กุศลเจตนาทางปัญจทวารวิถี เป็นนานักขณิกกัมมปัจจัยแก่วิบากและกัมมชรูป ได้หรือไม่

 
hankout
วันที่  21 เม.ย. 2557
หมายเลข  24743
อ่าน  1,252

กุศลเจตนาหรืออกุศลเจตนาทางปัญจทวารวิถี สามารถเป็นปัจจัยแก่วิบากจิตและกัมมชรูป โดยนานักขณิกกัมมปัจจัยได้หรือไม่อย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อกล่าวถึงทางที่ทำให้เกิด กุศลจิต และ อกุศลจิตแล้ว ทั้งทางปัญจทวาร และทางมโนทวาร สามารถเกิด กุศลจิต และ อกุศลจิตที่ชวนจิตของทั้งสองทวารได้ครับ ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว หากพิจารณาความจริง ขณะนี้กำลังเห็น แม้ยังไม่คิด จิตอื่นๆ เกิดต่อ จนถึงชวนจิต สามารถเกิด อกุศลจิต หรือ กุศลจิตได้ ที่ติดข้องในสิ่งที่เพียงเห็น แม้ยังไม่คิดเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดทางมโนทวาร และ สามารถเกิด กุศลจิตได้ ที่เกิดสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ คือ สี ที่ปรากฏทางตาว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เราก็ได้ ครับ

เพราะฉะนั้น ประเด็นที่ว่า ปัญจทวาร ที่เป็นกุศลเจตนาและอกุศลเจตนา สามารถเกิดวิบากได้ไหม คำตอบ คือ ได้และ ไม่ได้ ครับ คือ ถ้าเป็นฝ่ายอกุศล ย่อมไม่มีกำลัง เช่น เห็น แล้ว ชอบในสีเท่านั้น ก็เป็นอกุศลจิตที่ไม่ครบกรรมบถ จึงไม่ก่อให้เกิดวิบาก ทั้ง นามธรรมและรูปธรรม แต่ หากเป็นนัยของกุศล ที่เป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา เช่น สติปัฏฐานของผู้ที่อบรมมาอย่างคล่องแคล่ว มีกำลังมาก สามารถเกิดสติปัฏฐานที่ชวนจิตทางปัญจทวาร ระลึกรู้รูปที่เป็นอารมณ์ ที่มี สี เป็นต้น ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ก็เป็นกุศลที่มีกำลังที่ประกอบด้วยปัญญา สามารถนำเกิด เกิดวิบาก และ กัมชชรูปได้ ที่เป็น กุศลเจตนาที่เป็น นานักขณิกกัมมปัจจัย คือ กรรมที่สามารถให้ผลได้ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นเรื่องของเหตุและผล ของความเป็นจริงของธรรมอย่างแท้จริง ความจริงเป็นจริงเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ตามความเป็นจริงแล้ว เจตนามีจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิตทุกขณะ แต่ถ้าจะเป็นเจตนาที่จะเป็นเหตุให้เกิดวิบากในภายหน้าต้องสำเร็จเป็นกุศลกรรม หรือ อกุศลกรรม โดยไม่ปะปนกัน เมื่อสำเร็จเป็นกุศลกรรม และ อกุศลกรรม แล้ว เมื่อถึงกาละที่กรรมจะให้ผล ผลก็ย่อมเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย แม้ทางปัญจทวารสามารถสำเร็จเป็นกุศลกรรม ได้ ขณะที่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้นตามความเป็นจริง สำเร็จเป็นกุศลกรรม ซึ่งจะแตกต่างจากฝ่ายอกุศลมาก ที่จะต้องมีการล่วงเป็นทุจริตกรรมเบียดเบียนผู้อื่น จึงจะเป็นเหตุให้เกิดผลในภายหน้า ถ้ายังไม่ล่วงออกมาทางกายหรือทางวาจา ก็เป็นการสะสมอุปนิสัยที่ไม่ดีต่อไป และอาจจะเป็นเหตุให้ล่วงเป็นทุจริตกรรมในอนาคตได้ เป็นสิ่งที่จะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 21 เม.ย. 2557

ไม่มีใครรู้ว่ากรรมใดจะให้ผล คิดเป็นเรื่อง สำคัญ คือ ขณะนี้ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
hankout
วันที่ 22 เม.ย. 2557

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ