การสวดมนต์

 
คุณตาใจบุญ
วันที่  10 ต.ค. 2556
หมายเลข  23821
อ่าน  3,239

การสวดมนต์ ชอบสวดมนต์ที่เป็นคำสอนและให้ความรู้ เช่นทำวัตรเช้า ผปล) ธัมมจักรกัปปวัตตนสูตร (แปล) อนัตตลักขณสูตร (แปล) อาทิตตปริยายสูตร (แปล) คิริมานนทสูตร (แปล) สลับกันไปแทบทุกวันตามโอกาส จะไม่สวดมนต์ที่เป็นคำอ้อนวอน เพราะไม่ได้ความรู้ และพระพุทธเจ้าสอนให้มีเหตุผล ให้พึ่งตนเอง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ขยันทำมาหากินโดยสุจริต ฯลฯ ขอทราบว่าการสวดมนต์แบบอ้อนวอนมีความจำเป็นหรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนอื่นต้องเข้าใจคำว่ามนต์ก่อนครับ เพราะ มนต์ (ภาษาบาลี คือ มนฺต) หมายถึง ปัญญา บางครั้งก็มีคำว่า พุทธมนต์ (พระปัญญาของพระพุทธเจ้า) ด้วย และประการ ที่สำคัญ คือ มนต์ในทางพระพุทธศาสนา ต้องเป็นพระธรรมคำสอนที่พระผู้มีพระภาค เจ้าทรงแสดงเท่านั้น เช่น พระสูตร ต่างๆ เป็นต้น ซึ่งถ้าไม่ฟัง ไม่ศึกษา ย่อม ไม่มีทางที่จะเข้าใจเลย

การสวดมนต์จึงไม่ใช่จุดประสงค์เพื่อขอพร จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะนั่นไม่ใช่คำสอน ของพระพุทธเจ้า เพราะเป็นไปเพื่อได้ เพื่อติดข้อง ไม่เป็นไปเพื่อละ สละขัดเกลากิเลส เพราะฉะนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องสวดมนต์โดยไม่เข้าใจ และ เพื่อหวังและอ้อนวอน เลยครับ

ในความเป็นจริงแล้วในสมัยพุทธกาล บุคคลสมัยนั้ันต่างก็พูดเป็นภาษาบาลีกัน ทั้งหมด เพราะฉะนั้นคำพูดเมื่อจะกล่าวสรรเสริญใคร ยกย่องบุคคลใด รวมทั้งอธิบายใน สิ่งใดให้ผู้อื่นเข้าใจก็ใช้คำบาลี การสวดมนต์ที่ปัจจุบันสวดกันนั้ก็เป็นภาษาบาลี มีการ กล่าวยกย่องสรรเสริญพระคุณของพระพุทธเจ้า เป็นต้น รวมทั้งเป็นบทพระธรรมที่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ในสูตรต่างๆ ในปัจจุบันก็นำมาสวดกัน เพราะฉะนั้น ต้องศึกษาพระธรรให้เข้าใจ การสวดมนต์ก็จะถูกต้อง คือ เป็นไปเพื่อ การระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย ครับ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้พุทธบริษัทได้เข้าใจ สิ่งที่ มีจริง ตามความเป็นจริง ที่จะสอนให้ไม่รู้นั้น ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นพระสูตรใด ส่วนใด ไม่ใช่สำหรับสวดหรือสำหรับท่อง แต่สำหรับศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามที่พระองค์ทรงแสดง

สวดแล้วหวัง ท่องแล้วหวัง เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี นั่นไม่ตรงแล้ว เพราะหวัง เป็นโลภะ เป็นเหตุที่ไม่ดี ในเมื่อเป็นเหตุที่ไม่ดี ก็ไม่สามารถนำผลที่ดีมาให้ได้เลย นี่ คือ ความเป็นผู้ตรง ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจด้วยว่า ระหว่างการสวด โดยที่ไม่เข้าใจ กับการฟังพระธรรมแล้วก็เข้าใจ อย่างไหนจะเป็นประโยชน์กว่ากัน

ถ้ากล่าวถึงสวด เมื่อเทียบเทียงกับภาษาบาลีแล้ว แปลได้ว่า การสาธยาย คือการ ทบทวนสิ่งที่ได้ฟัง ให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นในครั้งพุทธกาล ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็สาธยาย แต่ เพราะได้ฟังพระธรรมแล้ว ในครั้งนั้น กว่าจะได้ฟังพระธรรมนั้นยากลำบาก เดินทาง ไปเข้าเฝ้าฟังพระธรรม จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไกลแสนไกล เพื่อที่จะได้ฟัง เมื่อฟังเสร็จแล้วก็เดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็มีการระลึกถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพื่อ จะได้ไม่ลืม เวลาที่มีการระลึกถึงคำที่ได้ฟัง บ่อยๆ เนืองๆ แล้วไตร่ตรอง ด้วยความ เข้าใจนี้ คือ การสาธยาย ซึ่งไม่ใช่การพูดคำ ที่ไม่รู้จัก และ การสวดแบบอ้อนวอน ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนาเลย เพราะพระองค์ ทรงแสดงพระธรรม ให้เข้าใจถูกเห็นถูก ตามความเป็นจริง เข้าใจในเหตุ ในผล ของ ธรรม ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
คุณตาใจบุญ
วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
papon
วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 10 ต.ค. 2556

กุศลทุกอย่างควรเจริญ การสวดมนต์ด้วยความเข้าใจ และ รู้ความหมาย รู้คุณของพระรัตนตรัยก็ทำให้จิตสงบ เป็นกุศล ไม่ฟุ้งซ่าน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
mon-pat
วันที่ 10 ต.ค. 2556

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nopwong
วันที่ 11 ต.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 11 ต.ค. 2556

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
lovedhamma
วันที่ 29 พ.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
สิริพรรณ
วันที่ 2 มิ.ย. 2564

กราบอนุโมทนา ขอบพระคุณ และยินดีในกุศลทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 2 มิ.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ 

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 2 มิ.ย. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้ และชาติต่อๆไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไป อีกแสนไกล และกันดาร

ขอเชิญศึกษาพระธรรม...

รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์

พระไตรปิฎก 

ฟังธรรม

วีดีโอ

ซีดี

หนังสือ

กระดานสนทนา

การที่ได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม ทำให้มีความเข้าใจตามความเป็นจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏแล้วก็หมดไป ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จิตทุกขณะเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป หมดไป ไม่มีอะไรเหลือเลยจริงๆ จากภพหนึ่งไปอีกภพหนึ่ง ดังนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ควรสั่งสมไปทุกภพทุกชาติ นั่นก็คือ กุศล (รวมถึงการอบรมเจริญปัญญา ในชีวิตประจำวันด้วย)

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ค่อยๆศึกษา
วันที่ 25 ส.ค. 2564

กราบขอบคุณ และขออนุโมทนา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
pornchai.s
วันที่ 30 ม.ค. 2566

#สาธุอนุโมทนาวันทาในมหากุศล ครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ