สภาพความเบียดเบียน

 
natural
วันที่  18 มิ.ย. 2557
หมายเลข  24999
อ่าน  2,078

มนุษย์เบียดเบียนกันเองก็มีไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับสัตว์เดรัจฉานดูเหมือนจะมีการเบียดเบียนด้วยรูปแบบของผู้ล่ากับเหยื่อเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งดูจะรุนแรงกว่ามนุษย์ และความเข้าใจทางโลกก็ถือว่าเป็นไปตามกลไกทางธรรมชาติ โดยความเข้าใจจากการศึกษาพระธรรมจะให้เหตุผลในเรื่องของกรรมและการให้ผลของกรรมซึ่งเป็นไปตามสภาพธรรม จึงรบกวนเรียนถามว่า

1. สัตว์ในภูมิอื่นนอกเหนือจากมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานมีสภาพธรรมที่เบียดเบียนด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไรคะ

2. เพราะเหตุใดสัตว์เดรัจฉานบางชนิดจึงมีสภาพเบียดเบียนที่ดูรุนแรงกว่า และมนุษย์บางคนก็มีสภาพเบียดเบียนที่คล้ายสัตว์เดรัจฉาน เป็นเพราะสะสมสภาพความไม่ละอายและไม่เกรงกลัวต่อการทำบาปไว้มากใช่หรือไม่คะ

3. ถ้ายังไม่เข้าใจพระธรรมและยังไม่เห็นความสำคัญของการเจริญกุศล การสะสมของอกุศลจิตจะเป็นเหตุให้เกิดการปฏิสนธิในอบายภูมิ ซึ่งจะมีแต่อกุศลจิตที่เกิดขึ้นสะสมต่อเนื่องไป ไม่มีโอกาสเจริญกุศลได้เลยใช่หรือไม่คะ

4. จากการศึกษาเข้าใจว่ามนุษย์เป็นภูมิที่มีโอกาสมากในการเจริญกุศลเมื่อเทียบกับภพภูมิอื่น เป็นเพราะเหตุใดคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 18 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

1.สัตว์ในภูมิอื่นนอกเหนือจากมนุษย์และสัตว์เดรัจฉานมีสภาพธรรมที่เบียดเบียนด้วยรูปแบบที่แตกต่างกันหรือไม่ อย่างไรคะ

@ ภพภูมิของสัตว์มีมากมาย ตามความหลากหลายของการทำกรรม ที่เป็น กุศลกรรม และ อกุศลกรรม จึงแบ่งเป็น สุคติ และ ทุคติ ซึ่ง ผลของกุศลกรรมย่อมนำเกิดในสุคติ และ ผลของอกุศลกรรม ก็ย่อมนำเกิดในทุคติ และ แม้อย่างนั้นก็ตาม สุคติภูมิก็ยังแตกต่างกันตามระดับความประณีตของกุศลกรรม จึงแบ่งเป็น พรหมภูมิ ที่ประณีตอย่างยิ่ง จึงไม่ให้โอกาสของอกุศลกรรมที่จะให้ผลที่จะต้องเจ็บปวดทางกาย เป็นต้น แต่เป็นโอกาสของกุศลกรรมให้ผล เช่นเดียวกับเทวดา ที่เป็นภพภูมิที่เกิดจากกุศลกรรมที่ประณีตมาก รองลงมาจากพรหมก็ไม่เป็นโอกาสให้ อกุศลกรรมให้ผล ด้วย ภพภูมิ คือ คติห้ามไว้ ไม่ต้องมีการทุกข์กาย ทุกข์ทรมาน แต่ มนุษย์ ก็เป็นผลของกุศลกรรม แต่ก็ยังมีการให้ผลของอกุศลกรรมได้ ซึ่งอาจจะทุกข์ทรมานมากๆ ก็ได้ แต่ตามกรรมของแต่ละบุคคลไป ส่วน ทุคติภูมิ ก็มีแบ่งเป็น สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกาย และ สัตว์นรก ซึ่งภพภูมิที่ทุกข์ทรมานมากที่สุด ที่มีการเบียดเบียนทางกายคือ นรก ที่สัตว์นรกจะต้องถูกทำร้าย ทรมานจากนายนิรยบาล จากผลของอกุศลกรรมที่ตนเองทำไว้ มากกว่าสัตว์เดรัจฉาน หาประมาณมิได้ ซึ่งก็มีทั้งรูปแบบที่เหมือนกัน และ ต่างกัน อย่างเช่น ในโลกันตนรก สัตว์นรกอาศัยอยู่ มืดมาก หนาวมากๆ สัตว์นรก เมื่อมองไม่เห็นกัน หิวกระหายด้วย เมื่อตัวชนกัน ก็กัดกินกันเอง และก็หล่นลงไปในน้ำกรด ละลายเหมือนผงแป้ง ก็คล้ายๆ กับสัตว์เดรัจฉาน ที่ล่ากันเอง แต่ เพียงนรกทรมานมากกว่า และ ก็กลับมาเป็นอย่างนั้นอีก คือ ตายแล้วก็เกิดในที่เดิม ทุกข์ทรมานต่อ ครับ

2.เพราะเหตุใดสัตว์เดรัจฉานบางชนิดจึงมีสภาพเบียดเบียนที่ดูรุนแรงกว่า และมนุษย์บางคนก็มีสภาพเบียดเบียนที่คล้ายสัตว์เดรัจฉาน เป็นเพราะสะสมสภาพความไม่ละอายและไม่เกรงกลัวต่อการทำบาปไว้มากใช่หรือไม่คะ

@ ทุกอย่างไม่พ้นจากกรรม ซึ่ง การให้ผลของอกุศลกรรมประการหนึ่ง คือ ภพภูมิที่เกิด หากเกิดในทุคติภูมิ ก็จะป็นโอกาสของอกุศลกรรมที่ให้ผลได้ง่ายกว่า กุศลกรรม เพราะฉะนั้น สัตว์เดรัจฉาน จึงได้รับทุกข์ทางกาย เป็นต้น มากกว่าภพภูมิมนุษย์โดยส่วนมาก เพราะเหตุว่า ภพภูมิที่เป็นสุคติภูมิ คือ มนุษย์ที่เป็นภพภูมิที่ดี ห้ามอกุศลกรรมที่ควรให้บางอย่างไว้ได้ ถามว่า มนุษย์นั้นก็อาจจะทำกรรมไม่ดีกว่าสัตว์เดรัจฉานก็ได้ แต่ เพราะ คติ คือ สุคติภูมิห้ามการให้ผลของกรรมนั้น จึงทำให้โดยมาก สัตว์เดรัจฉาน ได้รับทุกข์ เพราะ มีปัจจัยหลัก คือ อกุศลกรรมให้ผล ครับ

ส่วน ทำไมมนุษย์บางคนที่ได้รับทุกข์ทรมานเหมือนสัตว์ ก็เพราะ มนุษย์บางคน ยังมีอกุศลกรรมที่สามารถให้ผลได้ จึงทำให้เป็นปัจจัยให้ได้รับความทุกข์ทรมาน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากกรรมเป็นสำคัญ และ ภพภูมิมนุษย์ยังไม่ประณีตเพียงพอที่จะไม่ให้โอกาสของอกุศลกรรมไม่ให้ผล เหมือนดั่งเช่น พรหมภูมิ ครับ ดั่งเช่น พระพุทธเจ้าก็ทรงประชวรหนัก ทรมานทางกายมาก หรือ ถูกหินทับพระบาทให้ห้อ ก็ทุกข์ทางกายมาก เพราะ อกุศลกรรมเป็นปัจจัยให้ผล ครับ

3.ถ้ายังไม่เข้าใจพระธรรมและยังไม่เห็นความสำคัญของการเจริญกุศล การสะสมของอกุศลจิตจะเป็นเหตุให้เกิดการปฏิสนธิในอบายภูมิ ซึ่งจะมีแต่อกุศลจิตที่เกิดขึ้นสะสมต่อเนื่องไป ไม่มีโอกาสเจริญกุศลได้เลยใช่หรือไม่คะ

@ ก็เฉพาะชั่วคราวที่เกิดในอบายภูมิ ที่เป็นภพภูมิที่เจริญกุศลได้ยาก เพราะ อกุศลจิตเกิดมาก ซึ่งพระโพธิสัตว์ก็เกิดในนรกได้ ท่านก็ไม่ได้อบรมปัญญาในภพภูมินั้น แต่เมื่อพ้นจากภพภูมินรกแล้ว ก็เจริญกุศลต่อได้ ครับ

4.จากการศึกษาเข้าใจว่ามนุษย์เป็นภูมิที่มีโอกาสมากในการเจริญกุศลเมื่อเทียบกับภพภูมิอื่น เป็นเพราะเหตุใดคะ

@ เพราะ หากพิจารณาในชีวิตประจำวัน อกุศลเกิดมาก หรือ กุศลเกิดมาก และ ในสังสารวัฏฏ์ทำอกุศลกรรมมาก หรือ กุศลกรรมมาก ก็เป็นที่แน่นอนว่า ทำอกุศลกรรมโดยมาก เพราะฉะนั้น การเกิดในสุคติภูมิ มีมนุษย์ เป็นต้น จึงเกิดได้ยาก เพราะทำกุศลกรรมน้อย แต่ทำอกุศลกรรมโดยมาก ครับ

ส่วนภพภูมิมนุษย์เป็นภพภูมิที่เลิศในการเจริญอบรมปัญญามากกว่าเทวดาและภพภูมอื่น มนุษย์พบทั้งสุขและทุกข์ ส่วนเทวดา โดยมากมีแต่ความสุขเป็นส่วนใหญ่ จึงเพลิดเพลินหลงไปในรูป เสียง..ที่น่าปรารถนา มากกว่ามนุษย์ครับ มนุษย์พบสิ่งต่างๆ ทำให้เกิดทุกข์ จึงเห็นโทษของทุกข์ภัย จึงสนใจและเข้าหาพระธรรมได้ง่าย และที่สำคัญพระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้ในภพูมิมนุษย์ด้วยครับ และ เป็นโอกาสของทานกุศล และ กุศลอื่นๆ มากมายในภพภูมิมนุษย์ ครับ

พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต เล่ม ๔- หน้าที่ 790

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีป ประเสริฐกว่าพวกมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีปและเทวดาชั้นดาวดึงส์ ด้วยฐานะ ๓ ประการ๓ ประการเป็นไฉน คือเป็นผู้กล้า ๑ เป็นผู้มีสติ ๑ เป็นผู้อยู่ประพฤติพรหมจรรย์อันเยี่ยม ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มนุษย์ชาวชมพูทวีปประเสริฐกว่าพวกมนุษย์ชาวอุตตรกุรุทวีป และพวกเทวดาชั้นดาวดึงส์

อรรถกถาฐานสูตร
บทว่า อิธ พฺรหฺมจริยวาโส ความว่า แม้การอยู่ประพฤติมรรคพรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์แปด (อริยมรรค มีองค์ ๘) ย่อมมีในที่นี้เท่านั้น เพราะพระพุทธเจ้าและพระปัจเจกพุทธเจ้า อุบัติขึ้นในชมพูทวีป.

เมื่อได้ศึกษาธรรมโดยละเอียดจะรู้ว่า การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยากมากครับ เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว ได้มีโอกาสพบพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ก็เป็นสิ่งที่ยากมากเข้าไปอีก และเมื่อได้พบพระธรรมแล้ว เป็นผู้สนใจในหนทางที่ถูกต้องและมีศรัทธาในพระธรรมที่ถูกต้องยิ่งยากขึ้นไปกว่านั้น แต่ขณะนี้ก็ถึงพร้อมแล้วในสิ่งที่กล่าวมา พระพุทธองค์ตรัสว่า ขณะอย่าล่วงเลยพวกท่านไปเสีย เพราะบุคคลที่ล่วงเลยขณะไป ย่อมพากันยัดเยียดกันในนรกครับ ดังนั้นขณะอย่าล่วงเลยไป คือ ขณะที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมและขณะที่ปัญญาเจริญขึ้นนั่นเองครับ

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๓ หน้าที่ 323-330

กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ กิจฺฉ มจฺจาน ชีวิต

กิจฺฉ สทฺธมฺมสฺสวน กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท.

" ความได้อัตภาพเป็นมนุษย์ เป็นการยาก ชีวิตของสัตว์ทั้งหลายเป็นอยู่ยาก การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลายเป็นการยาก."

-----------------------------------------------------------------------------------

เชิญคลิกอ่านที่นี่นะครับมีประโยชน์มาก

การฟังพระสัทธรรมเป็นของยาก

อักขณสูตร .. ผู้ปล่อยเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

การได้เกิดเป็นมนุษย์ เป็นไปได้ยากแสนยากจริงๆ

ได้ทราบมาว่า .. การได้อัตภาพเป็นมนุษย์นี้แสนยาก

เหมือนฝุ่นติดปลายเล็บ [นขสิขสูตร]

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ผู้มาใหม่
วันที่ 18 มิ.ย. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 18 มิ.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-การที่จะได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ เช่นการถูกเบียดเบียน เป็นต้น อะไรนำมาให้ ไม่ใช่อย่างอื่น แต่เป็นกรรมที่ได้กระทำแล้วเท่านั้นที่เป็นเหตุที่จะให้ผลเกิดขึ้น แต่การที่จะได้รับผลของกรรม ก็ต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบในส่วนอื่นๆ ด้วย ภพภูมิที่เกิดก็มีส่วน ตลอดจนถึงความประพฤติเป็นไปในขณะนี้ ดีหรือไม่ดี ก็มีส่วนที่จะเอื้อต่อการที่จะทำให้กรรมที่ได้กระทำแล้วถึงคราวให้ผลเช่นกัน การเบียดเบียนกัน ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ดิรัจฉานหรือมนุษย์ ก็คือความเกิดขึ้นเป็นไปของอกุศลธรรม แต่การถูกเบียดเบียนได้รับความทุกข์ทรมานต่างๆ เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วโดยไม่มีใครทำให้เลย สำคัญคือความเป็นผู้มั่นคงในเหตุและผล กล่าวคือ เหตุที่ดี ให้ผลเป็นผลที่ดี ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นเหตุที่ไม่ดีก็ให้ผลเป็นผลที่ไม่ดี ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ

-การที่กุศลจะเจริญขึ้นได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เห็นคุณจริงของกุศลธรรมที่จะเป็นไปเพื่อการขัดเกลาอกุศล จึงไม่ว่างเว้นจากโอกาสที่จะได้สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นโอกาสของความดีประเภทใดก็ตาม ถ้าไม่เห็นคุณของกุศล ก็จะไม่เจริญกุศล ไม่ว่าจะเกิดเป็นใครก็ตาม ถ้าหากว่า สะสมความเห็นผิด สะสมความไม่รู้พอกพูนอกุศลเป็นประจำ ย่อมเอื้อต่อการไปเกิดในอบายภูมิได้มากทีเดียว หมิ่นเหม่ต่อการตกไปสู่ที่ต่ำจริง ซึ่งจะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว

-ที่ตั้งแห่งการสะสมความดีมพร้อมแล้วในภพภูมิมนุษย์ ครอบคลุมคุณความดีทั้งหมด ทั้งทาน ศีล และการอบรมเจริญปัญญา ซึ่งก็แล้วแต่การสะสมของแต่ละบุคคลจริงๆ ที่จะเห็นคุณค่าของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งได้มาอย่างยากแสนยากหรือไม่ ถ้าเกิดมาแล้ว ไม่ได้สะสมความดีไม่ได้ฟังพระธรรมให้เข้าใจ ก็น่าเสียดายมาก ชาติหนึ่งๆ ก็ผ่านไปโดยที่ไม่ได้เพิ่มพูนในทางฝ่ายกุศลและการเจริญขึ้นแห่งปัญญาเลย ครับ

...ขออนุโมนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 18 มิ.ย. 2557

ชาติที่เกิดในอบายภูมิ ก็หมดโอกาสเจริญปัญญา หลังจากพ้นอบายภูมิมาเกิดเป็นมนุษย์ อบรมเจริญกุศลและอบรมปัญญาต่อได้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natural
วันที่ 18 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ปวีร์
วันที่ 18 มิ.ย. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
napachant
วันที่ 19 มิ.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ