การอนุโมทนา
เวลาที่มีคนเล่าว่า ได้ไปปฏิบัติธรรม แล้วเพื่อนฝูงที่รู้ ก็กล่าวอนุโมทนากันมากมาย แต่ถ้าเราคิดว่า การปฏิบัติธรรมดังกล่าวเป็นมิจฉาทิฏฐิ เช่น การเข้ากลุ่มปฏิบัติ ต้องนุ่งขาวเท่านั้น และเรียกตัวเองว่าผู้ปฏิบัติ ห้ามทานไข่ เพราะเป็นโอปปาติกะ รวมถึงคำสอนที่ไม่ใช่พระสัทธรรมต่างๆ (แต่น่าจะเป็นความเห็นของผู้สอนเอง) ทำให้เราไม่คิดจะอนุโมทนา เลยจะขอเรียนถามว่า ในกรณีนี้ เราควรวางจิต หรือปฏิบัติตัวกับเพื่อนอย่างไรคะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น มีความละเอียดลึกซึ้ง เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกโดยตลอด ไม่ว่าจะทรงแสดงเรื่องอะไร ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริง แม้แต่ ในเรื่องของ "อนุโมทนา" ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่เป็นจิตและเจตสิก ในขณะนั้น ซึ่งก็จะต้องเข้าใจว่า อนุโมทนา คือ อะไร?
อนุโมทนา ไม่ใช่เพียงการกล่าวคำ ว่า "ขออนุโมทนา" แต่ต้องเป็นสภาพจิตใจที่ดีงาม ในขณะนั้น อ่อนโยน ไม่แข็งกระด้าง ที่พลอย ชื่นชมยินดี ในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำ จะกล่าวหรือ ไม่กล่าวคำว่าอนุโมทนา ก็ได้ เพราะสำคัญที่จิตว่า ในขณะนั้นชื่นชมยินดี ในกุศลของผู้อื่นหรือไม่ ถ้าอนุโมทนา กุศลจิตเกิด เป็นการสะสมเหตุที่ดี แต่ถ้าไม่อนุโมทนา ขณะนั้น กุศลจิตก็ไม่เกิด เป็นธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ถ้าเป็นบุคคลที่สะสมเหตุที่ดีมาเห็นประโยชน์ของกุศลธรรม เมื่อเห็นคนอื่นหรือได้ทราบว่าคนอื่นได้กระทำในสิ่งที่ดี ก็ชื่นชมอนุโมทนา แม้ตนเองจะไม่ได้กระทำ แต่ก็เกิดกุศลจิตได้ ในขณะที่พลอยชื่นชมยินดีในกุศลของผู้อื่น
เพราะฉะนั้น การอนุโมทนา ก็ต้องอนุโมทนา ในคุณความดี ในสิ่งที่ถูกต้องและเป็นกุศล เพราะฉะนั้น เมื่อมีใครบอกในสิ่งที่ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ก็พิจารณาตามความเป็นจริง ที่จะเห็นสิ่งที่ถูกเป็นสิ่งที่ถูก สิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ผิด ก็ไม่อนุโมทนา แม้ด้วยใจ ไม่ต้องพูดถึงวาจา แต่ ควรเป็นผู้เห็นใจ และเข้าใจว่าสัตว์โลกมีกรรมเป็นของๆ ตน การเข้าใจเช่นนี้ ก็เป็นกุศลจิตที่คิดถูกได้ แม้ไม่อนุโมทนา และ ควรกล่าวแนะนำว่า พระธรรมเป็นเรื่องละเอียดที่ควรศึกษาให้รอบคอบ ก็เป็นการให้ธรรมทาน ให้คิดพิจารณากับเพื่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบนอมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ควรค่าแก่การชื่นชมยกย่องสรรเสริญ ต้องเป็นคุณความดีเท่านั้น ไม่ใช่ความชั่วที่เป็นอกุศลธรรมประการต่างๆ มีความเห็นผิด ความไม่รู้ เป็นต้น จึงไม่ใช่ตัวตนที่จะไปวางใจ แต่ความเข้าใจถูกเห็นถูกเกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ที่รู้ว่าการประพฤติปฏิบัติผิดนั้นเป็นอกุศลธรรม เมื่อเข้าใจถูก ก็จะไม่เห็นด้วยกับการกระทำอย่างนั้น ไม่ชื่นชม ไม่ส่งเสริมการกระทำที่ผิดอย่างนั้น และถ้าหากมีเวลาและโอกาสที่เหมาะ ก็สามารถที่จะเกื้อกูลผู้นั้นได้ว่า การปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องเป็นอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของปัญญาความเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม ซึ่งจะขาดพื้นฐานความเข้าใจในเรื่องสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ไม่ได้เลย โดยต้องอาศัยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
อนุโมทนา หมายถึง ชื่นชมความดี ในกุศลของผู้อื่น หรือ ยินดีที่เขาทำดีและศึกษาพระธรรม แต่ต้องเป็นธรรมะที่ถูกต้องค่ะ
การอนุโมทนา เป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ หมายถึง เวลาที่เราเห็นผู้อื่นทำบุญหรือได้ดีมีความสุขแล้วเรารู้สึกยินดีไปกับเขาด้วย บุญแบบนี้เกิดจากที่จิตใจของเรามีความยินดี (มุทิตา) เมื่อมีจิตเป็นกุศลเกิดขึ้นเราจึงได้บุญ ส่วนบุญได้มากหรือน้อยนั้นก็มีเหตุปัจจัยประกอบ เช่น สิ่งที่่เขาทำนั้นบริสุทธิ์ด้วยกาย วาจา ใจ แค่ไหน ความคิดเห็นของผม อนุโมทนา ด้วยจิตที่เป็นกุศลเป็นสำคัญก็แล้วกัน ส่วนเรื่องการกระทำของเขานั้นให้เป็นเรื่องรองก็แล้วกันครับ
ขออนุโมทนาครับ