คำว่า พรหมลิขิต ความหมายจริง ๆ คืออย่างไรครับ

 
nontacha
วันที่  31 ต.ค. 2560
หมายเลข  29279
อ่าน  6,891

คำว่า พรหมลิขิต ความหมายจริงๆ คืออย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 พ.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ถาม ... พรหมลิขิต ก็ควรจะเป็น กรรมลิขิต สัตว์โลกเป็นไปตามกรรมมีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย เป็นกำเนิด เป็นแดนเกิด เป็นเผ่าพันธุ์ สัตว์โลกทั้งหมด ไม่ว่ามนุษย์ เทวดา มารและพรหม เป็นตามลิขิตของกรรมทั้งสิ้นครับ

เทวดาและพรหมไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่สามารถบันดาลให้ใครเป็นไปได้ เพราะการที่เราได้รับสิ่งที่ดี หรือไม่ดี เป็นเพราะกรรมของเราที่ทำมาเองทั้งนั้น แต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์คือ กรรมต่างหากที่จะไม่ช่วยเหลือคนที่ทำกรรมไม่ดี และไม่ยอมทำกรรมดี เมื่อไม่ทำกรรมดี สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็ไม่มีใครช่วยเหลือได้เลย เพราะไม่ได้ทำเหตุที่ดีไว้ แม้จะไปขอบนบานจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มี เทวดา พรหม เป็นต้น แต่เมื่อไม่ได้ทำกรรมดีที่เป็นเหตุให้ได้รับการช่วยเหลือ จะได้รับผลของกรรมที่ดีได้อย่างไรครับ เพราะเทวดาและพรหมไม่ใช่เหตุที่จะได้รับการช่วยเหลือ ได้สิ่งที่ดี กรรมดีเท่านั้นครับ ที่จะได้รับสิ่งที่ดี และการทำกรรมดี ผลของกรรมดีก็ต้องมีระยะเวลา ไม่ใช่ว่าทำดีแล้วผลขอกรรมดีจะให้ผลเลยในชาตินี้ครับ ดังนั้นทำดี เพราะเป็นความดี ไม่ใช่ทำดี เพราะหวังผลของความดีครับ อาศัยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม กรรมดี กุศลประการต่างๆ และปัญญาก็จะเจริญขึ้นครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 1 พ.ย. 2560

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ในแต่ละภพในแต่ละชาติ จิตขณะแรก คือ ปฏิสนธิจิต ซึ่งเกิดสืบต่อจากจุติจิตของชาติที่แล้ว ซึ่งไม่มีใครกำหนดหรือลิขิตเลย ว่า จะต้องเกิดเป็นใคร ในภพไหน เพราะกรรมที่ได้กระทำแล้ว เท่านั้นที่จะเป็นเหตุให้เกิดในภพต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นเพราะผลของกุศลกรรม เมื่อปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นแล้วดับไป ก็เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อๆ ไปเกิดขึ้นเป็นไป ... จนกว่าจะถึงขณะสุดท้ายของชาตินี้ คือ จุติจิต จิตแต่ละขณะย่อมเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย (ไม่ใช่เกิดขึ้นมาลอยๆ โดยไม่มีเหตุ) เมื่อเกิดแล้วก็ดับไป ไม่ยั่งยืน

ตามความเป็นจริง ชีวิตของคนเรา มีอยู่ ๒ ส่วนใหญ่ๆ คือ ส่วนที่เป็นการได้รับผลของกรรม เช่น ขณะที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย รวมไปถึง ขณะที่หลับสนิทด้วย ถ้าไม่มีกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีตเป็นปัจจัย วิบากจิต ซึ่งเป็นการได้รับผลของกรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้ นี้ก็แสดงถึงความเป็นเหตุเป็นผลของสภาพธรรม และ อีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนของการสะสมเหตุ คือ เป็นกุศล กับ เป็นอกุศล นี้ก็ขึ้นอยู่กับการสะสมมาของแต่ละบุคคล ไม่มีใครกำหนด ไม่มีใครบังคับ แต่เป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ถ้าสะสมอกุศลมามาก ก็เป็นเครื่องปรุงแต่งให้จิตเกิดขึ้นเป็นไปในทางที่เป็น อกุศล มาก ถ้าได้สะสมกุศลธรรมมามาก ก็เป็นเหตุให้จิตน้อมไปในทางที่เป็นกุศล ได้มาก ซึ่งก็พอจะสังเกตเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ว่า แต่ละคน เป็นแต่ละหนึ่ง ไม่เหมือนกันเลย ทั้งการกระทำ และคำพูด รวมถึงความคิด เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็คือ ความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรม นั่นเอง

บุคคลผู้ที่เป็นชาวพุทธ ต้องมีความมั่นคงในพระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ธรรมเป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร ทั้งสิ้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย เราไม่สามารถรู้ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง แม้แต่ในขณะต่อไป ประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาเป็นมนุษย์ คือ การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม สะสมความรู้ความเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏในขณะนี้ ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม เมื่อมีความเข้าใจธรรม มากขึ้น ความสงสัยก็จะลดน้อยลง มีชีวิตอยู่เพื่ออบรมเจริญปัญญาต่อไป การที่ปัญญาจะมีได้ ก็ต่อเมื่อได้ฟังพระธรรม และมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ครับ.

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 2 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
peem
วันที่ 4 พ.ย. 2560

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
doungjai
วันที่ 5 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
worrasak
วันที่ 7 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
thilda
วันที่ 11 พ.ย. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Gangdhamma
วันที่ 11 พ.ย. 2560

สาธุครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
2491surin
วันที่ 12 พ.ย. 2560

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนา ครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ม.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ