ท่านกำลังเป็นบัวดอกไหน?

 
chatchai.k
วันที่  9 ส.ค. 2557
หมายเลข  25258
อ่าน  1,870

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงบัวสี่เหล่า

ถ้าเราเป็นบัวเหล่าที่ 4 จะมีโอกาสฟังธรรมเข้าใจไหมครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๒๔

"บุคคลใด ตรัสรู้ธรรมพร้อมกับเวลาที่ท่านยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดง บุคคลนี้เรียกว่าอุคฆฏิตัญญู. บุคคลใด ตรัสรู้ธรรมในเมื่อท่านจำแนกอรรถแห่งธรรมที่กล่าวโดยย่อให้ละเอียด บุคคลนี้เรียกว่า วิปจิตัญญู. บุคคลใด ว่าโดยอุเทศ โดยสอบถามใส่ใจโดยแยบคาย เสพ คบเข้าไปนั่งใกล้กัลยาณมิตร ตรัสรู้ธรรมโดยลำดับ บุคคลนี้เรียกว่า เนยยะ. บุคคลใด สดับมากก็ดี กล่าวมากก็ดี ทรงจำได้มากก็ดีให้ผู้อื่นสอนมากก็ดี ยังตรัสรู้ธรรมในชาตินั้นไม่ได้ บุคคลนี้เรียกว่า ปทปรมะ.

(จาก ... สารัตถปกาสินี อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อายาจนสูตร)

พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายทรงเป็นผู้จำแนกธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระองค์ทรงมีพระหากรุณาธิคุณ อนุเคราะห์เกื้อกูลสัตว์โลกให้หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง ด้วยการแสดงพระธรรมที่เหมาะควรแก่อัธยาศัยของแต่ละบุคคล ผู้ที่ได้สั่งสมบารมีมาก็ได้ฟังและสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ ส่วนผู้ที่ไม่ได้บรรลุก็สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูก เพื่อประโยชน์ในภายหน้าต่อไป จากการทรงแสดงพระธรรมของพระองค์ บางครั้งทรงยกเป็นอุทเทศ (หัวข้อ) ขึ้นแสดงเท่านั้น บางครั้งก็ทรงแสดงโดยละเอียด ซึ่งทั้งหมดทั้งปวง ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังอย่างแท้จริง เพราะจากการแสดงพระธรรมของพระองค์นั้น พระองค์ไม่ทรงหวังอะไรจากผู้ฟังแม้แต่น้อย นอกจากผู้ฟังจะเข้าใจเป็นปัญญาของตนเองเท่านั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญเหตุที่ดีมา นั่นก็คือ ได้สะสมการฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มา จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และมีความเข้าใจไปตามลำดับ โดยกล่าวถึงบุคคล ๔ จำพวก ผู้เป็นเวไนยสัตว์ พอจะแนะนำสั่งสอนได้ คือ

๑. อุคฆฏิตัญญูบุคคล คือ บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมโดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น

๒.วิปัญจิตัญญูบุคคล คือ บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด

๓. เนยยบุคคล คือ บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยอาศัยการฟัง การศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อ และโดยการขยายความให้ละเอียด จากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย

๔. ปทปรมบุคคล คือ บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น

ข้อที่ควรพิจารณา คือ บุคคลประเภทที่ ๔ คือ ปทปรมบุคคลนั้น พระธรรมก็เกื้อกูลบุคคลประเภทนี้ได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บรรลุในชาตินั้นก็ตาม กล่าวคือทำให้บุคคลประเภทนี้สะสมอุปนิสัยที่ดี ซึ่งจะเป็นปัจจัยแห่งการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในอนาคตข้างหน้าได้ โดยปทปรมบุคคลนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้ยินได้ฟังพระธรรม (จึงได้ชื่อว่าผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง) ผู้ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมเลยรวมถึงบุคคลผู้ที่มีความเห็นผิดที่ดิ่ง ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นปทปรมบุคคล เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เลย

เพราะฉะนั้น "ปทปรมบุคคล" ต้องเป็นบุคคลผู้ได้ ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน แต่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินั้น อย่างไรก็ตาม ก็สามารถที่จะสะสมเป็นวาสนาในภพต่อไปได้ ปทปรมบุคคล จึงไม่ใช่คนที่ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ใช่คนที่ไม่รู้อะไร แต่ต้องได้ฟังพระธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่บุคคลผู้ที่ได้สะสมอบรมเจริญเหตุที่ดีมา นั่นก็คือ ได้สะสมการฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มา จึงมีโอกาสได้ฟังพระธรรม และมีความเข้าใจไปตามลำดับ โดยกล่าวถึงบุคคล ๔ จำพวก คือ

๑. อุคฆฏิตัญญูบุคคล (บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยฟังเพียงการยกหัวข้อธรรมขึ้นแสดงเท่านั้น)

๒. วิปัญจิตัญญูบุคคล (บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยต้องอาศัยการขยายความแห่งหัวข้อธรรมโดยละเอียด)

๓. เนยยบุคคล (บุคคลผู้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม โดยอาศัยการฟังการศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ ทั้งโดยหัวข้อ และโดยการขยายความให้ละเอียด จากกัลยาณมิตรผู้มีปัญญา มีการสอบถาม มีการไตร่ตรอง พิจารณาโดยแยบคาย)

๔. ปทปรมบุคคล (บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น)

ซึ่ง การอุปมา บัวสี่เหล่า เป็นตอนที่ สหัมบดีพรหม ทูลอาราธนาให้พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรม เมื่อพระพรหมอาราธนา พระพุทธเจ้าก็ทรงตรวจดูสัตว์โลก ซึ่งก็เห็นหมู่สัตว์ที่สามารถบรรลุธรรมได้ในชาตินั้น ซึ่งเป็นบัว 3 เหล่า บางเหล่าตั้งขึ้น พ้นน้ำ น้ำไม่ติด ฉันใด ในอรรถกถา อธิบายว่า คืออุคฆฏิตัญญูบุคคล คือ เพียงฟังห้วข้อของพระธรรมเท่านั้น ก็บรรลุธรรม

บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำ คือ วิปัญจิตัญญูบุคคล คือ เมื่อได้ฟังหัวข้อแล้วอธิบายโดยละเอียด ก็สามารถบรรลุธรรม

บางเหล่ายังไม่พ้นน้ำ จมอยู่ในน้ำ น้ำหล่อเลี้ยงไว้ คือ เนยยะบุคคล คือ สามารถบรรลุธรรมในชาตินั้นได้ แต่ต้องอาศัยการฟัง การศึกษามาก จึงจะบรรลุธรรมได้ ครับ ซึ่งที่ถามว่า เป็นดอกบัว 4 เหล่า หรือ 3 เหล่า ในพระบาลี แสดง 3 เหล่า มุ่งหมายถึง ผู้ที่บรรลุธรรมได้ แต่ในอรรถกถาอธิบายเพิ่มเติมว่า มี อีกเหล่า เป็น 4 เหล่า คือ ปทปรมบุคคล เป็นการแสดงถึง บุคคลที่สามารถบรรลุได้ในชาตินั้น ไม่ได้รวมถึงบุคคลที่ไม่สามารถบรรลุชาตินั้น แต่บรรลุในชาติถัดๆ ไป ข้อความอรรถกถาอธิบายว่า แม้ไม่ได้ยก บุคคลที่ 4 ที่เป็น ปทปรมบุคคล ที่ไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ แต่บรรลุธรรมในชาติต่อๆ ไป ก็หมายรวมบุคคลเหล่านี้ด้วย เพียงแต่ไม่ยกขึ้นไว้ในพระไตรปิฎก เพราะ ความจริง บุคคล แบ่ง เป็น บัว 4 เหล่า

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๔๘

อรรถกถามหาปทานสูตร

อธิบายว่า บัวบางเหล่าที่ตั้งขึ้นพ้นน้ำคอยรอสัมผัสแสงอาทิตย์แล้วบานในวันนี้. บางเหล่าตั้งอยู่เสมอน้ำจักบานในวันพรุ่งนี้. บางเหล่ายังจมอยู่ภายในน้ำ อันน้ำเลี้ยงไว้จักบานในวันที่ ๓. แต่ว่ายังมีดอกบัวเป็นต้นที่มีโรคแม้เหล่าอื่นไม่ขึ้นพ้นจากน้ำแล้ว ดอกบัวเหล่าใด จักไม่บาน จักเป็นภักษาแห่งปลาและเต่าอย่างเดียว ดอกบัวเหล่านั้น ท่านไม่ควรนำขึ้นสู่บาลี ได้แสดงไว้ชัดแล้ว


ส่วนเหล่าที่ 4 เป็นดอกบัวที่จะไม่บาน จะเป็นอาหารของปลา และเต่า ซึ่งเป็นบุคคลที่เรียกว่า ปทปรมบุคคล (บุคคลผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในชาตินั้นได้ แม้ว่าจะได้ฟังมาก ศึกษามาก สอนผู้อื่นมาก เป็นต้น)

ข้อที่ควรพิจารณา คือ บุคคลประเภทที่ 4 คือ ปทปรมบุคคลนั้น พระธรรม ก็เกื้อกูลบุคคลประเภทนี้ได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้บรรลุในชาตินั้นก็ตาม กล่าวคือทำให้บุคคลประเภทนี้สะสมอุปนิสัยที่ดีซึ่งจะเป็นปัจจัยแห่งการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมในอนาคตข้างหน้าได้ โดยปทปรมบุคคลนี้ จะต้องเป็นผู้ที่ได้ยินได้ฟังพระธรรม (จึงได้ชื่อว่าผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง) ผู้ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังพระธรรมเลย รวมถึงบุคคลผู้ที่มีความเห็นผิดที่ดิ่ง ย่อมไม่ชื่อว่าเป็นปทปรมบุคคล เพราะไม่มีโอกาสที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้เลย

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

บุคคล ๔ จำพวก มีอุคฆฏิตัญญูบุคคล เป็นต้น [ปุคคลบัญญัติ]

ดอกบัว ๔ เหล่า [อรรถกถามหาปทานสูตร]


ดังนั้น ผู้ใดก็ตาม ที่ยังไม่บรรลุธรรมในชาตินี้ แม้จะเกิดปัญญา เกิดสติปัฏฐานรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ แต่ไม่ใช่พระโสดาบัน คือ ไม่บรรลุธรรม ไม่เป็นดอกบัวบานในชาตินี้ ชื่อว่าเป็นดอกบัวเหล่าที่สี่ทั้งหมดไม่ต้องกล่าวถึงผู้ที่ศึกษาธรรมแต่สติปัฏฐานไม่เกิด เพราะผู้ที่เกิดปัญญา ความเข้าใจถูกในขั้นสติปัฏฐาน แต่ไม่บรรลุธรรมก็ยังเป็นดอกบัวเหล่าที่ 4 ครับ แต่ก็เป็นปัจจัย สะสมปัญญาต่อไป ที่จะเป็นดอกบัวบานในอนาคต ที่จะดอกบัว ใน 3 เหล่า ที่พร้อมจะบาน คือ บรรลุธรรมได้ ครับ

ดังนั้น ไม่สำคัญว่าเราอยู่บัวเหล่าไหน แต่สำคัญที่เหตุ คือ ศึกษาอบรมปัญญาต่อไปเท่านั้น ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Lamphun
วันที่ 9 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tanrat
วันที่ 10 ส.ค. 2557

กราบอนุโมทนาสาธุค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
phawinee
วันที่ 10 ส.ค. 2557

เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ และขออนุโมทนาในกุศลของทุกท่านนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
peem
วันที่ 10 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
รู้จบลงที่รู้
วันที่ 10 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
orawan.c
วันที่ 11 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ