สมณศักดิ์

 
tmangkon
วันที่  7 ธ.ค. 2559
หมายเลข  28411
อ่าน  1,223

ขออนุญาตแชร์ข่าว จากนสพ.เดลินิวส์ วันนี้ค่ะ

//www.dailynews.co.th/article/540993

ว่าด้วย "สมณศักดิ์"

ช่วงนี้ พระสงฆ์หลายรูปยังปลื้มปิติดีใจ รวมทั้งบรรดาลูกศิษย์ด้วย เหตุที่ดีใจเพราะหลายรูป ได้รับการสถาปนา "เลื่อนสมณศักดิ์" บางรูปบางท่านได้รับข่าวดี ก็กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันทีทันใด ประเภทต่ออายุได้อีกหลายปีทีเดียว

จากข่าวนี้ เราตีความได้มั้ยคะว่า พระที่ว่านั้น ยังติดในลาภสักการะ แล้วเป็นอาบัติข้อไหนหรือเปล่าคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 7 ธ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ยศ ที่เป็นเกียรติยศ คือ ชื่อเสียง อันเกิดจากคุณความดี ส่วนอิสริยยศเป็น ยศ คือ ความยิ่งใหญ่ เป็นอิสระเหนือบุคคลอื่น มีพระราชา เป็นต้น และ บริวารยศ คือ มีบริวารมากมาย ซึ่ง ยศทั้งหลายตามที่กล่าวมา ก็มีทั้งยศที่สมมติกัน ตั้งขึ้นมา และยศที่เกิดจากคุณความดี และ ชื่อเสียงจากบัณฑิตยกย่อง ดังนั้น ผู้ที่เป็นคนดี มีปัญญา เป็นบัณฑิต แม้จะไม่มียศโดยสมมติที่แต่งตั้ง แต่ก็มียศ คือ คุณความดี แม้จะมีใครรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ก็มี ยศคือความดี ที่เป็นเกียรติยศกับตนเองที่เกิดขึ้นแล้วครับ และการถือประมาณ คือ การยกย่อง แต่งตั้ง สรรเสริญโดยคนพาล ไม่เป็นประมาณ คือ เชื่อถือไม่ได้ แต่การสรรเสริญ ยกย่อง ของผู้มีปัญญา เป็นบัณฑิตเป็นประมาณเชื่อถือได้ และที่สำคัญที่สุด คนจะประเสริฐ เป็นคนดี มีชื่อเสียง มียศ ไม่ไ่ด้อยู่สมมติชาวโลก แต่งตั้งกัน ที่เป็นชื่อนำหน้า แต่อยู่การประพฤติทางกาย วาจาและใจ รวมทั้งคุณธรรมในจิตใจ ที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึง ความเป็นมนุษย์ คือ ความเป็นผู้ประเสริฐ ครับ

เกียรติยศที่สำคัญ จึงมุ่งหมายถึงคุณความดีในจิตใจ แม้จะไม่มีใครรู้แต่ ความดีที่เกิดขึ้นแล้วนั่นแหละ เป็นยศ ที่ประเสริฐแล้ว ครับ แม้จะไม่มีชื่อ สมญานามอะไรเลยก็ตาม เพราะการกระทำอะไรก็ตาม แม้การตั้งชื่อ ก็สะท้อนให้เห็นว่า เพื่อความเป็นตัวตนเพิ่มกิเลส หรือ ละความเป็นตัวตน หรือ ละกิเลส ครับ และที่สำคัญที่สุดในสมัยครั้งพุทธกาล พระภิกษุทั้งหลายไม่มียศตำแหน่ง เป็นพระครู เจ้าคุณหรือสมเด็จ ฯ

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
tmangkon
วันที่ 7 ธ.ค. 2559

ขอบพระคุณค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 7 ธ.ค. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระภิกษุทุกรูป ทุกยุคทุกสมัย ต้องประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ทั้งสิ้น จะประพฤตินอกไปจากพระวินัยไม่ได้ พระภิกษุเป็นเพศที่แตกต่างไปจากคฤหัสถ์อย่างสิ้นเชิง ซึ่งเป็นเพศที่จะต้องขัดเกลากิเลสอย่างยิ่ง เพราะต้องไม่ลืมจุดประสงค์ว่า บวช เพื่ออะไร? เพื่อศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ขัดเกลากิเลสมิใช่หรือ? ถ้าไม่ตรงตามจุดประสงค์แล้ว เป็นโทษโดยส่วนเดียว พอกพูนกิเลสอกุศลมากมาย ไม่ได้ขัดเกลาเลยแม้แต่น้อย และยังประพฤติผิดพระวินัย ด้วย ที่เห็นชัดๆ คือ รับเงิน พอได้สมณศักดิ์ แล้ว ก็มีผู้คนเอาเงินมาให้ ทั้งภิกษุด้วยกันเอง และ คฤหัสถ์ ด้วย เป็นอาบัติทั้งนั้น ซึ่งกำลังทำทางให้ตนเองไปเกิดในอบายภูมิ เพราะอาบัติที่ไม่ได้ปลง ไม่ได้แก้ไขตามพระวินัย ถ้ามรณภาพไปในขณะที่ยังเป็นพระภิกษุอยู่ ชาติถัดไป คือ เกิดในอบายภูมิ เท่านั้น น่ากลัวอย่างมากๆ เลย น่าพิจารณาจริงๆ ว่า อยู่ในเพศที่สูงยิ่ง แต่กลับทำตัวต่ำอย่างมาก และ ยังจะต้องตกต่ำ ด้วยการตกไปสู่ที่ต่ำ คือ เกิดในอบายภูมิอีกด้วย ซึ่งไม่มีใครทำให้เลย นอกจากความประพฤติที่ไม่ดีของตนเอง เท่านั้น ครับ

...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 8 ธ.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
thilda
วันที่ 8 ธ.ค. 2559

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
นิคม
วันที่ 10 ธ.ค. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 24 ม.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ