่าเริงที่จะนับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ ถ้าไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะสืบทอดพระพุทธศาสนาได้อย่างไร

~ ถ้าไม่ใช่ภิกษุในธรรมวินัย แม้นั่งบริโภคอาหารรวมกับภิกษุอื่น ก็ด้วยอาการเหมือนขโมย เพราะอาหารที่เขาให้ ให้สำหรับผู้ที่ขัดเกลากิเลส ให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ศึกษาพระธรรมเข้าใจ แต่ตัวเองไม่มีลักษณะอย่างนั้น ไม่มีคุณพอที่จะรับอาหารอย่างนั้น ก็เหมือนกับขโมยอาหารในขณะที่บริโภค

~ ไม่ให้เงินพระภิกษุ ไม่บาป แต่ถ้าให้เงินแก่พระภิกษุ บาป เพราะว่าไม่รู้ ทำไมไปส่งเสริมให้ติดข้องให้กระทำสิ่งต่างๆ ที่เป็นโทษแก่ตัวเองจะให้ภิกษุไปนรกเร็ว สิ้นชีวิตเมื่อไหร่ก็ไปทันที ถ้าไม่ปลงอาบัติ (คือ ไม่แสดงโทษ ไม่สำนึกในความเป็นโทษจริงๆ)

~ ถ้าไม่เข้าใจธรรม (ก็เป็นการ) ช่วยกันทำลายคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงสมควรอย่างยิ่งที่เราจะต้องศึกษาพระธรรมคำสอนให้เข้าใจให้ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าเชื่อตามๆ กัน แต่ต้องละเอียดและศึกษาคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อรู้ว่าอะไรผิด ก็ไม่ทำ

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และ อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
peem
วันที่ 8 พ.ย. 2560

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 8 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 10 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ปาริชาตะ
วันที่ 10 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
thilda
วันที่ 13 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ