ความอดทนชื่อว่าขันติ

 
เมตตา
วันที่  23 ธ.ค. 2557
หมายเลข  25949
อ่าน  1,798

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ หน้าที่ 204

พรรณนาคาถาว่าขนตี

บัดนี้ จะพรรณนาในคาถาว่า ขนฺตีนี้. ความอดทนชื่อว่าขันติ ชื่อว่าสุวจะ เพราะมีความว่าง่าย เพราะเป็นผู้ถือเอาโดยเบื้องขวา กรรมของผู้ว่าง่าย ชื่อว่า โสวจัสสะ. ความเป็นแห่งกรรมของผู้ว่าง่าย ชื่อว่า โสวจัสสตา. ชื่อว่า สมณะ เพราะระงับกิเลสทั้งหลายได้. บทว่า ทสฺสนํ ได้แก่ การเพ่งดู. การสนทนาธรรม ชื่อว่า ธรรมสากัจฉา. คำที่เหลือมีนัยที่กล่าวมาแล้วทั้งนั้นแล. นี้เป็นการพรรณนาบท.

ส่วนการพรรณนาความ พึงทราบดังนี้. อธิวาสนขันติ ชื่อว่า ขันติที่ภิกษุผู้ประกอบด้วยขันตินั้นแล้วย่อมไม่มีอาการผิดปกติ เป็นผู้เหมือนไม่ได้ยินบุคคลที่ด่าด้วยอักโกสวัตถุ ๑๐ และเหมือนไม่เห็นบุคคลผู้เบียดเบียนด้วยการฆ่าและการจองจำเป็นต้น เหมือนขันติวาทีดาบสฉะนั้น. เหมือนอย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า

อหุอตีตมทฺธานํสมโณขนฺติทีปโน ตํขนฺติยาเยว ิตํกาสิราชอเฉทยิ.

สมณะผู้แสดงขันติได้มีมาแล้วในอดีตกาล พระเจ้ากาสีได้ทรงทำลายสมณะผู้ตั้งอยู่ในขันตินั่นแล. หรือย่อมใส่ใจว่าเขาทำดีแล้ว เพราะไม่มีความผิดยิ่งไปกว่านั้น เหมือนท่านปุณณเถระ ฉะนั้น อย่างที่ท่านกราบทูลว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าผู้คนชาวสุนาปรันตกะจักด่าจักบริภาษข้าพระองค์ไซร้ ในข้อนั้นข้าพระองค์จักใส่ใจว่า. ผู้คนชาวสุนาปรันตกะเหล่านี้ เป็นผู้เจริญหนอ ผู้คนชาวสุนาปรันตกะเหล่านี้ เป็นผู้เจริญดีหนอ ผู้คนเหล่านี้ ไม่ตีข้าพระองค์ด้วยมือดังนี้เป็นต้น. และที่ภิกษุประกอบด้วยขันตินั้นแล้ว ย่อมเป็นผู้ที่แม้แต่ฤาษีทั้งหลายก็พึงสรรเสริญ. อย่างท่านสรภังคฤาษี กล่าวไว้ว่า

โกธํวธิตฺวานกทาจิโสจติ มกฺขปฺปทานํอิสฺโขวณฺณยนฺติ สพฺเพสํวุตฺตํผรุสํขเมถ เอตํขนฺตึอุตฺตมมาหุสนฺโต.

คนฆ่าความโกรธได้แล้ว ย่อมไม่เศร้าโศกในกาลไหนๆ ฤษีทั้งหลายย่อมสรรเสริญการละความลบหลู่ คนควรอดทนคำหยาบที่คนทั้งปวงกล่าวแล้ว สัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญขันตินั้นว่าสูงสุด. ย่อมเป็นผู้ที่แม้แต่เทวดาทั้งหลายก็พึงสรรเสริญ อย่างที่ท้าวสักกะจอมทวยเทพตรัสไว้ว่า

โยหเวพลวาสนฺโตทุพฺพลสฺสติติกฺขติ ตนาหุปรมํขนฺตึนิจฺจํขมติทุพฺพโล.

ผู้ใดเป็นคนแข็งแรงอดทนต่อคนอ่อนแอ สัตบุรุษทั้งหลายสรรเสริญขันตินั้นของผู้นั้นว่าเป็นเยี่ยม คนอ่อนแอย่อมต้องอดทนอยู่เป็นประจำ. ย่อมเป็นผู้ที่แม้แต่พระพุทธะทั้งหลายก็พึงสรรเสริญ. อย่างที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ว่า

อกฺโกสํวธพนฺธญฺจอทุฏฺโฐโยติติกฺขติ ขนฺตีพลํพลาณีกํตมหํพฺรูมิพฺราหฺมณํ.

ผู้ใดไม่โกรธอดกลั้นการด่า การฆ่าและการจองจำได้ เราเรียกผู้นั้น ซึ่งมีขันติเป็นกำลัง มีกองกำลังว่า พราหมณ์. ก็ขันตินั่นนั้น พึงทราบว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุประสบคุณเหล่านั้น และคุณอื่นๆ ที่ทรงสรรเสริญในที่นี้.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 23 ธ.ค. 2557

เมื่อถูกเพื่อนสพรหมจารีว่ากล่าวโดยธรรม ก็ไม่ถึงความฟุ้งซ่าน ความนิ่งงัน หรือคิดถึงคุณและโทษ วางความเอื้อเฟื้อ ความเคารพ และความมีใจตกลงต่ำเป็นเบื้องหน้าอย่างยิ่งแล้ว เปล่งถ้อยคำว่า ดีละขอรับ ดังนี้ ชื่อว่า โสวจัสสตาความว่าง่าย. โสวจัสสสตานั้น ตรัสว่า เป็นมงคล เพราะเป็นเหตุได้โอวาทและอนุศาสนีจากสำนักเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย และเพราะเป็นเหตุละโทษและบรร ลุคุณ.

การเข้าไปหา การบำรุง การระลึก การฟังและการเห็นนักบวชทั้งหลายผู้ระงับกิเลสแล้ว อบรมกายวาจาจิตและปัญญาแล้ว ประกอบด้วยความสงบอย่างสูง ชื่อว่า การเห็นสมณะทั้งหลาย. การเห็นสมณะแม้ทั้งหมด ท่านกล่าวว่าทัสสนะ โดยเทศนาอย่างต่ำ. การเห็นสมณะนั้น พึงทราบว่าเป็นมงคล.

เพราะเหตุไร. เพราะมีอุปการะมาก จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้เป็นต้นว่า ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า การเห็นภิกษุเหล่านั้นมีอุปการะมาก เพราะบุญอันใด กุลบุตรผู้ต้องการประ โยชน์ เห็นภิกษุทั้งหลายผู้มีศีลมาถึงประตูเรือน ผิว่า ไทยธรรมมีอยู่ ก็พึงนับถือด้วยไทยธรรมตามกำลัง ผิว่าไม่มี ก็พึงไหว้อย่างเบญจางคประดิษฐ์ เมื่อการไหว้อย่างเบญจางคประดิษฐ์ยังไม่พร้อม ก็พึงประคองอัญชลีนมัสการ เมื่อการนอบน้อมยังไม่พร้อม ก็มีจิตผ่องใส แลดูด้วยจักษุที่น่ารัก ด้วยบุญที่มีการแลดูเป็นมูลอย่างนี้ โรคหรือโทษ ฝ้าหรือต่อมจะไม่มีในจักษุ ตลอดหลายพันชาติ จักษุทั้งสองก็จะผ่องใส มีสิริ มีวรรณะ ๕ เสมือนบานประตูแก้วมณีที่เปิดในรัตนวิมาน เขาจะได้สมบัติในเทวดา และมนุษย์ประมาณแสนกัป ข้อที่เขาเกิดเป็นมนุษย์เป็นคนมีปัญญา พึงเสวยวิปากสมบัติเห็นปานนี้ ก็ด้วยบุญที่สำเร็จมาแต่การเห็นสมณะ ซึ่งเขาประพฤติมาโดยชอบ ไม่น่าอัศจรรย์เลย แม้สำหรับสัตว์เดียรัฐฉาน บัณฑิตทั้งหลาย ก็พรรณนาวิบากสมบัติของการเห็นสมณะ ที่เพียงทำศรัทธาให้เกิดแล้วอย่างเดียวไว้อย่างนี้ ในบาลีประเทศใด บาลีประเทศนั้น มีว่า

นกฮูกตากลมอาศัยอยู่ที่เวทิยกบรรพตมาตลอดกาลยาวนาน นกฮูกตัวนี้สุขแท้หนอ เห็นพระพุทธเจ้าผู้ประเสริญซึ่งลุกขึ้นแต่เช้า. มันทำจิตให้เลื่อมใสในตัวเราและภิกษุสงฆ์ผู้ยอดเยี่ยม ไม่ต้องไปทุคติถึงแสนกัป มันจุติจากเทวโลกอันกุศลกรรมตักเตือนแลัว จักเป็นพระพุทธะผู้มีอนันตยาณ ปรากฏพระนามว่าโสมนัสสะ ดังนี้.

ในเวลาพลบค่ำ หรือในเวลาย่ำรุ่ง ภิกษุฝ่ายพระสูตร ๒ รูป ย่อมสนทนาพระสูตรกัน ฝ่ายพระวินัยก็สนทนาพระวินัยกัน ฝ่ายพระอภิธรรมก็สนทนาพระอภิธรรมกัน ฝ่ายชาดกก็สนทนาชาดกกัน ฝ่ายอรรถกถาก็สนทนาอรรถกถากันหรือสนทนากันในกาลนั้นๆ เพื่อชำระจิตที่ถูกความหดหู่ ความฟุ้ง ซ่านและความสงสัยชักนำไป การสนทนาตามกาลนี้ ชื่อว่า การสนทนาธรรมตามกาล การสนทนาธรรมตามกาลนั้น ตรัสว่าเป็นมงคล เพราะเป็นเหตุแห่งคุณทั้งหลาย มีความฉลาดในอาคมคือนิกายทั้ง ๕ เป็นต้นแล.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสมงคลแห่งคาถานี้ไว้ มงคล คือ ความอดทน ๑ ความเป็นผู้ว่าง่าย ๑ การเห็นสมณะ ๑ และการสนทนาธรรมตามกาล ๑ ด้วยประการฉะนี้. ก็ความที่มงคลเหล่านั้นเป็นมงคล ได้ชี้แจงไว้ในมงคลนั้นๆ แล้วทั้งนั้นแล.

จบพรรณนาความแห่งคาถาว่า ขนฺตึ จ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 6 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ