ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๔๐

 
khampan.a
วันที่  27 เม.ย. 2557
หมายเลข  24776
อ่าน  2,703

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาต แบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๔๐

พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมเพื่อให้เห็นภัยของวัฏฏะ จะให้ประสบกับ สิ่งที่พอใจเท่านั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าทุกท่านได้กระทำมาแล้ว ทั้งกุศลกรรมและอกุศลกรรม เพราะฉะนั้น ก็แล้วแต่ว่าขณะไหนกรรมใดจะให้ผล ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ได้รับกระทบอารมณ์ที่น่ายินดี น่าพอใจ แต่ว่าเวลาที่เป็นผลของอกุศลกรรม ก็ย่อมจะได้รับอารมณ์ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกาย บ้าง ที่ไม่น่าพอใจ

แทนที่จะรีบโกรธ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตา ไม่พอใจ ก็ควรที่จะคิดว่า ทำไมถึง เป็นอย่างนี้ ต้องมีเหตุมีปัจจัยที่ทำให้เป็นอย่างนี้ เมื่อเป็นอย่างนี้แล้ว ก็ควรที่จะ เข้าใจ เห็นใจ แล้วก็ช่วยแก้ไขเท่าที่สามารถจะช่วยได้ ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ อบรม เจริญเมตตา มีความเห็นใจ มีความเข้าใจจริงๆ แล้ว ขณะนั้นจะไม่โกรธ แต่ถ้าโกรธ ให้ทราบว่า ไม่เข้าใจคนนั้นและไม่เห็นใจด้วย จึงได้โกรธ

ถ้าบุคคลนั้นกระทำกายทุจริต หรือ วจีทุจริตก็ตาม ทำไมเราจะต้องโกรธ ในเมื่อที่จริงแล้วบุคคลนั้นน่าสงสารที่สุดที่ว่า เขาจะต้องได้รับผลของกรรม ถ้านึกถึงภาพของบุคคลนั้นที่จะต้องอยู่ในนรก ได้รับความทุกข์ทรมานแสน สาหัส จะเกิดความกรุณาในผู้กระทำกายทุจริตและวจีทุจริต ในขณะนั้นท่าน ก็จะไม่โกรธเหมือนกัน เพราะรู้สึกเห็นใจสงสารจริงๆ ในผู้กระทำอกุศลกรรม

เมื่อความไม่ดีเกิดขึ้นกับบุคคลใดแล้ว จะห้ามจะกันไม่ให้เกิดขึ้นได้ไหม? ไม่ได้ เขาก็มีปัจจัยที่จะให้กระทำกรรมนั้น ใครจะทำอะไรได้ ก็เป็นเรื่องของบุคคลนั้น ที่เกิดขึ้นกระทำอย่างนั้น เพราะเหตุปัจจัย

มีใครบ้างไหมที่จะดีพร้อมเสียทุกอย่าง บางท่านความประพฤติทางกาย ไม่บริสุทธิ์ แต่ความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ อาจจะฆ่าสัตว์ อาจจะมีกายทุจริต แต่ไม่พูดมุสาเลย วจีทุจริตประการอื่นๆ ก็ไม่มี แต่เป็นผู้ที่ยังมีกายทุจริตอยู่ นี่ก็เป็น เรื่องของชีวิตของบุคคลต่างๆ ในโลก

พระธรรมที่ทรงแสดงทั้งหมดเพื่อเกื้อกูลผู้ฟังให้ประพฤติปฏิบัติตาม แล้วก็เป็น ประโยชน์แก่ผู้ไม่อาฆาต เป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่ผูกโกรธ

ถ้าใครรู้ว่า ความโกรธที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เป็นแต่เพียง สภาพธรรมชนิดหนึ่ง เมื่อมีปัจจัยของความโกรธ ความโกรธก็เกิดขึ้น ยับยั้ง บังคับบัญชาไม่ได้ นี่คือผู้ที่รู้จักความโกรธตามความเป็นจริง โดยความเป็น อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

ถึงแม้ว่าจะได้ฟังมาก แต่ว่าถ้าไม่ได้ประพฤติธรรม ไม่ได้ขัดเกลากิเลส ไม่ได้งดเว้นทุจริตทางกาย ทางวาจาด้วยที่เต็มไปด้วยกิเลส ก็ยิ่งจะพอกพูน หนาแน่น จนกระทั่งเป็นเหตุให้ล่วงออกมาเป็นกายทุจริต วจีทุจริต เป็นกิเลสหยาบขั้นต่างๆ อยู่เรื่อยๆ

ถ้าท่านมีศรัทธาที่จะอบรมเจริญปัญญาในเพศของบรรพชิต ท่านเป็นผู้มีเจตนา ที่จะละคลายการติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เท่าที่ท่านจะสามารถจะ ประพฤติตามได้ ตามพระวินัยบัญญัติ นั่นก็เป็นเรื่องของศรัทธา เป็นเรื่องของ อุปนิสัยที่ท่านสะสมมา แต่สำหรับท่านที่เป็นฆราวาส ที่ยังเป็นฆราวาสอยู่ เพราะเหตุว่าตามความเป็นจริงแล้ว อุปนิสัยที่สะสมมาเป็นฆราวาส จึงเป็น ฆราวาส ไม่ใช่มีการบังคับที่จะต้องให้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมทุกคนเป็น เช่นบรรพชิต

ถ้าท่านคบหาสมาคมกับคนเห็นผิด โน้มเอียงไปในทางความเห็นผิด ขาดการ พิจารณา ไตร่ตรองโดยแยบคาย ท่านก็ย่อมจะคล้อยตามโน้มเอียงไปในความ เห็นผิดนั้น แต่ถ้าท่านเป็นผู้ที่คบหาสมาคมกับผู้ที่มีความเห็นถูก ท่านก็จะได้ รับการชักจูงโน้มเอียงไปในการที่จะเป็นผู้ละเอียด และเป็นผู้ที่พิจารณาคล้อย ตามคลองของธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นความเห็นถูกด้วย

ขณะที่กำลังหลับ ไม่เป็นโลภะ โทสะ โมหะ แต่จะไม่เป็นประโยชน์ เท่ากับการตื่นขึ้นสติเกิดรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะฉะนั้น ก็ขอให้เทียบดูว่า ถ้าหลับแล้วไม่เกิดอกุศล แต่ถ้ามีการ ตื่นขึ้น แล้วไม่เจริญสติ ไม่รู้ความจริง ก็พอกพูนโลภะ โทสะ โมหะเพิ่มขึ้น มากขึ้น

ดังนั้น ประโยชน์ที่ได้จากการตื่น ก็คือ เป็นผู้ที่ระลึกรู้ ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏแต่ละทาง

เรื่องของการศึกษาธรรมนี้ ถ้าท่านเป็นผู้ที่ต้องการประโยชน์จริงๆ ฟัง เพื่อเข้าใจจริงๆ ฟังเพื่อการประพฤติปฏิบัติที่ถูกต้อง เพื่อการขัดเกลา เพื่อการละกิเลสจริงๆ ท่านย่อมได้ประโยชน์มากทีเดียว แต่ถ้าท่านฟัง เพื่อที่จะให้เห็นว่า ขัดแย้งหรือว่าไม่เข้าใจ ก็จะไม่ได้ประโยชน์เลย

ขณะที่เข้าใจเป็นกุศลแล้ว แล้วก็ยังจะนำมาซึ่งกุศลอื่นๆ ซึ่งเกิดเพราะ ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก

ผู้ที่เห็นประโยชน์ของการฟัง ไม่ใช่ฟังเพื่อพรุ่งนี้จะเป็นพระอริยบุคคลหรือจะ ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปของธรรม แต่ฟังด้วยการเป็นผู้ตรง ขณะที่ฟัง ก็มีธรรมปรากฏ แล้วเข้าใจตัวธรรมที่ปรากฏแค่ไหน ซึ่งต้องอาศัยการฟังอีก ฟังอีกซ้ำๆ โดยที่ไม่ต้องหวังว่า วันไหน เดือนไหน ปีไหนเลย แต่เป็นความเข้าใจ ที่เพิ่มขึ้นและมั่นคงขึ้นว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ซึ่งเมื่อมีเหตุปัจจัยก็เกิด

ความดีง่ายๆ ทำไม่ยาก ก็คือฟังพระธรรม ยากไหม? ฟังดนตรีก็เคยฟัง ฟังอย่างอื่นก็เคยฟัง แต่ความดีที่ไม่ต้องเสียเวลาไปทำให้เหนื่อยยากเลย แค่ฟังแล้วก็เข้าใจ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เห็นประโยชน์หรือไม่ได้สะสมมา ก็เป็นการ ยาก เพราะฉะนั้นจากคนที่ไม่มีศรัทธา แล้วก็ไม่ฟัง ก็ควรที่จะสะสมศรัทธาที่เห็นประโยชน์ของการฟัง เพื่อที่จะได้ไม่ขาดการฟัง

ถ้ามีปัญญาความรู้เพิ่มขึ้นในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ กุศลจิตเกิด แล้วสงบขึ้น เพราะเป็นกุศล แต่ว่าอกุศลด้วยประการใดๆ จะไม่สามารถทำให้จิตสงบเลย ถ้าเป็นทาสของอกุศล ไม่ใช่ความสงบ อย่างแน่นอน

ศึกษาธรรม คือ ศึกษาสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ จนกว่าจะถึงความเป็นผู้ไม่ต้อง ศึกษา

ฟังพระธรรมแล้ว คิดที่จะไปปฏิบัติ ตรงหรือเปล่า?

ความยากของพระธรรม ก็เป็นเครื่องส่องถึงความอดทน ความเพียร ความตั้งใจมั่น ของแต่ละคนว่า มีมากแค่ไหนในการที่จะฟังที่จะศึกษา ให้เข้าใจต่อไป.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๙

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 27 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ธนฤทธิ์
วันที่ 27 เม.ย. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 27 เม.ย. 2557

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 27 เม.ย. 2557

เป็นลาภอันประเสริฐยิ่ง ที่มีโอกาสได้รับรสพระธรรมอันบริสุทธิ์บริบูรณ์ โดยความอุปการะเกื้อกูลของ ชาว มศพ. ทุกท่าน

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เข้าใจ
วันที่ 27 เม.ย. 2557

กราบขออนุญาต ท่านอาจารย์ครับ

เพราะฉะนั้น ขณะนี้ปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง ว่าทุกสิ่งเป็นสิ่งที่มีจริงซึ่งเกิดขึ้นและดับไป เข้าใจจริงๆ ไม่ใช่จำคำ เพราะฉนั้นไม่ว่าขณะไหนกำลังกระทบสิ่งที่แข็ง ขณะนั้นมีจริงๆ เป็นธรรมะ ปรากฏในสังสารวัฏฏ์ว่ามีแน่ๆ แข็ง ตลอดทุกชาติไป แล้วก็เกิดดับด้วย แล้วก็ ไม่ใช่อะไร แต่ว่าพอไม่รู้ก็เป็น อาหารอร่อยๆ เป็นเสื้อผ้าสวยๆ เป็นแก้วแหวนเงินทอง เป็น ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่จริงๆ ก็คือแข็งมีแต่ไม่รู้ความจริงว่าสิ่งนั้นเกิดแล้วดับไป เพราะฉนั้นถ้า เข้าใจธรรมะจริงๆ ก็จะไม่ลืม สามารถที่จะผูกจิตไว้ให้สามารถเข้าใจสิ่งที่มีจริงในความเป็น จริงว่าเป็นธรรมะ กว่าจะเข้าใจมากกว่านี้ละเอียดกว่านี้ลึกซึ้งกว่านี้ จนกระทั่งสามารถรู้ว่า ไม่มีอะไร นอกจากธรรมะไม่มีเราจริงๆ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
swanjariya
วันที่ 28 เม.ย. 2557

กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัยและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกท่านค่ะ

" ชีวิตที่พบพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นชีวิตที่ประเสริฐที่สุด ไม่ว่าทุกข์หรือสุขก็เป็นเพียงธรรมะปรากฏชั่วขณะแล้วก็ดับไปไม่กลับมาอีกเลย "

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
เมตตา
วันที่ 28 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
jaturong
วันที่ 28 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kinder
วันที่ 28 เม.ย. 2557
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
nattawan
วันที่ 4 พ.ค. 2557

ลืมอะไร...ลืมว่าขณะนี้เป็นธรรมะ

ลืมชำระจิตให้ค่อยๆ สะอาดขึ้นก่อน

ด้วยความเข้าใจธรรมะ

ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
มังกรทอง
วันที่ 26 ม.ค. 2565

ถ้าท่านคบหาสมาคมกับคนเห็นผิด โน้มเอียงไปในทางความเห็นผิด ขาดการพิจารณา ไตร่ตรองโดยแยบคาย ท่านก็ย่อมจะคล้อยตามโน้มเอียงไปในความเห็นผิดนั้น แต่ถ้าท่านเป็นผู้ที่คบหาสมาคมกับผู้ที่มีความเห็นถูก ท่านก็จะได้รับการชักจูงโน้มเอียงไปในการที่จะเป็นผู้ละเอียด และเป็นผู้ที่พิจารณาคล้อยตามคลองของธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นความเห็นถูก

น้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ