แสงธรรมสาดส่องที่เวียดนาม 3

 
kanchana.c
วันที่  3 ก.ย. 2556
หมายเลข  23490
อ่าน  1,547

2 ก.ย. 56

วันนี้เป็นวันชาติเวียดนาม ตรงกับวันถึงแก่อนิจจกรรมของท่านประธานาธิบดีโฮจิมินห์ วีรบุรุษของเวียดนาม เป็นวันหยุดราชการด้วย จึงได้เห็นธงชาติเวียดนามสีแดง มีดาวเหลืองตรงกลางปลิวไสวตามถนน พร้อมกับธงสีแดงมีรูปค้อนเคียวประดับตามเสาไฟฟ้าเกือบตลอดทาง
พวกเราพากันไปเที่ยวชมเมืองกู๋จี เมืองของเวียดกงกลางเวียดนามใต้ ซึ่งห่างจากเมืองโฮจิมินห์ซิตี 80 กม. เพื่อไปดูอุโมงค์ยาว 250 กม. มี 3 ชั้น ที่ขุดขึ้นเป็นเมืองใต้ดินเพื่ออยู่อาศัยให้พ้นภัยจากผู้รุกราน ผลิตอาวุธ และประกอบกิจกรรมทุกอย่าง รวมทั้งฆ่าศัตรูด้วย ได้เห็นความชาญฉลาดในการหาวิธีพรางตัวไม่ให้ศัตรูสังเกตเห็น และความพยายามของศัตรูที่จะทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้ได้ โดยไม่ต้องรู้จักกัน แต่ต่างฝ่ายต่างถูกปลูกฝังให้เกลียดชังกันด้วยอุดมการณ์ที่ต่างกัน แม้ดูเหมือนจะมีจุดประสงค์เหมือนกัน คือ ต้องการช่วยให้ประชาชนพ้นจากความยากจน อดอยาก หิวโหย จนกระทั่งอยู่ดีมีสุข ฝ่ายคอมมิวนิสต์ก็คิดว่า ถ้าไม่มีใครเป็นเจ้าของทรัพย์สินทั้งหมด เอามารวมกัน ทำงานด้วยกัน แล้วแบ่งผลประโยชน์เท่าๆ กัน ก็คงไม่มีใครรวยหรือยากจน อดอยาก หิวโหย ส่วนฝายประชาธิปไตยก็คิดว่า ให้ทุกคนทำมาหากินตามความสามารถ แล้วได้รับผลประโยชน์ตามความสามารถนั้น โดยประชาชนทุกคนมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศผ่านตัวแทนที่แต่ละคนเลือกเข้าไปให้บริหาร ออกกฎหมาย ให้ความยุติธรรมอย่างเสมอภาคกัน แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต้องการให้ตัวเองเป็นใหญ่ เหลืออยู่ฝายเดียวในโลก จึงทำการสู้รบเข่นฆ่ากัน จนลืมว่าประชาชนที่ต้องการช่วยเหลือให้พ้นจากความยากจนนั้นจะยิ่งเดือดร้อนจากภัยสงคราม จนกระทั่งถึงกับเสียชีวีตเป็นจำนวนมาก หรือถือว่าได้ช่วยให้พ้นจากความยากจนในโลกนี้แล้ว โดยไปเกิดเป็นคนใหม่ในโลกหน้า จะรวยหรือจน ผู้นำคนใหม่ในโลกหน้าก็คงหาทางช่วยเหลือต่อไป
ระหว่างทางเดินไปทดลองลอดอุโมงค์ยาวประมาณ 10 เมตร ไกด์บรรยายการใช้กับดักศัตรูชนิดต่างๆ (ประยุกต์มาจากกับดักสัตว์) ให้ฟัง ก็เลยคิดถึงอกุศลวิตกของผู้สร้างเครื่องมือต่างๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย ฝ่ายผู้รุกรานก็คิดหาเครื่องมือที่สามารถทำลายล้างได้สูง คือทั้งเผาทำลายสถานที่และฆ่าคนเป็นจำนวนมาก ส่วนผู้ตั้งรับก็คอยแอบซุ่มฆ่าศัตรูอย่างเงียบๆ ทีละคนให้ตายอย่างทรมาน น่าสงสารที่อกุศลมีกำลังจนกระทั่งทำอกุศลกรรมหนักอย่างนี้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้รับอกุศลวิบากในอนาคต ทำให้เมื่อพ้นจากอบายภูมิแล้ว ถ้าได้เกิดเป็นมนุษย์ก็จะประสบภัยพิบัติในรูปแบบต่างๆ
ทั้งหมดนี้เพราะประพฤติฏิบัติตามตามผู้นำที่ยังมีกิเลส ยังมีโลภะ โทสะ โมหะ ยังมองไม่ขาด ไม่มีสัพพัญญุตญาณ คือรู้แจ้งแทงตลอดในสิ่งทั้งปวง มองทุกอย่างตามที่เป็นจริงๆ อย่างพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงรู้แจ้งโลก เป็นผู้ไกลจากกิเลส สมกับทรงเป็นศาสดาเอกของโลก ที่ทรงสอนทุกอย่างในชีวิตประจำวัน ทรงสอนให้เชื่อกรรมและผลของกรรม ให้ผู้ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนได้รับประโยชน์ทั้งโลกนี้ คือ อยู่ดีมีสุข ไม่ยากจน ถ้าขยันทำงาน รู้จักเก็บทรัพย์ที่หามาได้ คบกัลยาณมิตร ตั้งตนไว้ชอบ ไม่ตกอยู่ในอบายมุข ประโยชน์โลกหน้า คือเมื่อตายไปแล้วไปสวรรค์ และประโยชน์สูงสุด คือพ้นจากทุกข์ทั้งปวงไม่ต้องเวียนว่ายตายแล้วเกิดอีกเลย
เรื่องราวการสู้รบต่างๆ ในเวียดนามก็ผ่านไปหมดแล้ว เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำของผู้ผ่านเหตุการณ์นั้นๆ ซึ่งถ้าไม่คิดถึงก็เหมือนไม่เคยเกิดขึ้นในโลก แม้แต่เมืองกู๋จี สมรภูมิเลือดที่เป็นที่ตายของทหารชาติต่างๆ มากมาย ก็เปลี่ยนเป็นป่าโปร่งร่มรื่น มีบ่อน้ำหลายแห่งซึ่งคือหลุมระเบิดจากเครื่องบินบี 52 ซึ่งถ้าไม่รู้มาก่อน ก็จะคิดว่าเป็นบ่อน้ำธรรมดา ความคิดเป็นเท้าของโลกจริงๆ คิดกลับไปในอดีต ซึ่งหายไปหมดแล้วก็ได้ หรือคิดถึงอนาคต ซึ่งอาจจะไม่มีอย่างที่คิดก็ได้ แม้จะทรงแสดงว่า ความคิดก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเขา แต่เพราะยังไม่มีสัญญา ความจำที่มั่นคง จึงลืมเสมอว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะและเป็นอนัตตา
ตอนบ่ายได้ร่วมฟังการสนทนาธรรม ตอนท้ายของการสนทนาในวันนี้ ผู้ฟังชาวเวียดนามกล่าวสรุปว่า ผู้มาฟังธรรมะหวังว่า ท่านอาจารย์จะบอกวิธีปฏิบัติ และนำไปปฏิบัติที่บ้าน แต่เมื่อฟังมา 3 วัน ก็รู้ว่าที่เคยเรียนธรรมะมานั้นผิดทั้งหมด รู้แล้วว่า ต้องเริ่มด้วยความเข้าใจว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ และธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ที่อดทนพร่ำสอนบ่อยๆ เนืองๆ กับผู้สนใจ ไม่ว่าจะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร เพื่อให้เขาได้เข้าใจความจริง อย่าง 2 วันนี้ท่านอาจารย์รับประทานกลางวันเสร็จก็รีบมาสนทนาธรรมกับภิกษุที่มาคอยที่โรงแรม แล้วก็ไปสนทนาที่ห้องประชุมต่อ ไม่ได้หยุดพักเลย แต่สีหน้าท่านก็ดูปีติ ที่มีผู้สนใจและเข้าใจเพิ่มขึ้น สาธุ สาธุ สาธุ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 3 ก.ย. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นัน

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของอาจารย์กาญจนา เป็นอย่างยิ่ง

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 3 ก.ย. 2556

ขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่แดงอย่างยิ่ง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
montha
วันที่ 3 ก.ย. 2556

เห็นจำนวนตัวหนังสือที่พี่แดงบรรยายแล้ว แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด ก็เห็นความตั้งใจของพี่แดงที่อยากจะเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้พวกเราฟัง ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 4 ก.ย. 2556

ขออนุญาตต่อท้ายด้วยถ้อยคำระหว่างการสนทนาธรรมของท่านอาจารย์และสหายธรรมชาวเวียดนามครับ

If someone tell you to do or practice, ask him what is he doing now? Seeing, do we have to do or do we have to practice? Seeing does its duty as usual. It is the same as other Cittas. No one does nothing.

หากมีใครบอกว่าให้ทำหรือให้ปฏิบัติ ถามกลับว่าขณะนี้กำลังทำอะไร เห็นอยู่ขณะนี้ต้องทำหรือปฏิบัติหรือ? เห็นก็ทำหน้าที่ของเขาตามปกติ จิตอื่นๆ ก็เช่นกัน ไม่มีใครไปทำอะไร

Right result is to understanding what is appearing now.

ผลที่ถูกต้อง (ของธรรมะปฏิบัติ) คือ เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงขณะนี้

One develops samatha bhavana because he sees the danger of akusalas in daily life, not wanting anything.

ผู้ที่เจริญสมถภาวนาเพราะเห็นโทษของกิเลสทั้งหลายในชีวิตประจำวัน ไม่ได้จะต้องการอะไร

Listening and considering dhamma is the way to develop understanding until the understanding is deeply rooted and penetrates the absolute realities which arises and falls away in each moment. Wrong view about self, then, will be eradicated.

การฟังและพิจารณาธรรมะเป็นหนทางที่ทำให้ปัญญาเจริญขึ้นๆ จนกระทั่งความเข้าใจฝังรากลึกและแทงตลอดการเกิดดับของสภาพธรรมะที่ปรากฏตามความเป็นจริง เมื่อนั้นความเห็นผิดในความเป็นตัวตนย่อมหมดไป

One can answer that rupa is not me but what and when rupa is not me? If it is not precise, it is just thinking.

ใครก็ตอบได้ว่า รูปไม่ใช่เรา แต่รูปอะไรและเมื่อไหร่ละที่ไม่ใช่เรา หากไม่ชัดเจนก็เป็นเพียงแค่คิดเอา

In order to understand realities, we shall begin with right now otherwise we keep on thinking and thinking repeatedly without real understanding.

การเข้าใจความเป็นจริงต้องเริ่มขณะนี้ มิฉะนั้นก็เป็นการคิดและคิด ซ้ำแล้วซ้ำอีกโดยไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ

The teaching of The Lord Buddha always gives right understanding each word.

คำสอนทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้แต่ความเข้าใจที่ถูกต้องเสมอ

Without conditions, nothing arises.

หากไม่มีเหตุและปัจจัย จะไม่มีอะไรปรากฏเลย

Not understanding is real and right understanding is also real.

ความไม่เข้าใจมีจริง และความเข้าใจก็มีจริงเช่นกัน

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและอนุโมทนาพี่แดงและทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
napachant
วันที่ 4 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
j.jim
วันที่ 5 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
mouy179
วันที่ 9 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
yupaporn
วันที่ 10 ก.ย. 2556

สาธุ

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Boonyavee
วันที่ 11 ก.ย. 2556

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพสูงสุด

เมื่อได้อ่านข้อความว่า "ผู้ที่มาฟังธรรมะหวังว่าท่านจะบอกวิธีปฏิบัติและนำไปปฎิบัติที่บ้าน แต่เมื่อมาฟังได้ 3 วันก็รู้มาว่าธรรมะที่เคยเรียนมานั้นผิดทั้งหมด และรู้แล้วว่าต้องเริ่มด้วยความเข้าใจ ว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ และธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา" ท่านอาจารย์เปรียบเหมือนผู้ชี้หนทางสว่างให้ผู้ที่ไม่รู้ความจริง ได้มีจุดเริ่มต้นของความเห็นถูกมากยิ่งขึ้นเมื่อได้ฟังพระธรรม ขอกราบอนุโมทนาค่ะ

ขอกราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณแม่แดงและทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ขอนอบน้อม
วันที่ 13 ก.ย. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
rrebs10576
วันที่ 19 ก.ย. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
ปลากริม ไข่เต่า
วันที่ 22 พ.ค. 2560

ขอบพระคุณ และอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ