โอกาสเกิดในอบายภูมิสูง การกลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย

 
chatchai.k
วันที่  20 ส.ค. 2557
หมายเลข  25343
อ่าน  3,263

ไม่มีท่านใดอยากไปเกิดในอบายภูมิ ซึ่งมี ๔ ภูมิ แต่ยังน้อยกว่าสุคติภูมิ ซึ่งมีมากถึง ๒๗ ภูมิ เหตุใดพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงว่าสัตว์ที่จุติแล้วไปปฏิสนธิในอบายมีมากกว่าในสุคติ ไม่ทราบว่าฟังมาถูกต้องหรือไม่ กรุณาแก้ไขหากเกิดความผิดพลาดครับ นอกจากการล่วงศีล ๕ ที่สามารถนำเกิดในอบาย ยังมีกรรมใดบ้างที่เป็นเหตุให้ต้องเกิดในอบาย ครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สัตว์โดยมากทำอกุศลกรรมโดยมากในสังสารวัฏฏ์ เพราะฉะนั้นจึงเป็นปัจจัยให้ไปอบายภูมิ ซึ่ง กรรมที่ทำให้ไปอบายภูมิ คือ การล่วงศีล ๕ รวมทั้งการทำอกุศลกรรมบถด้วย ครับ

ตราบใดที่ยังไม่มีปัญญาถึงขั้นที่จะดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด ย่อมมีการเกิดการตายอยู่ร่ำไป ตายแล้วก็ต้องเกิด และเกิดทันทีด้วย (สำหรับผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่) การเกิดอีกนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการได้เกิดมาเป็นมนุษย์เท่านั้น เกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ก็ได้ เกิดเป็นพรหมบุคคลในพรหมโลกก็ได้ หรือ เกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิก็ได้ ขึ้นอยู่กับกรรมเป็นสำคัญ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตราบใดที่ยังไม่ได้อบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะสามารถดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาดถึงความเป็นพระอรหันต์ ก็ยังต้องเกิดอีกในภพภูมิต่างๆ อย่างแน่นอน ยังไม่พ้นจากสังสารวัฏฏ์ไปได้

แม้บุคคลที่ได้บรรลุคุณธรรมเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว ท่านก็ยังต้องเกิดอีก แต่เกิดไม่เกิน ๗ ชาติและเกิดเฉพาะในสุคติภูมิเท่านั้น เพราะเหตุว่าพระอริยบุคคลจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิ แต่ปุถุชนผู้หนาแน่นไปด้วยกิเลส เต็มไปด้วยกิเลส มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น กิเลสเหล่านี้ยังดับไม่ได้และยังไม่ได้เบาบางลงไปเลย ถึงอย่างไรก็ต้องได้เกิดอีก ยังต้องเดินทางต่อไปในสังสารวัฏฏ์ทั้งในสุคติภูมิและอบายภูมิอีกอย่างนับชาติไม่ถ้วน

เป็นเรื่องที่ยากจริงๆ กับการที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ควรที่จะได้พิจารณาว่า ชาตินี้ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ มีชีวิตที่สมบูรณ์พร้อมทุกประการ ชาติหน้าอาจจะไปเกิดในอบายภูมิก็ได้ เป็นไปได้ทั้งนั้น ซึ่งจะประมาทในชีวิตไม่ได้เลย เพราะถ้าหากอาศัยความประมาทเพียงนิดเดียว อาจจะนำพาเราไปสู่อบายภูมิ ซึ่งเป็นภูมิที่ปราศจากความเจริญในกุศลธรรม หมดโอกาสที่จะได้เจริญกุศลยิ่งขึ้น ก็เป็นได้

เพราะฉะนั้น ด้วยเวลาเท่าที่ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ จึงควรเป็นไปเพื่อการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ และเป็นผู้ไม่ประมาทในการเจริญกุศลประการต่างๆ ต่อไป เพราะสิ่งที่จะเป็นที่พึ่งจริงๆ สำหรับทุกชีวิต ไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง วัตถุ หรือ บุคคลรอบข้าง แต่ เป็นกุศลธรรม เท่านั้น.

[๖๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้นั่นแหละ.

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 20 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กุศลกรรม เป็นการกระทำที่เป็นอกุศล เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด เป็นต้น แสดงถึงอกุศลที่สะสมมาจนมีกำลัง จึงมีความประพฤติเป็นไปที่ไม่ดีอย่างนั้น ถึงแม้กุศลกรรมยังไม่ถึงคราวให้ผล ก็ยังทำให้เกิดความเดือดร้อนใจ ทุกข์ใจ ไม่สบายได้มากทีเดียว ถ้าหากเมื่อถึงคราวที่จะให้ผลจริงๆ ก็ย่อมแสนจะเผ็ดร้อน น่ากลัว นำมาซึ่งทุกข์อย่างใหญ่หลวง ด้วยการไปเกิดในอบายภูมิ (เกิดเป็นสัตว์นรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน เกิดเป็นอสุรกาย) ซึ่งไม่มีใครทำให้เลย นอกจากตนเองเท่านั้น จะไปโทษใครๆ ไม่ได้เลยทีเดียว

เป็นอันตรายมากกับการกระทำกุศลกรรม อันตรายทั้งในขณะที่ทำ และทั้งในขณะที่ให้ผล ผลของกุศลกรรม ทำให้ได้รับความทุกข์ความเดือดร้อน สามารถนำเกิดในอบายภูมิ มี นรก เป็นต้น ได้ เพราะเหตุว่า การเข้าถึงอบายภูมิ หรือ อบายภูมิปรากฏ ก็เพราะผลของกุศลกรรม นั่นเอง จึงควรอย่างยิ่งที่จะเป็นเครื่องเตือนใจที่ดีสำหรับทุกคน ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 20 ส.ค. 2557

การฆ่าบิดา มารดา ตายจากชาตินั้นก็ไปเกิดในนรก ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nopwong
วันที่ 20 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
ch.
วันที่ 21 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 26 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Nataya
วันที่ 4 พ.ย. 2563

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
นพพล
วันที่ 9 ก.ค. 2564

สุคติภูมิ ทุคติภูมิ ก่อนที่จะเกิดมาเป็นคนในชาตินี้ ส่งผลต่ออุปนิสัยและพฤติกรรมด้วยหรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ก.ค. 2564

เรียน ความเห็นที่ 8 ครับ

ทำไมแต่ละบุคคลจึงมีอุปนิสัยที่ต่างกัน เช่น บางคนโกรธง่าย บางคนมีความติดข้องในบางสิ่งอย่างมาก บางคนเชื่อง่าย ไม่ไตร่ตรองในเหตุผล บางคนช่างวิตกกังวล บางคนมีอุปนิสัยเลื่อมใสในทางกุศล บางคนก็มีอุปนิสัยในการไตร่ตรองในเหตุผลตามความเป็นจริง

เพราะ ลักษณะประการหนึ่งของจิตก็คือ มีการสะสมอุปนิสัยในขณะที่จิตเป็นกุศล หรือเป็นอกุศล (หรือเป็นมหากิริยาจิตของพระอรหันต์) จึงทำให้มีจริตอัธยาศัยที่ต่างๆ กันของแต่ละบุคคล


ที่มา... ทำไมอุปนิสัยจึงต่างกัน

อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ก.ค. 2564

เรียน ความเห็นที่ 8 เพิ่มเติม ครับ

ปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นสภาพธรรมที่มีกำลัง จนสามารถเป็นปัจจัย ที่ทำให้ลักษณะของจิตที่กำลังเกิดขึ้น ขณะนี้เป็นไปตามกำลังของปกตูปนิสสยปัจจัย ซึ่งทำให้แต่ละท่านมีอุปนิสสัยต่างๆ กัน สำหรับ อุปนิสสยปัจจัย ปกตูปนิสสยปัจจัย เป็นสภาพธรรม ที่กว้างขวางมาก


ที่มา... อุปนิสสยปัจจัย...ปกตูปนิสสยปัจจัย

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ