ทุกครั้งที่เกิดความเห็นผิด ขณะนั้นมีความยินดีพอใจในความเห็นผิด

 
papon
วันที่  3 ม.ค. 2558
หมายเลข  26002
อ่าน  932

เรียนอาจารย์ทั้งสองท่าน

ความเห็นเกิดขึ้นบ่อยครั้งในวันหนึ่งๆ และขณะนั้นมีความยินดีพอใจในความเห็นผิดนั้นหรือครับขอความอนุเคราะห์ในความคิดเห็นด้วยครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 ม.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเห็นผิด คือ ทิฏฐิเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เห็นผิดจากความเป็นจริง เช่น เห็นผิดว่าเที่ยง เป็นสุข มีเรา เห็นผิดว่า ไม่มีกรรม ไม่มีผลของกรรม เป็นต้น ซึ่งความเห็นผิด เป็นทิฏฐิเจตสิก จะต้องเกิดร่วมกับจิตที่เป็นโลภะมูลจิตเสมอ

เป็นความจริงที่ว่า บุคคลผู้ที่ยังไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน โอกาสที่จะมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) ก็ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ แล้วแต่ว่าจะมีมากหรือมีน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นตัวตน เป็นสัตว์บุคคล

ความเห็นผิด เป็นเหตุนำมาซึ่งอกุศลธรรมอย่างมากมาย เพราะเหตุว่าเมื่อมีความเห็นผิดแล้ว อะไรๆ ก็ผิดตามไปด้วย กล่าวคือ ความประพฤติทั้งทางกาย ทางวาจา และทางใจ ก็ผิดไปด้วยตามความเห็นที่ผิดนั่นเอง ผลที่ตามมาคือ เป็นผู้มีอบายเป็นที่ไปในเบื้องหน้า จึงเป็นเรื่องที่น่ากลัว และจะประมาทไม่ได้เลยจริงๆ

ขณะที่ฟังพระธรรม เป็นการสะสมความเข้าใจถูก เริ่มที่จะมีความเห็นถูก จนกว่าจะมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ โดยที่ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญาอย่างแท้จริง การที่ค่อยๆ เข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นๆ นั้น ดีกว่าที่จะไม่มีหนทางเลย ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ขณะที่เรายังวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏฏ์นั้น การที่เราไม่มีหนทาง ก็เหมือนกับการที่เราตกไปในเหวลึก ที่ไม่มีทางขึ้นและมืดสนิท เมื่อเราตกไปในเหวลึกแล้ว เราไม่ควรที่จะอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรเลย แต่ควรอย่างยิ่งที่เราจะค่อยๆ ไต่ขึ้นมาทีละนิดทีละหน่อย ซึ่งก็เหมือนกับการที่เราเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อยจากการฟัง การศึกษาในชีวิตประจำวันนั่นเอง จึงเป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาอย่างยิ่ง ประการที่สำคัญเราไม่สามารถที่จะทราบได้เลยว่า โอกาสที่เราจะเข้าใจธรรมในภพนี้ชาตินี้ จะเหลืออีกเท่าใด เพราะฉะนั้นแล้ว เวลาที่เหลืออยู่นี้จึงเป็นเวลาที่มีค่าที่สุดในการที่จะให้ตนเองมีความเข้าใจธรรมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะเป็นไปเพื่อการดับกิเลส มีความเห็นผิด เป็นต้น ได้ในที่สุด เพราะขณะที่เข้าใจ ปัญญาเกิด ก็คุ้มครองไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดแล้ว และในขณะนั้นอกุศลก็เกิดไม่ได้ด้วย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 3 ม.ค. 2558

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเห็นผิดเป็นธรรมที่มีจริง เป็นความเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรม ความเห็นผิดเมื่อเกิดขึ้น ก็เกิดร่วมกับจิตที่มีโลภะเป็นมูลที่เรียกว่าโลภมูลจิตซึ่งจะเห็นได้ว่า โลภมูลจิต ก็มีทั้งโลภมูลจิตที่ความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย กับไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย ธรรมดาเวลาที่เราชอบอะไรหรือว่ากำลังสนุกสนาน ไม่มีความเห็นใดๆ ทั้งสิ้น ขณะนั้นเป็นแต่เพียงความเพลิดเพลินพอใจ ขณะนั้นก็เป็นโลภมูลจิต ซึ่งไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย แต่ขณะใดที่มีความเห็นผิดอย่างหนึ่งอย่างใด ขณะนั้นเป็นความเห็นที่เกิดขึ้น จิตขณะนั้นที่มีความเห็นเกิดขึ้น ต้องเป็นอกุศลจิตประเภทโลภมูลจิต เพราะเหตุว่ามีความติดข้องในความเห็นนั้น มีความพอใจในความเห็นนั้น ซึ่งเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ประสาน
วันที่ 4 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
tanrat
วันที่ 4 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 4 ม.ค. 2558

ผู้ที่ละความเห็นผิดได้เด็ดขาดต้องบรรลุเป็นพระโสดาบัน ถ้าฟังธรรมเข้าใจและรู้ว่าสิ่งใดเป็นความเห็นผิดก็ทิ้งสิ่งนั้นเสีย เพราะไม่มีประโยชน์ ไม่มีใช่หนทางพ้นทุกข์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
montha
วันที่ 4 ม.ค. 2558

อนุโมทนา ค่ะ ค่อยๆ ไต่ขึ้นจากเหว เวลาในชาตินี้จะเหลืออีกเท่าไร ที่จะฟังพระธรรมให้เข้าใจ เพื่อละความเป็นเรา ละความเห็นผิด สาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
thilda
วันที่ 4 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
peem
วันที่ 4 ม.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
songsaku
วันที่ 13 ม.ค. 2558

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 20 พ.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ