ช่วงเวลาที่มีค่า ณ เมืองน่าน ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗

 
khampan.a
วันที่  20 ก.พ. 2557
หมายเลข  24496
อ่าน  1,526

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"แข่งเรือลือเลื่อง เมืองงาช้างดำ จิตรกรรมวัดภูมินทร์

แดนดินส้มสีทอง เรืองรองพระธาตุแช่แห้ง"

(คำขวัญ จ. น่าน)

วันที่ ๑๗ ถึง ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ได้เดินทางมาที่จังหวัดน่าน อ.ปัว ด้วยกุศลศรัทธาของ อ. ดร. อนุสรณ์ กุศลวงศ์ สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๒๓๗ ที่มีความประสงค์จะให้ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ได้พักผ่อน ในสถานที่ที่มีอากาศดี สดชื่น พร้อมกับแหล่งท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ สมาชิกชมรมก็ได้ติดตามร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ด้วยประมาณเกือบ ๖๐ ท่าน ทั้งโดยรถทัวร์ และ เครื่องบิน ด้วยการดำเนินงานอย่างแข็งขัน ด้วยกุศลวิริยะของคุณป้าเดือนฉาย คำ่อำนวย สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๑๔๙๒ และคณะ เมื่อสมาชิกได้ท่องเที่ยวสถานที่สำคัญๆ ของเมืองน่าน อย่างเต็มอิ่ม ในแต่ละวันต่างก็ได้ถามกันและกันว่า ท่านอาจารย์จะสนทนาธรรมเมื่อใด ซึ่งไม่มีใครตอบได้ เพราะในกำหนดการไม่ได้ระบุไว้ว่าจะสนทนาธรรมเมื่อใด ซึ่งท่านอาจารย์ก็ได้ปรารภตั้งแต่แรกแล้วว่า เมื่อใดพร้อมก็เมื่อนั้น และแล้วช่วงเวลาที่ทุกท่านรอคอยก็มาถึง ท่านอาจารย์ได้สนทนาธรรมในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗ ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ ถึง ๑๑.๐๐ น. ในครั้งนี้ มีพระคุณเจ้าในเขต อ.ปัว ที่ได้ฟังรายการแนวทางเจริญวิปัสสนา ได้เข้ามาร่วมฟังการสนทนาธรรมในครั้งนี้ด้วย เนื้อหาสาระของการสนทนาธรรมในครั้งนี้ ข้าพเจ้าขออนุญาตประมวลเป็นความเข้าใจในประโยคสั้นๆ มาให้ผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกันทุกๆ ท่านได้อ่านพิจารณาไตร่ตรองร่วมกัน ดังนี้

-ต้องไม่ลืม ชื่อ "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า" ผู้ทรงตรัสรู้ความจริง แล้วทรงแสดงความจริงให้สัตว์โลกได้เข้าใจตามความเป็นจริง

-ความจริง ยากที่จะเข้าใจ ถ้าไม่ฟังพระธรรมด้วยความเคารพ จะไม่มีทางเข้าใจเลย

-ขอถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง พึ่งพระปัญญาตรัสรู้ของพระองค์ ด้วยการฟังความจริงที่พระองค์ทรงแสดงด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

-ความจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ผู้มีศรัทธา จิตผ่องใส เพื่อที่จะได้มีความเข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง

-ปรารถนาอะไร? ลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ สุข สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถติดตามไปในภพหน้าได้ แต่สิ่งที่สะสมไว้ทั้งดี ทั้งชั่ว สะสมสืบต่ออยู่ในจิต ไม่สูญหายไปไหน

-ในบรรดาความดีทั้งหลาย ปัญญาประเสริฐที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเปรียบได้เลย

-ปัญญาในการที่จะรู้ความจริง นั้น ไม่ง่าย ถ้าง่ายทุกคนก็จะเป็นพระอรหันต์กันหมด

-ขณะใดที่ชั่ว ก็เพราะขณะนั้นไม่มีปัญญา

-ดีเท่าไหร่ก็ยังไม่พอ จนกว่าจะมีปัญญาที่เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ

-การฟังพระธรรม ทำให้ได้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ

-ใช้ภาษาไทย ในการกล่าวให้ได้เข้าใจความจริง ก็จะไม่มีเครื่องกั้นเลย เช่น เห็น ได้ยิน เป็นต้น ล้วนเป็นสิ่งที่มีจริงๆ แล้วใครจะรู้ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม

-เคยคิดบ้างไหมว่า อะไรมีจริงๆ ในขณะนี้ เห็นมีจริงๆ ได้ยินมีจริงๆ คิดนึกมีจริงๆ เป็นต้น เป็นธรรมที่มีจริงในขณะนี้

-แต่ละหนึ่งซึ่งเกิดดับ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา

-พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมให้ได้มีการอบรมเจริญปัญญา ตั้งแต่คำแรกคือ คำว่า ธรรม จนกว่าจะประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ของผู้ที่เป็นสาวก

-ธรรม ยังมี จึงควรที่จะได้ฟังได้ศึกษาด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

-คำไม่จริง เบียดเบียนคำจริง ในที่สุดพระธรรมก็จะอันตรธาน

-บอกว่า ธรรม ง่ายๆ เข้าใจได้ง่ายๆ อย่างนี้เป็นตัวอย่างของคำไม่จริง ที่กำลังเบียดเบียนคำจริง เพราะธรรม ไม่ง่าย

-ไม่พึงท้อถอยในการฟังพระธรรม เพราะความจริง มีให้รู้ได้ในขณะนี้ ซึ่งจะต้องมีศรัทธาเห็นประโยชน์ที่จะฟังที่จะศึกษาต่อไป

-เห็น เป็นเราหรือ? เห็นไม่ใช่เรา เห็นเป็นเห็น ไม่ใช่เราที่เห็น

-ขณะที่เข้าใจ ปลอดภัย เป็นกุศล เป็นความถูกต้อง แต่ถ้าเป็นความไม่รู้ไม่เข้าใจแล้ว จะถูกต้องได้อย่างไร จะดีได้อย่างไร

-สิ่งที่มีจริงๆ เป็นธรรม ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เห็นเป็นเห็น เปลี่ยนให้เป็นแข็ง เป็นหวาน ไม่ได้ จึงเป็นปรมัตถธรรม และสิ่งที่มีจริงนี้ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่งจึงเป็นอภิธรรม

-แต่ก่อนเคยคิดว่า เป็นเราที่เห็น แต่เมื่อเริ่มฟัง เริ่มศึกษาพระธรรม ก็ทำให้เข้าใจว่าเห็น เป็น เห็น ไม่ใช่เราที่เห็น

-ภาวนา ไม่ใช่การไปทำ ไม่ใช่การไปปฏิบัติอะไร แต่เป็นการอบรมเจริญปัญญาให้ค่อยๆ เจริญขึ้น

-เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว จะไม่มีนักปฏิบัติ มีแต่ผู้ศึกษาพระธรรมแล้วเข้าใจสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริง ตรงตามที่ได้ฟัง

-ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย จะไปปฏิบัติอะไร จะไปเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ได้อย่างไร

-ธรรม มีจริงในขณะนี้ ไม่ได้อยู่ในตำรา

-สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกมาแล้วชาติแล้วชาติเล่า ในที่สุดก็สามารถประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้

-ท่านพระสารีบุตร สะสมบารมีนานถึงหนึ่งอสงไขยแสนกัปป์ จึงได้บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคล

-ขณะที่เข้าใจ เป็นขณะหนึ่ง ขณะที่ไม่เข้าใจเป็นขณะหนึ่ง ไม่ใช่ขณะเดียวกัน

-ขณะใดที่สภาพธรรมปรากฏ แล้วไม่รู้ความจริง นี้แหละคือ ความเป็นจริงของอวิชชา ความไม่รู้ ซึ่งไม่ใช่จิต แต่เป็นสภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต และเกิดกับอกุศลจิตเท่านั้น

-เข้าใจพระธรรมเพียงเล็กน้อย แล้วเกิดตายไป ก็ยังดีที่ได้เข้าใจ ได้สะสมไว้ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็ทำให้ได้ฟังอีก สะสมต่อไป

-ความเข้าใจธรรม จะเกิดเอง โดยไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมเลยจะเป็นไปได้อย่างไร

-ศรัทธา เป็นธรรม เห็นเป็นธรรม โกรธเป็นธรรม เมื่อไหร่คำเหล่านี้จะอยู่ในใจจริงๆ คือ เข้าใจอย่างมั่นคง ว่า เป็นธรรม ไม่ใช่เรา

-ธรรม มีจริงๆ แต่ยังไม่เข้าใจละเอียดขึ้น จึงต้องฟังพระธรรมต่อไป

-ธรรม คือ เดี๋ยวนี้ มีจริงๆ ในขณะนี้

-ธรรมต้องศึกษาตลอดชีวิต.

(ปล. อีกไม่นานเกินรอ จะได้พบกับสารธรรมและประมวลภาพ การเดินทางมาเมืองน่านครั้งนี้ จาก อาจารย์กาญจนา เชื้อทอง และ พี่วันชัย ภู่งาม ต่อไป)

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของ อ. ดร.อนุสรณ์ กุศลวงศ์

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 20 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

-ปรารถนาอะไร? ลาภ ยศ สักการะ สรรเสริญ สุข สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถติดตามไปในภพหน้าได้ แต่สิ่งที่สะสมไว้ทั้งดี ทั้งชั่ว สะสมสืบต่ออยู่ในจิต ไม่สูญหายไปไหน

-ในบรรดาความดีทั้งหลาย ปัญญาประเสริฐที่สุด เป็นสิ่งที่สำคัญ ไม่มีสิ่งใดสิ่งหนึ่งเปรียบได้เลย

ขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
papon
วันที่ 20 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
napachant
วันที่ 20 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
j.jim
วันที่ 20 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wirat.k
วันที่ 21 ก.พ. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
peem
วันที่ 21 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 21 ก.พ. 2557

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

...ภาวนา ไม่ใช่การไปทำ ไม่ใช่การไปปฏิบัติอะไร

แต่เป็นการอบรมเจริญปัญญา

ให้ค่อยๆ เจริญขึ้น...

...เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว จะไม่มีนักปฏิบัติ

มีแต่ผู้ศึกษาพระธรรมแล้วเข้าใจสิ่งที่มีจริง ตามความเป็นจริง ตรงตามที่ได้ฟัง...

....ไม่มีความเข้าใจอะไรเลย จะไปปฏิบัติอะไร?

จะไปเข้าใจสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ ได้อย่างไร?...

.........

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณคำปั่น อักษรวิลัย และ เวปบ้านธัมมะ

ในความรวดเร็วของการนำเสนอกิจกรรมของสมาชิกชมรมฯ

เพื่อการทำดี และ ศึกษาพระธรรม

เป็นประโยชน์มาก และ ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่ง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 21 ก.พ. 2557

กราบท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะอาจารย์คำปั่น

และขออนุโมทนาทุกๆ ท่าน ในการเจริญกุศลครั้งนี้ด้วยนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
kanchana.c
วันที่ 21 ก.พ. 2557

อนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์คำปั่นค่ะ ช้ากว่าคุณค่ำปั่นหน่อยหนึ่งค่ะ สรุปธรรมะอาจจะไม่เหมือนกัน แม้จะฟังมาด้วยกัน แต่นี่ก็เป็นตัวอย่างของธรรมะ ที่เป็นความคิดนึกที่แตกต่างกันไปตามการสะสมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
wannee.s
วันที่ 21 ก.พ. 2557

อนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
orawan.c
วันที่ 21 ก.พ. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ch.
วันที่ 22 ก.พ. 2557

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 26 ก.พ. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ