การปฏิบัติธรรม คือ อะไร
กราบเรียนท่าน อ.สุจินต์ ที่เคารพ ผมเพิ่งจะสมัครเข้าเป็นสมาชิก เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2558 ได้ฟังท่าน อ.สุจินต์ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2552 ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่เมื่อปี พ.ศ. 2554 ผมได้ศึกษาพระไตรปิฎกอย่างจริงจัง ก็ได้ทราบว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่มีผู้พร่ำสอนกันนั้น เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าท่านได้สอนไว้แทบทั้งนั้นเลยและผมก็เริ่มเข้าใจศาสนาพุทธที่แท้จริงมากขึ้น (จากเมื่อก่อนนำพราหมณ์มาปนกับพุทธเสียมาก)
คำว่า ปฏิบัติธรรม นั้น เมื่อก่อนเข้าใจว่า ต้องนุ่งขาวห่มขาวเข้าวัด ถือศีล สวดมนต์ภาวนา ทำสมาธิ วิปัสสนา เพียงอย่างเดียว ผมเคยสนทนาธรรมกับท่านที่ถือศีล ทำสมาธิ วิปัสสนา หลายท่าน บางท่านก็แสดงความคิดเห็นไม่ตรงกับพระไตรปิฎก เช่น มาถือศีลจะได้มีชีวิตที่ดี ฐานะดีขึ้น หรือมาถือศีลเพื่อความสุขทางใจบ้าง ความสงบบ้าง แต่พอถามว่าธรรมที่สามารถยึดเหนี่ยวใจของผู้อื่นไว้ได้คืออะไร ตอบไม่ได้ บางท่านบอกว่า กลับมาก็ผิดศีล 5 เหมือนเดิม เพื่อนร่วมงานของผมบางคนก็ยังผูกโกรธ ทั้งๆ ที่ไปปฏิบัติธรรม (ไปบวชชีพราหมณ์เป็นประจำ) เมื่อผมได้ศึกษาพระไตรปิฎกให้มากขึ้น ผมก็เข้าใจตามที่ท่านอ.สุจินต์ ได้บอกว่าหากไม่ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมแล้วก็ยากที่จะมีสัมมาทิฏฐิ
ผมคิดว่าพระพุทธเจ้าได้ทรงสั่งสอนบอกแนวทางไว้ให้แล้ว เราควรศึกษาและพยายามปฏิบัติให้ถูกต้อง ก็สามารถละกิเลสได้ตามปัญญา ในพระไตรปิฎกได้เขียนเหตุแห่งความหลุดพ้นไว้มีอยู่ 5 ประการ คือ ฟังธรรม แสดงธรรม สาธยายธรรม ตริตรองใคร่ครวญในธรรม และทำสมาธิ ทั้ง 5 ประการนี้สามารถหลุดพ้นได้เช่นเดียวกัน
แต่ปัจจุบันนี้ ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎก จะเข้าวัดนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลกันว่านี่คือการปฏิบัติธรรม นอกนั้นไม่ใช่ ถ้าได้ศึกษาพระไตรปิฎกจะทราบว่า พระพุทธเจ้าสอนให้มีสติ รู้ตัวทุกขณะจิต ทุกอริยาบท ทุกเวลา ทุกสถานที่ ไม่คำนึงถึงอดีต และพะวงอนาคต เห็นความไม่เทียง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ทุกข์เกิดดับที่ไหนให้ดับที่นั่น ไม่ใช่เข้าวัดเพียงอย่างเดียวเมื่อมีทุกข์ นี่เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นเล็กน้อยที่ผมได้ศึกษาจากพระไตรปิฎกแล้วได้ฟังท่านอ.สุจินต์บรรยายด้วยก็ยิ่งมั่นใจในความคิดเห็นของข้าพเจ้าว่าน่าจะถูกต้อง
ถ้าหากว่ามีส่วนไหนที่ยังไม่ถูกต้องขอให้ท่านอ.สุจินต์ช่วยกรุณาแนะนำเพิ่มเติมด้วยนะครับ ขอน้อมรับด้วยความเคารพ แล้ว วันที่ 10 - 12 ก.พ. 2558 ผมจะเข้าร่วมสนทนาธรรมที่สวนผึ้งเป็นครั้งแรกของผม ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำคัญอยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูก ถึงแม้ว่าจะมีคำว่า“ปฏิบัติธรรม” ปรากฏในคำสอนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติผิด ไม่เป็นไปเพื่อความเข้าใจขึ้นของปัญญา ในขณะที่ปฏิบัติผิดนั้น ก็เพิ่มพูนโลภะความติดข้องต้องการ และความเห็นผิด ให้เพิ่มขึ้น แท้ที่จริงแล้ว การปฏิบัติธรรม เป็นการอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรมที่ปรากฏ คือ รู้นามธรรม และรูปธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเริ่มต้นด้วยการศึกษาให้เข้าใจในสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมโดยประเภทต่างๆ ว่าเป็นธรรมแต่ละอย่างๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้สติและปัญญา เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่สติและปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริง โดยที่ไม่เลือกสถานที่ กาลเวลา และไม่มีการเจาะจงที่จะรู้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
การปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของชีวิตประจำวันที่เป็นปกติ สมกับคำว่า เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐาน ไม่มีเราที่จะไปบังคับสภาพธรรม ไม่มีเราที่จะให้เป็นคนดี หรือ ให้ไม่ทำไม่ดี เพราะธรรมเป็นไปตามเหตุปัจจัยและไม่ใช่เรา เมื่อไม่ใช่เรา ก็ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ หนทางที่ถูกต้อง คือ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมต่อไป โดยเข้าใจถูกเสมอว่าเป็นแต่เพียงธรรม แม้ในขั้นการฟัง อกุศลเกิดขึ้นก็เป็นปกติธรรมดา เพราะเป็นปกติที่เป็นธรรม กุศลเกิดขึ้น จะน้อยมากก็เป็นธรรมดา ธรรมดาเพราะเป็นธรรม เมื่อเข้าใจถูกเช่นนี้ก็จะไม่เดือดร้อนที่เมื่ออกุศลเกิด หรือไม่ไปพยายามที่จะฝืน จะทำไม่ให้อกุศลเกิด แต่อบรมเหตุต่อไป คือ ฟังในหนทางที่ถูก ที่เข้าใจถูกว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา การเข้าใจเช่นนี้เป็นสัจจญาณที่จะทำให้มั่นคงจนถึงที่สุด ปัญญารู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏทั้งกุศล อกุศลว่าไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียงธรรม ย่อมค่อยๆ ละคลายความยึดถือว่าเป็นเราเป็นสัตว์บุคคลได้ในที่สุด อันเป็นกิเลสที่จะต้องละอันดับแรก คือ ความยึดถือว่าเป็นเราเป็นสัตว์ บุคคล ครับ
สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย คือ การฟังพระธรรม กาลสมัยนี้ ยังเป็นยุคที่พระธรรมยังดำรงอยู่ บุคคลผู้ที่เป็นกัลยาณมิตร เผยแพร่พระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงก็ยังมีอยู่ จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ที่สะสมบุญมาแต่ปางก่อน เห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง จะได้สะสมปัญญาจากการได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมในแต่ละครั้ง สะสมเป็นอุปนิสัยที่ดีต่อไป จนกว่าจะถึงความสมบูรณ์พร้อมของปัญญาได้ในที่สุด เพราะการที่ปัญญาจะมีมากได้ จะเป็นเหตุให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงได้นั้น ก็จะต้องเริ่มจากการฟังพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก ไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ.
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปทำอะไรด้วยความไม่รู้ ถ้าไม่เข้าใจ ก็ปฏิบัติผิด ไม่ใช่หนทางที่จะทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้นได้เลย ปฏิบัติธรรมนั้น สำคัญคือความเข้าใจ และเป็นชีวิตปกติ ไม่ใช่การไปทำอะไรที่ผิดปกติ ไม่ใช่การนั่งสมาธิ
จะเห็นได้จริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีคำว่า “ปฏิบัติธรรม” ปรากฏในคำสอนที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม แต่เป็นการปฏิบัติผิด ไม่เป็นไปเพื่อความเข้าใจขึ้นของปัญญา ในขณะที่ปฏิบัติผิดนั้น ก็เพิ่มพูนโลภะความติดข้องต้องการ และความเห็นผิดให้เพิ่มขึ้น แท้ที่จริงแล้ว การปฏิบัติธรรมเป็นการอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้สภาพธรรมที่ปรากฏ คือ รู้นามธรรมและรูปธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเริ่มต้นด้วยการศึกษาให้เข้าใจในสภาพธรรมที่เป็นปรมัตถธรรมโดยประเภทต่างๆ ว่าเป็นธรรมแต่ละอย่างๆ ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้สติและปัญญาเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ สติและปัญญาเกิดขึ้น ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริง ตามความเป็นจริง โดยที่ไม่เลือกสถานที่ กาลเวลา และไม่มีการเจาะจงที่จะรู้สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด ทั้งหมดล้วนเป็นธรรมที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การฟังธรรม การศึกษาธรรม จะเป็นเหตุให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้น เมื่อมีความเข้าใจมากขึ้น ปัญญาก็จะทำหน้าทีปฏิบัติธรรมเอง ค่ะ
ขณะใด สภาพธรรมะปรากฎทางทวารทั้งห้า ควรน้อมจิตไปพิจารณา ขณะนั้นสติทำกิจของสติแล้ว
ขอบพระคุณท่านวิทยากรมากครับ ที่ช่วยให้ความกระจ่างมากยิ่งขึ้น เพราะผมก็มีความคิดเห็นเช่นนั้นอยู่บ้างแล้ว แต่ไม่มั่นใจ ผมไปพูดแล้วกลัวจะเป็นคนไม่เหมือนชาวบ้านเขา แต่พอได้ทราบว่า ท่าน อ.สุจินต์ กล่าวว่า การพูดเกื้อกูลให้เขาได้มีความเห็นถูก ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ต้องเกรงกลัวใดๆ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์