ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๘ วันสงกรานต์ ๒๕๕๗

 
khampan.a
วันที่  13 เม.ย. 2557
หมายเลข  24711
อ่าน  1,970

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๘

ส่วนใหญ่แล้ว ละเลยประเพณีที่สำคัญ คือ ประเพณีการฟังพระธรรม

สนทนาธรรม ประเพณีการฟังพระธรรม สนทนาธรรม มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล


เป็นประเพณีที่ควรรักษาไว้เป็นอย่างยิ่ง

วิชาการทางโลก ไม่ได้ทำให้พ้นจากโลภะ โทสะ โมหะ ไม่ได้ทำให้พ้นจาก

ความยินดียินร้าย ไม่ได้ทำให้พ้นจากความทุกข์ต่างๆ นานา ซึ่งมีปัจจัยก็เกิดขึ้น

แต่ถ้าเราสามารถจะเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงว่าไม่มีใครบังคับ สิ่งนี้เกิด

แล้วเพราะเหตุปัจจัย และสิ่งที่มี เกิดแล้วเพราะเหตุปัจจัย เรายังไม่รู้เลยว่า

เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็หลงยึดถือไปตลอดว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตว่าเป็นเรา

โดยไม่รู้ความจริงว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง

ตราบใดยังเห็นประโยชน์ เห็นคุณค่าของพระธรรม แม้ว่าชาตินี้อาจจะได้เข้าใจ

ธรรมขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ถูก ต่อไปข้างหน้า ก็จะไม่หลงผิด ไม่ไปทางผิด

และก็รู้ว่าสามารถอบรมเจริญปัญญาต่อไปได้

“เป็นทาสของโลภะ (ตัณหาทาโส) ” เป็นทาสไม่ใช่แค่วันสองวันเลย จะพ้น

จากความเป็นทาสได้อย่างไร โลภะไม่ปล่อยง่ายๆ พร้อมที่จะพาไปทางหนึ่ง

ทางใดได้ที่อยาก

อย่าทิ้งประโยชน์สูงสุดคือความเข้าใจถูก จะเล็ก จะน้อย จะช้าจะนาน อย่างไร

ก็อย่าทิ้ง

กุศลจิตไม่ใช่อกุศลจิต เมื่อมีปัจจัยให้กุศลจิตเกิด กุศลจิตก็เกิด เมื่อมีปัจจัย

ให้อกุศลจิตเกิด อกุศลจิตก็เกิดเป็นไปต่างๆ นานา ใครจะไปยับยั้งก็ไม่ได้

แต่ให้ทราบว่าที่โมหเจตสิกเกิดกับอกุศลจิต เกิดทำกิจการงานของโมหะคือหลง

ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม จึงทำให้มีโลภะเกิดร่วมด้วย โทสะเกิดร่วมด้วย

และอกุศลเจตสิกทั้งหลาย ก็จะเกิดร่วมด้วย ตามประเภทของอกุศลจิต นั้นๆ

ถ้าเราไม่เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏในชาตินี้ ต่อไปอย่างไร ๆ ก็ไม่มีการที่จะ

เข้าใจขึ้นได้ และวิชาการทั้งหมดจะช่วยให้เราพ้นจากการเกิด การแก่ การเจ็บ

การตายในสังสารวัฏฏ์ไม่ได้เลย แม้จะมีลาภ ยศ สรรเสริญ สุขก็หมดได้ภายใน

พริบตาเดียวก็ได้ เพราะฉะนั้น อะไรจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริง สิ่งไหนมีค่าที่สุด

ในชีวิต สมบัติ เงินทอง ชื่อเสียง เกียรติยศ หรือว่า ความเห็นถูก ความเข้าใจ

ถูกในสิ่งที่ปรากฏ?

ศึกษาพระธรรม เห็นว่าเป็นประโยชน์สูงสุด และก็ยากด้วย เมื่อยากแล้วจะรู้

อย่างรวดเร็วไม่ได้

ทุกคนตั้งแต่เกิดมา ได้อะไรจากโลกนี้ที่จะไปสู่ภพหน้า ถ้าเป็นรูป เสียง กลิ่น

รส โผฏฐัพพะ ไม่ได้ไปเลย แต่ได้โลภะความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส

โผฏฐัพพะ ได้โทสะ ได้อกุศลมากมายตลอด ที่ไม่เข้าใจความจริงของสภาพธรรม

เพราะฉะนั้น ถ้ามีปัจจัยที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรม ประโยชน์สูงสุด คือ ฟังแล้ว

พิจารณา ไม่พิจารณาไม่ได้ เพราะว่า พระธรรมละเอียดลึกซึ้งมาก เมื่อพิจารณา

แล้วเป็นความเข้าใจของเรายิ่งขึ้น นั่นคือประโยชน์สูงสุดที่จะได้ไปจากโลกนี้

ไม่อย่างนั้นอะไรๆ จากโลกนี้ไม่ได้ติดตามไปเลย ถ้าเป็นความเห็นผิด ยิ่งแย่

ก็ได้ความเห็นผิดสืบต่อไป

ไม่มีใครเลยซึ่งจะไม่ประสบกับโลกธรรม (มีลาภ เสื่อมลาภ เป็นต้น) เพราะฉะนั้น

ไม่ว่าจะเห็นสิ่งที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจ ได้ยินเรื่องที่น่าพอใจหรือไม่น่าพอใจ

ก็ตาม ขณะนั้น ต้องเป็นผู้ตรงที่จะรู้ว่า เอนเอียงไปด้วยอกุศลหรือไม่?

ทุกท่าน ก็มีสิ่งที่จะต้องฝึกอบรมจิตใจอยู่ตลอดเวลา ในเมื่อทุกท่าน

พิจารณาเห็นจิตของตัวเองว่า ยังเป็นจิตที่มากด้วยกิเลส แต่ถ้าเห็นแล้ว

ก็ไม่สนใจ นั่นก็ใกล้ที่จะถึงสภาพของการเป็นอัมพาตทางจิต คือ ไม่

สามารถที่จะมีความไว ความชำนาญ การคล่องแคล่วต่อการงานในการที่

จะแก้ไขจากอกุศล เป็นกุศลได้

ศึกษาพระธรรมโดยละเอียด และพิจารณาสภาพจิตของตนเอง ก็จะทำให้

เห็นโทษของอกุศล และจะเป็นผู้ที่อ่อนโยน ไม่กระด้างด้วยความโกรธ

ตัตรมัชฌัตตตา เป็นโสภณสาธารณเจตสิก (เจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตที่ดีงาม

ทุกประเภท) เป็นสภาพที่ไม่ตกไปในฝ่ายอกุศล ทั้งโลภะ โทสะ ใดๆ เลยทั้งสิ้น

ขณะนั้น เป็นสภาพที่เที่ยงตรง เป็นกุศล

ผู้ที่ระลึกถึงพระรัตนตรัย ย่อมประพฤติปฏิบัติตาม, แม้แต่ความคิดที่

จะเบียดเบียน เช่น ในกาลก่อน อาจจะเป็นผู้ที่เบียดเบียนบุคคลอื่น ซึ่งการ

เบียดเบียนบุคคลอื่นนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะทางกาย แม้ทางวาจา หรือใจ เวลาที่

ระลึกถึงพระรัตนตรัยได้ ก็จะมีความวิริยะอุตสาหะที่จะขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น

โดยจะเป็นผู้ไม่เบียดเบียน เคยตั้งใจอย่างนี้ไหม หรือยังไม่เคย? แต่ถ้าระลึก

ถึงการขัดเกลากิเลสจริงๆ ย่อมจะเห็นได้ว่า เวลาที่เบียดเบียนนั้นเป็นอกุศล

อย่างแรง

เวลาที่ไม่ได้ฟังธรรมบ่อยๆ หรือว่าขาดการฟัง หรือว่าขาดการเจริญกุศลธรรม

จะไม่ค่อยได้ระลึกถึงพระธรรมคุณ แต่ถ้าฟังบ่อยๆ แล้วไม่ลืม และประพฤติ

ปฏิบัติตามด้วย ก็ยิ่งเห็นคุณของพระธรรม ซึ่งเป็นการอุปการะแก่สติที่จะระลึกรู้

ลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งเป็นการอุปการะแก่การที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้

ในที่สุด

กว่ากายทุจริตและวาจาทุจริตจะเกิด อกุศลจิตภายในต้องมากสักแค่ไหน

เพราะเหตุว่าอาจจะต้องคิดโดยยังไม่พูด ซึ่งเป็นอกุศลวิตก แต่ว่าเมื่อคิด

มากเข้า และก็อกุศลมีกำลังขึ้น ก็ทำให้เกิดวจีทุจริตหรือกายทุจริต

เบียดเบียนผู้อื่น

การอ่านและการพิจารณาพระธรรมในพระไตรปิฎก ทำให้เห็นความเป็นผู้

ละเอียดของบุคคลต่างๆ ในพระไตรปิฎกเป็นตัวอย่าง ซึ่งก็จะเป็นเครื่องสอนให้

ประพฤติปฏิบัติตามได้ยิ่งขึ้น

ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้

ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศล ก็ย่อม

เพิ่มพูนขึ้น

ในขณะที่เป็นผู้ที่ไม่มีศรัทธา คือ เป็นผู้ที่ไม่เชื่อฟัง ไม่ว่าพระธรรมจะ

กล่าวว่าอย่างไร จะแสดงอย่างไร แต่ก็ไม่ถือเอา แล้วก็ยังไม่เข้าใกล้ คือ

ไม่ปลงใจเชื่อ ไม่เลื่อมใส ไม่ยินดีในพระธรรมนั้น

การที่จะเป็นคนดีได้จริงๆ ก็คือ ต้องดีถึงกับหมดกิเลส แต่ว่าเมื่อ

ไม่สามารถจะดับกิเลสหรือหมดกิเลสได้ ก็จะต้องอบรมเจริญเหตุ คือ

ความดี ที่จะให้หมดกิเลสไปเรื่อยๆ จนกว่าปัญญาจะดับกิเลสได้

เพราะเหตุว่าการจะเป็นคนดีจริงๆ ก็คือต้องเป็นผู้ที่มีปัญญาและดับกิเลส.

ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๑๓๗

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม แบ่งปันด้วย ครับ

@ ความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นไม่ง่าย ผู้ใดที่คิดว่าพระธรรมเป็นของง่ายไม่จำเป็นต้อง

ศึกษาก็สามารถเข้าใจได้ ผู้นั้นกำลังเข้าใจผิดและกำลังประมาทพระปัญญาคุณ

ของพระพุทธเจ้า แม้พระพุทธองค์เองเมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ไม่ทรงน้อมพระทัยที่

จะแสดงพระธรรมแก่สัตว์โลก ด้วยทรงเห็นว่าพระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นละเอียด

ลึกซึ้ง และรู้ตาม เห็นตามได้ยาก

@เมื่อไม่สนใจศึกษาพระธรรม ซึ่งก็คือความจริงของชีวิตที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงพระธรรมเพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกผู้มืดบอดทั้งหลายให้

รู้ตาม ผู้นั้นก็ไม่สามารถจะเข้าใจความเป็นจริงที่มีอยู่ ไม่สามารถหาคำตอบให้กับ

ชีวิตของตนเอง ในทางตรงกันข้าม เมื่อผู้ใดมีโอกาสได้ศึกษาพระพุทธศาสนา

โดยละเอียดแล้ว ผู้นั้นจะรู้ได้ด้วยตนเองทันทีว่านี่คือของจริง และนี่คือ คำตอบ

ของชีวิต

@ มีใครคิดว่าจะละกิเลสได้ โดยไม่ต้องรู้ความขุ่นใจ เป็นไปได้ไหม เป็นไปไม่ได้

เพราะเหตุใด เพราะความขุ่นใจ มีจริงๆ เมื่อความขุ่นใจ มีจริง เป็นสภาพธรรมที่

เกิดขึ้น และเคยยึดถือว่าเป็นเราปัญญาจะต้องรู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมที่

เคยยึดถือ และรู้ว่าลักษณะนั้นไม่ใช่ตัวตน เพราะเป็นสภาพนามธรรมอย่างหนึ่งเท่านั้น

@ บางคนคิดว่า ทำไมต้องใช้คำมากหลายคำ ก็เข้าใจอยู่แล้วว่าจิต ใจคือจิต แต่ทั้ง

นี้ ต้องแล้วแต่ว่า...ผู้ใดจะระลึกตรึกในลักษณะของ หทย มนะ มนายตนะ มนินทรีย์

วิญญาณหรือวิญญาณขันธ์ แล้วแต่ว่าเข้าใจสภาพของจิต โดยสภาพใด คือ โดย

สภาพที่เป็นมนะหรือมนายตนะ หรือ มนินทรีย์ หรือวิญญาณ หรือวิญญาณขันธ์

@ พระธรรมจะอนุเคราะห์ให้พิจารณา เห็นโทษของอกุศลและความโกรธ ซึ่งถ้า

ไม่เห็นโทษก็จะไม่ขัดเกลาและละคลายเลย ฉะนั้น ผู้มีทุกข์ควรพิจารณาทุกข์ซึ่ง

เป็นความโศกเศร้า เสียใจ น้อยใจ กลัดกลุ้ม โกรธเคือง ขุ่นใจ ไม่แช่มชื่นว่าเป็น

ลักษณะของโทสะ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ประทุษร้ายจิตโดยประการต่างๆ ตามที่

พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงไว้อย่างไรบ้าง และมีความตั้งใจจริงๆ ที่จะขัดเกลา

ละคลายความโกรธหรือโทสะนั้นแล้วหรือยัง ซึ่งก็จะต้องเห็นโทษและเห็นความ

ละเอียดของความโกรธเสียก่อน

@ การมีความรู้เรื่องกรรม เป็นการได้เข้าใจ" ความจริงอันประเสริฐยิ่ง "ความจริงที่

แม้ยากจะรู้ตาม เห็นตามได้ แต่ก็สามารถจะพิจารณาและไตร่ตรองให้เข้าใจตามหลัก

ของเหตุและผลได้ การรู้เรื่องกรรมทำให้เรารู้ความจริงว่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับ

เรา ไม่ว่าดีหรือร้ายก็ตาม ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ หรือเกิดขึ้นเพราะผู้อื่นกระทำ แต่

เกิดขึ้นเพราะตัวเราเองเป็นผู้กระทำเหตุไว้แล้วในชาตินี้หรือในอดีตชาติ

@ การทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทน (ลาภ ยศ สรรเสริญ) เป็นสิ่งที่ควรกระทำ

เพราะขณะที่ทำความดีโดยไม่หวังผลตอบแทนนั้นเป็นขณะที่กุศลจิตมีกำลัง กุศล

กรรมในขณะนั้นทำให้อกุศลกรรมระงับไป ดังนั้น ทุกคนควรหมั่นพิจารณาจิตของตน

ว่าในแต่ละวันจิตเป็นอกุศลหรือกุศลมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นการเจริญกุศลอย่างยิ่ง

ประการหนึ่ง อีกทั้งเป็นการสะสมเหตุแห่งความสุขความเจริญทั้งในชาติปัจจุบันและ

ชาติต่อๆ ไป

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 13 เม.ย. 2557

เป็นลาภอันประเสริฐยิ่ง

ที่มีโอกาสได้รับรสพระธรรมอันบริสุทธิ์บริบูรณ์

โดยความอุปการะเกื้อกูลของ ชาว มศพ. ทุกท่าน

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
papon
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
orawan.c
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น , อ.ผเดิม และ ทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ส่วนใหญ่แล้ว ละเลยประเพณีที่สำคัญ คือ ประเพณีการฟังพระธรรม

การสนทนาธรรม ประเพณีการฟังพระธรรม สนทนาธรรม มีมาตั้งแต่สมัย

พุทธกาล เป็นประเพณีที่ควรรักษาไว้เป็นอย่างยิ่ง

@ ความจริงที่ทรงตรัสรู้นั้นไม่ง่าย ผู้ใดที่คิดว่าพระธรรมเป็นของง่ายไม่จำเป็นต้อง

ศึกษาก็สามารถเข้าใจได้ ผู้นั้นกำลังเข้าใจผิดและกำลังประมาทพระปัญญาคุณ

ของพระพุทธเจ้า แม้พระพุทธองค์เองเมื่อทรงตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ไม่ทรงน้อมพระทัยที่

จะแสดงพระธรรมแก่สัตว์โลก ด้วยทรงเห็นว่าพระธรรมที่ทรงตรัสรู้นั้นละเอียด

ลึกซึ้ง และรู้ตาม เห็นตามได้ยาก

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น อ.เผดิม

และทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
h_peijen
วันที่ 13 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนายิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
siraya
วันที่ 13 เม.ย. 2557

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
j.jim
วันที่ 14 เม.ย. 2557

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
wannee.s
วันที่ 14 เม.ย. 2557

อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 14 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
kinder
วันที่ 15 เม.ย. 2557
ขอบตุณและขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
jaturong
วันที่ 17 เม.ย. 2557

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
napachant
วันที่ 18 เม.ย. 2557

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ