มีอะไรติดมา มีอะไรติดไป

 
khampan.a
วันที่  26 ก.พ. 2551
หมายเลข  7566
อ่าน  1,568

ได้ฟัง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ บรรยายในรายการ “แนวทางเจริญวิปัสสนา”

เนื้อหาตอนหนึ่ง แสดงถึงการที่คนเราเกิดมาแล้วมีอะไรติดมาบ้าง และเมื่อละจากโลกนี้ไปจะเอาอะไรไปได้บ้างหรือไม่ ซึ่งเป็นธรรมบรรยายที่เตือนใจได้เป็นอย่างดี ควรค่าแก่การพิจารณาไตร่ตรองตามเป็นอย่างยิ่ง จึงขอยกมา เพื่อศึกษาร่วมกันดังนี้ ครับ

“เราเกิดมา เรามาตัวเปล่าๆ เรามีอะไรติดตัวกันมาบ้าง ตอนเกิดเราไม่มีอะไรติดตัวมาเลย แต่ที่ติดมาแล้วคือ อุปนิสัยที่สะสมมา แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ พอเกิดมา ตอนนั้นจะเหมือนๆ กันทั้งนั้น พอค่อยๆ โตขึ้น จึงค่อยๆ เปลี่ยนไป ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ตามการสะสมของแต่ละคน ถึงแม้ว่าจะมีพี่น้อง ๒ คน ๓ คน หรือกี่คนก็ตาม แต่ละคนก็มีอุปนิสัย มีนิสัยต่างๆ กันไม่เหมือนกันเลย สิ่งที่ติดตามไปจากการที่เรามีสมบัติ มีบ้าน มีทุกอย่าง มีน้อง มีพี่ เราไม่สามารถเอาทุกอย่างเหล่านี้ไปได้ แต่การสะสมของเราในเรื่องความรู้สึก การคิดนึกเหล่านี้จะติดตัวไป อย่างบางคน เป็นคนที่โกรธง่าย และไม่ยอมให้อภัยคนอื่นเลย ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ดี แต่ทำไม่ได้ ถ้าไม่เรียนรู้ ไม่ฝึกฝน หรือไม่สะสม

แต่ถ้าหากวันนี้ เราเปลี่ยนความคิด และถ้าเรารู้ว่าเราไม่โกรธใครเลยก็จะสบายกว่าเยอะ ไม่ต้องไปนั่งคิดถึงคนนั้น ด้วยความขุ่นเคืองใจ นอนไม่หลับกระสับกระส่าย คอยคิดว่า “ทำไมเขาทำกับเราอย่างนั้น” แต่ถ้าหากเรารู้อย่างถูกต้องว่าใครกำลังไม่ดี ในขณะที่คิดอย่างนั้น โดยลืมไปว่า ขณะกำลังที่คิดอยู่อย่างนั้น เป็นทุกข์ของเราเอง เพราะว่าเราไม่ค่อยได้เห็นตนเอง คอยมองแต่คนอื่นว่าคนนั้นไม่ดีตรงนี้ หรือคนโน้นไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตัวเราเอง เราลืม พระธรรมที่ทรงแสดงก็เป็นสัจจธรรม เป็นความจริง ที่ทำให้เรารู้จักตัวเราเอง เราจะรู้จักคนอื่นไหม ได้เหมือนกัน เพราะเรากับเขา ความโกรธเกิดขึ้น ก็เหมือนกันทั้งนั้น ความโกรธ หรือแม้กระทั่งความติดข้องก็เหมือนกันทั้งนั้น ความเป็นผู้มีจิตใจที่ดีงามก็เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นใครทั้งสิ้น เพราะทั้งหมดเป็นธรรม พระธรรมเป็นกระจกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูกต้อง เราจะส่องใจของเราเอง เราจะเห็นใจของเราเองได้"


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
shumporn.t
วันที่ 26 ก.พ. 2551

ถึงแม้ว่าจะรู้ว่ามันไม่ดีแต่ทำไม่ได้ ถ้าไม่เรียนรู้ไม่ฝึกฝน หรือไม่สะสม

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 26 ก.พ. 2551

อีกนัยหนึ่ง ตายไปไม่มีอะไรติดไปได้ นอกจากสิ่งที่สะสม และบุญและบาป จึงควรให้ทาน เจริญุกศลทุกประการ และอบรมปัญญา

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
aditap
วันที่ 26 ก.พ. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 26 ก.พ. 2551

บุคคลอาศัยการพิจารณา การยอมรับ ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ ความตาย ว่าเป็นของธรรมดา ซึ่งไม่อาจจะหลีกหนีได้ จึงควรสะสมเสบียงคือกุศลเอาไว้ด้วยการให้ทาน ด้วยการรักษาศีล ด้วยการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Pararawee
วันที่ 27 ก.พ. 2551

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ajarnkruo
วันที่ 27 ก.พ. 2551

กุศลเท่านั้นที่จะตามพะเน้าพะนอสัตว์ทั้งหลายในปรโลก

อนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 27 ก.พ. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
saifon.p
วันที่ 29 ก.พ. 2551

กุศลเป็นญาติสนิทที่คอยช่วยเหลือเกื้อกูล

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
opanayigo
วันที่ 12 ก.พ. 2552

พระธรรมเป็นกระจกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าเรามีความเข้าใจที่ถูกต้อง เราจะส่องใจของเราเอง เราจะเห็นใจของเราเองได้...

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
suwit02
วันที่ 14 ก.พ. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
wirat.k
วันที่ 15 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
hadezz
วันที่ 16 ก.พ. 2552

ทรัพย์สมบัติอันมีค่า ที่จะติดตัวไปยังภพหน้า คือ ปัญญาและคุณธรรม

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
สุภาพร
วันที่ 17 ก.พ. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
สามมหาอำนาจ
วันที่ 26 ก.พ. 2552

คนก็มีนัยทั้งเป็นคำนาม และเป็นคำกิริยา แต่ทุกนัยนั้น น่าจะเป็นบาทฐานแห่งทุกข์ ท้ายที่สุดของคนก็คือ สี่คนหาม (ธาตุ ๔) สามคนแห่ (โลภ โกรธ หลง) สองคนพาไป (บุญ บาป)

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
pamali
วันที่ 17 มิ.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ