ปฏิบัติธรรมภาวนาจำเป็นต้องศึกษาอภิธรรมด้วยหรือไม่

 
sumano
วันที่  6 ส.ค. 2557
หมายเลข  25227
อ่าน  865

ปฏิบัติธรรมภาวนาจำเป็นต้องศึกษาอภิธรรมด้วยหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 6 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจก่อนว่า พระอภิธรรม เป็นธรรมที่มีจริง ละเอียดโดยความเป็นธรรม ที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงสภาพธรรมนั้นๆ ไม่ได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้สภาพธรรมที่เป็นพระอภิธรรมตามความเป็นจริง แล้วทรงแสดงให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง พระอภิธรรม จึงไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน เป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้ เช่น เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย คิดนึก กุศล อกุศล เป็นต้น นี้แหละ คือ พระอภิธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน

ส่วนใหญ่เวลาได้ยินคำว่า อภิธรรม แล้วกลัว กลัวว่าจะเรียนไม่ได้ แต่แท้ที่จริงแล้ว อภิธรรม ก็คือ สิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ ที่เราไม่เคยรู้มาก่อนว่าเป็นธรรม ว่าเป็นอภิธรรม ไม่ว่าจะกล่าวถึงเรื่องใดก็ตาม ก็ไม่พ้นไปจากอภิธรรมเลย เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึก ความดี ความชั่ว เป็นต้น ล้วนเป็นธรรมที่มีจริง ที่เป็นอภิธรรม ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น สำคัญที่การเริ่มต้น ด้วยการฟังด้วยการศึกษาพระธรรม เป็นปกติในชีวิตประจำวัน ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปทีละเล็ก ทีละน้อย การศึกษาพระธรรมที่ถูกต้องนั้น ต้องไม่ใช่แบบวิชาการ แต่เป็นไป เพื่อขัดเกลา ละคลายกิเลส มีความเห็นผิด ความไม่รู้ เป็นต้น

เพราะฉะนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริง คือ อภิธรรม ที่เป็นสภาพธรรมที่เป็นเหตุ และ เป็นผล แต่การจะรู้ความจริงเช่นนั้นได้ ต้องด้วยปัญญา ที่รู้ ไม่ใช่เราที่รู้ ซึ่งก็ด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมไปทีละเล็กละน้อย จะเห็นความจริงได้ ก็ต้องเข้าใจก่อนครับว่า ความจริงคืออะไร เพราะ การจะรู้ความจริง เห็นความจริง ต้องเห็นด้วยปัญญา ซึ่งก็ต้องเริ่มจากเบื้องต้น คือ ปัญญาขั้นการฟัง จึงจะถึง ปัญญาที่เห็นความจริง ประจักษ์ความจริงที่เป็นปัญญาขั้นสูงได้ ครับ

ดังนั้น การศึกษาอภิธรรม ก็คือ การศึกษาธรรมตัวจริงในขณะนี้นั่นเอง การเรียนอภิธรรม จึงไม่ใช่การจำชื่อ จำเรื่องราวของอภิธรรมว่ามี จิต เจตสิกเท่าไหร่ แต่การศึกษาอภิธรรม ก็คือ ฟังเรื่องชื่อสภาพธรรม เพื่อเข้าใจว่า เป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา การศึกษาอภิธรรม จึงเป็นประโยชน์ เพราะทำให้เข้าใจความจริงว่า ไม่มีเราที่จะไปปฏิบัติ มีแต่ธรรมทำหน้าที่เท่านั้น การศึกษาอภิธรรมที่เข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรมย่อมจะทำให้ปัญญาเกิดรู้ความจริง ที่เป็นตัวอภิธรรมในขณะนี้ได้จริงๆ ซึ่งเรียกว่า ปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การนั่งสมาธิ เดินจงกรม แต่การปฏิบัติ คือ สติและปัญญา เป็นต้น ที่เป็นสภาพธรรมที่มีจริงทีเ่ป็นฝ่ายดี ซึ่งก็คือ อภิธรรม เกิดขึ้น รู้ความจริงในสภาพธรรมในขณะนี้ ที่เป็น รูป เสียง กลิ่น รส เห็น ได้ยิน ที่เป็นอภิธรรม เช่นกันว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่คือ ปฏิบัติธรรมที่ถูกต้อง ครับ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 ส.ค. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง มีความละเอียด ลึกซึ้ง เพราะแสดงถึงความจริงทั้งหมด ความจริงทั้งหมดนั้น ไม่พ้นไปจากสภาพธรรม ที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม กล่าวคือ จิตทั้งหมดทุกประเภท, เจตสิกซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดกับจิต, รูปทั้งหมด ล้วนเป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง

ชีวิตประจำวันเป็นธรรม และสามารถพิสูจน์ได้ทุกขณะ เมื่อได้ฟัง ได้ศึกษาบ่อยๆ เนืองๆ สั่งสมความเข้าใจไปทีละเล็กทีละน้อย ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ที่สำคัญไม่ควรประมาทพระธรรมว่าง่าย ดังนั้นจึงต้องมีความอดทนที่จะฟัง ที่จะศึกษาพระธรรมต่อไป สำคัญที่ความเข้าใจถูกจริง เพราะปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของความเข้าใจในลักษณะของสภาพธรรม เป็นการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรม ด้วยสติ และปัญญา ซึ่งจะขาดความเข้าใจในเรื่องของ สิ่งที่มีจริงๆ ไม่ได้เลย

ขอเชิญคลิกอ่านเพื่อความเข้าใจเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

จิตตสังเขปบทที่ ๕ ...ธรรมทั้งหลายไม่ได้อยู่ในหนังสือตำรา

ไม่ได้อยู่ในตำรา

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 6 ส.ค. 2557

ปฏิบัติธรรมก็ต้องอาศัยการศึกษาธรรมจึงจะปฏิบัติถูก คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องเป็นไปตามลำดับ คือปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ประสาน
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Parinya
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 7 ส.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
sumano
วันที่ 8 ส.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนา

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ