พระอภิธรรม

 
tmangkon
วันที่  2 มิ.ย. 2559
หมายเลข  27850
อ่าน  1,195

ขอเรียนถามความเป็นมาของพระอภิธรรมค่ะ เพราะมีบางสำนักกล่าวว่า พระอภิธรรมบางส่วน ไม่เป็นพุทธพจน์ แต่มาจากการขยายความของคนรุ่นหลังค่ะ และพระผู้มีพระภาคไม่ได้ตรัสสอนคนทั่วไป แต่ไปทรงเทศน์โปรดพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ (คือสำนักนั้น เขาคงจะเน้นพระสูตร เพราะเป็นเรื่องที่ตรัสสอนคนทั่วไปค่ะ)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 2 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การจะปฏิเสธ หรือ ยอมรับ ในสิ่งใด สิ่งหนึ่ง สำคัญคือ จะต้องศึกษาอย่างละเอียดรอบคอบ จึงจะปฏิเสธ หรือ ยอมรับได้ แม้แต่มีคนกล่าวว่า 1+1 เป็น 2 สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยเรียนคณิตศาสตร์ ก็อาจจะไม่รู้ และ ไม่ควรยอมรับ หรือ ปฏิเสธทันที ต่อเมื่อได้ศึกษาแล้ว จึงจะปฏิเสธ หรือ ยอมรับได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้ศึกษาวิชา คณิตศาสตร์ ย่อมรู้ตามความเป็นจริงเช่นนั้นได้ ว่า 1+1 เป็น 2 การจะเข้าใจพระอภิธรรม ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน อันเป็นธรรมที่แสดงถึงความละเอียดลึกซึ้งของธรรม อย่างยิ่ง และมีเหตุปัจจัยให้เกิดอย่างลึกซึ้ง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ว่า อภิธรรม จะเป็นคำกล่าวของสาวก หรือพระพุทธเจ้า จึงไม่ศึกษา หรือ ปฏิเสธเพียงแค่นั้น เพราะตนเองยังไม่ศึกษา เหมือนอย่างว่า มีคนบอกว่าวิชาคณิตศาสตร์ที่จะต้องใช้ในการเรียน ตั้งแต่มัธยม มหาวิทยาลัย และสำหรับประกอบอาชีพ แต่มีคนบอกว่า 1+1 เท่ากับ 2 ก็ไม่เชื่อ และคิดเอาเองว่า คณิตศาสตร์ เป็นวิชาที่นักวิชาการคนนี้คิด หรือนักวิชาการอีกคนคิด ไม่รู้ว่าเป็นคนไหน สรุปคือ เพราะไม่รู้ว่าเป็นคนไหนคิด จึงปฏิเสธทันทีว่า 1+1 เท่ากับ 2 ไม่จริง และทั้งๆ ที่ตนเองก็ยังไม่ได้ศึกษาโดยละเอียดในวิชานั้น และเพียงไม่รู้ว่าวิชาคณิตศาสตร์ ใครเป็นคนคิดขึ้น ก็เลยปฏิเสธและดูหมิ่นวิชาคณิตศาสตร์ จึงไม่ยอมศึกษา และดูหมิ่น ทั้งๆ ที่ตนเองยังไม่ได้ศึกษา ย่อมไม่สมควร ฉันใด พระอภิธรรม หากผู้นั้นยังไม่ได้ศึกษา และไม่รู้ว่าเป็นคำสอนของสาวก หรือพระพุทธเจ้า เพราะไม่ได้เกิดจากการศึกษานั่นเอง จะปฏิเสธว่าพระอภิธรรม ไม่จริง และดูหมิ่น จึงไม่ศึกษา สมควรหรือไม่ นั่นก็ไม่เป็นเหตุ เป็นผล

ในพระสุตตันตปิฎก กล่าวถึง "พระอภิธรรม" ไว้ด้วย ดังข้อความบางตอนใน มหาโคสิงคสาลสูตร ม. มู. ข้อ ๓๗๔

ท่านพระสารีบุตรกล่าวกะท่านพระมหาโมคคัลลานะ ว่า ท่านโมคคัลลานะ เราจะขอถามท่านว่า ป่าโคสิงคสาลวัน เป็นสถานที่น่ารื่นรมย์ราตรีแจ่มกระจ่างไม้สาละ มีดอกบานสะพรั่งทั้งต้น กลิ่นคล้ายทิพย์ ย่อมฟุ้งไปท่านโมคคัลลานะ ป่าโคสิงคสาลวัน จะพึงงามด้วยภิกษุเช่นไร.? ท่านพระมหาโมคคัลลานะตอบว่า ท่านพระสารีบุตร ภิกษุสองรูป ในพระศาสนานี้กล่าว อภิธรรมกถา ธอทั้งสองนั้น ถามกันและกันแล้ว ย่อมแก้กันเอง ไม่หยุดพักด้วยและธรรมกถาของเธอทั้งสองนั้น ย่อมเป็นไปด้วย ท่านสารีบุตร ป่าโคสิงคสาลวัน...พึงงามด้วยภิกษุ เห็นปานนี้แล.

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

พระอภิธรรมปิฏก

เกี่ยวกับสภาพธรรม พร้อมทั้งเหตุและผลของธรรมทั้งปวง โดยไม่มีสัตว์ บุคคล เพราะแสดงแต่สภาพธรรมตามความเป็นจริง

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนว่า พระอภิธรรม เป็นธรรมที่มีจริง ละเอียดโดยความเป็นธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงสภาพธรรมนั้นๆ ไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่เป็นพระอภิธรรม ตามความเป็นจริง แล้วทรงแสดงให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง พระอภิธรรม จึงไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน เป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรสรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย คิดนึก กุศล อกุศล เป็นต้น นี้แหละ คือ พระอภิธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน พระอภิธรรมจึงไม่ได้อยู่ในตำรา

พระพุทธวัจนะ ที่เป็นพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็รวม ทั้งพระอภิธรรมด้วย พระสุตตันตปิฎกด้วย และ พระวินัยด้วย ครับ

ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ตรัสกับพระนางมหาปชาบดีโคตมีว่า การจะตัดสินว่า ธรรมใด เป็นพระธรรมคำสั่งสอนของเราหรือไม่ ให้พิจารณาในคำสอนนั้นว่า คำสอนใด เป็นไปเพื่อเบื่อหน่าย คลายกำหนัดจากกิเลส ละกิเลส เป็นไปเพื่อความมักน้อย สันโดษ ขัดเกลาและ เจริญขึ้นของกุศลและปัญญา คำสอนนั้น เป็นคำสอนของเรา แต่ธรรมใด ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด ไม่เป็นไปเพื่อละกิเลส แต่เป็นไปเพื่อได้ เพื่อติดข้อง ไม่รู้และไม่ทำให้เจริญขึ้นในกุศลและปัญญา คำสอนนั้น ไม่ใช่ คำสอนของเราที่เป็นพุทธพจน์ พุทธวัจนะ ครับ

ซึ่ง พระสุตตันตปิฎก เป็นคำสอนที่แสดงถึงเรื่องราวที่แสดงกับบุคคล แต่เป็นเรื่องราวที่ตรงตามความเป็นจริง ทำให้ผู้ฟังเกิดกุศลและเกิดปัญญา และ ละคลายกิเลส ดังนั้น พระสุตตันตปิฎก จึงเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่เป็นพุทธวัจนะ พุทธพจน์ครับ

ส่วนพระอภิธรรม ก็แสดงเพื่อให้ผู้ฟังได้เข้าใจตามความเป็นจริง ว่ามีแต่ธรรม ไม่ใช่เรา อันเป็นไปเพื่อละกิเลส คือ ความไม่รู้ และ เจริญขึ้นของปัญญา เพราะฉะนั้น เมื่อเป็นดังนี้ พระอภิธรรมก็เป็นพระพุทธพจน์ เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเช่นกัน ดังเช่นที่พระพุทธองค์ทรงแสดงว่า คำสอนใดเป็นไปเพื่อละคลายกิเลส มีความไม่รู้และเจริญขึ้นของกุศลและปัญญา เป็นคำสอนของเรา ดังนั้นการศึกษาธรรมจึงต้องเป็นผู้ละเอียดรอบคอบในการศึกษาพระธรรม จึงจะได้สาระจากพระธรรม คือ ความเห็นถูก และละคลายกิเลส ครับ

พระพุทธวัจนะ ที่เป็นคำสอน ของพระพุทธเจ้า ก็เป็นพระอภิธรรมด้วย หากไม่ศึกษาพระอภิธรรมให้เข้าใจ ที่เป็นพุทธวัจนะแล้ว ก็จะเข้าใจธรรมส่วนอื่นผิดไปได้เช่น ศึกษาพระสูตร พระวินัย อย่างเดียว ที่เป็นการแสดงโดยนัย สัตว์ บุคคล มีเรา มีเขา ที่กล่าวโดยสมมติ เมื่อไม่ศึกษาพระอภิธรรมก็เข้าใจผิดว่า มีเรา มีสัตว์ บุคคลจริงๆ อันเป็นผลมาจากการไม่เข้าใจพระอภิธรรม ครับ ดังนั้น การศึกษาพระอภิธรรม ก็คือ การฟังเรื่องสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ที่ไม่ได้เป็นวิชาการเลย ขณะนี้ มี เห็น ได้ยิน คิดนึก โลภ โกรธ หลง ไม่รู้ เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ เป็นอภิธรรม ควรเข้าใจว่าเป็นธรรม ก็ชื่อว่า เป็นการศึกษาพระอภิธรรม ก็จะเป็นประโยชน์ ต่อการเข้าใจในพระธรรมส่วนอื่นๆ ด้วย ครับ เพราะ ถ้าไม่ศึกษาอภิธรรม ก็ไม่สามารถละกิเลส ที่ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล ก็ไม่มีทางบรรลุธรรมได้เลย ครับ พระธรรมทุกคำ มีประโยชน์ ควรค่าแก่การศึกษาเพราะเป็นเหตุให้เกิดปัญญา

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

พระพุทธพจน์ [พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์]

พระอภิธรรมเป็นพระพุทธพจน์

ผู้คัดค้านพระอภิธรรม ได้รับผลอย่างไร

พระอภิธรรมเป็นคำสอนเรื่องสัจธรรม

พระอภิธรรมเป็นคำสอนที่ไม่มีผู้ใดแสดงได้

พระอภิธรรมไม่ใช่อยู่ในตำรา

พระอภิธรรมที่เทศน์โปรดพุทธมารดา

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 2 มิ.ย. 2559

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สิ่งที่มีจริง แม้จะไม่ใส่ชื่อหรือเรียกชื่อสิ่งนั้นก็มีจริง ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เห็น เป็น เห็น โกรธเป็นโกรธ ติดข้องเป็นติดข้อง ความเข้าใจถูกเป็นความเข้าใจถูก เป็นต้น อภิธรรม ก็คือ สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม ธรรม นั่นแหละ เป็นอภิธรรม เพราะละเอียด ลึกซึ้ง ปฏิเสธความเป็นสัตว์บุคคลอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะกล่าวถึงเรื่องใดก็ตาม ก็ไม่พ้นไปจากอภิธรรมเลย เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ความดี ความชั่ว เป็นต้น ล้วนเป็นธรรมที่มีจริง ที่เป็นอภิธรรมทั้งสิ้น พระอภิธรรมจึงไม่ได้อยู่ในตำรา แต่เป็นชีวิตจริงๆ ทุกขณะ เพราะฉะนั้นสำคัญที่การเริ่มต้นด้วยการฟังด้วยการศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย การศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องนั้น ต้องไม่ใช่แบบวิชาการ แต่เป็นไปเพื่อขัดเกลาละคลายกิเลส มีความเห็นผิด ความไม่รู้ เป็นต้น เพราะมีการทรงตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริงที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัตว์โลกจึงมีโอกาสได้ฟังและมีความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นแล้ว สิ่งที่มีจริงทั้งหมด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และทรงแสดงเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้รู้ตาม

แทนที่จะไปคิดอย่างอื่น ก็ควรที่จะได้พิจารณาว่า ถ้ามีความตั้งใจจริงๆ เห็นประโยชน์จริงๆ ไม่ขาดการฟัง ไม่ขาดการศึกษา ความรู้ความเข้าใจ ก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นอย่างแน่นอน ทำให้มีความมั่นคงในเหตุในผลของธรรมจนกว่าจะประจักษ์แจ้งได้จริงๆ ว่าธรรมเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ใครจะพูดอย่างไรก็ตามก็เป็นเรื่องของคนอื่น เพราะเหตุว่า เมื่อเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้ว ต้องฟังคำของพระองค์ ไม่ใช่ฟังคำของคนอื่น และไม่คิดธรรมเอาเองด้วย ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เพียงดิน
วันที่ 2 มิ.ย. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
tmangkon
วันที่ 2 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณมากค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ํํญาณินทร์
วันที่ 5 มิ.ย. 2559

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
apiwit
วันที่ 7 มิ.ย. 2559

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วิริยะ
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 9 มิ.ย. 2559

พระอภิธรรม หมายถึงธรรมที่ยิ่งใหญ่ละเอียดลึกซึ้ง เช่น จิตเป็นใหญ่ในการเห็น เป็นอนัตตา บังคับไม่ให้เห็นไม่ได้ พระอภิธรรมเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ