แบ่งปันสิ่งที่บันทึกจากชั่วโมงพื้นฐานพระอภิธรรม 12 พ.ค. 2556

 
wittawat
วันที่  14 พ.ค. 2556
หมายเลข  22900
อ่าน  1,357

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาติแบ่งปันสิ่งที่บันทึกจากชั่วโมงพื้นฐานพระอภิธรรม 12 พ.ค. 2556 ครับ

-ยังหลับอยู่ เพราะยังมีกิเลส

-ธรรมทุกประการใหม่หมดในสังสารวัฏฏ์ ไม่มีอันเก่ากลับมาเกิดอีก

-ธรรมมีจริง มีเพียงอาศัยระลึกให้รู้ว่ามี

-ตรัสรู้ คือ การเข้าใจ ประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่มีในขณะนี้

-สิ่งที่มีในขณะนี้ เกิดแล้วดับ นับไม่ถ้วน แม้เห็น และมีคิดนึก ณ ขณะนี้ แต่ก็มีความจริงที่เกิดดับมากมายโดยไม่รู้ เช่น ปัญจทวารวัชชนจิต ซึ่งเป็นวิถีจิตแรกก่อนที่จะมีการได้ยินเกิดขึ้น เป็นต้น จึงทราบได้ว่าปัญญาที่รู้ รู้น้อยเท่าไร

-การเป็นพุทธ คือ การตรัสรู้ ถ้าไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า รู้เช่นนี้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นจึงสามารถรู้เท่าที่รู้ได้ ซึ่งเป็นความต่างกันของ พระสัพพัญญูพุทธะ พระปัจเจกพุทธะ และ พระอนุพุทธะ

-ผู้ที่ตื่น คือ ตื่นจากความเท็จ การลวงของความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน

-ผู้ที่เบิกบาน คือ ปัญญาที่สามารถเห็นถูก เข้าใจถูก จากความไม่รู้ เป็นความรู้

-ยากหรือไม่ที่จะได้ยินได้ฟังความจริง? ถ้าไม่ได้ฟัง จะเบิกบานได้อย่างไร แต่เป็นวาระพิเศษ สมัยพิเศษ ที่จะได้ยินได้ฟังความจริง ที่ทำให้เบิกบาน

-ภัยภายในที่สุด คือ กิเลส เพราะเกิดเมื่อใด ก็ทำร้ายทันที

-ถ้ารู้ว่าเป็นธรรม เดือดร้อนไหมว่ามีใครทำร้าย แต่จริงๆ คือ ธรรมที่เกิดขึ้น และดับไปทีละหนึ่งๆ ได้ยินได้ฟังความจริง ดีกว่า ไม่รู้ และคิดว่า ทุกอย่างเที่ยง ชื่นชมในพระภาษิต เพราะได้ยิน ได้ฟังความจริง เข้าใจความจริง มั่นคงขึ้นตามลำดับขั้นของปัญญา

-ถ้าเข้าใจความจริง ก็ไม่เดือดร้อน แต่เป็นผู้เบิกบานใจ เพราะความเข้าใจ ไม่ทำให้เดือดร้อนใดๆ ทั้งสิ้น

-เห็น ใครทำก็ไม่ได้ ใครทำเพียรก็ไม่ได้ แต่ทุกอย่างเกิดโดยเป็นอนัตตา

-ถ้าไม่เข้าใจ พระไตรปิฎกก็ไม่มีความหมายใด แต่ถ้าเข้าใจ พระธรรมทุกคำล้ำค่า เพราะทรงแสดงโดยมีความหมายละเอียดลึกซึ้ง

-เป็นความผิดของคนพูดไม่จริงหรือไม่ ที่เชื่อเขา? ผิดที่คนพูด หรือ คนเชื่อเพราะคนที่สะสมความเห็นผิดมาก็พูดตามที่เห็นผิด

-"คำใดเป็นคำจริง คำนั้นทั้งหมดเป็นวาจาของพระองค์" วาจาสัจจะ เป็นพุทธพจน์ เพราะแสดงถึงสิ่งที่มีจริง ให้เข้าใจได้ ว่าสิ่งที่ได้ฟังละเอียดขึ้นๆ เป็นความจริงหรือไม่ ผู้ละเอียดในการศึกษาจึงมีความเข้าใจที่เจริญขึ้น

-เข้าใจเพียงเรื่อง (คิดเรื่องของธรรม) ก็เหมือนกับได้ยินได้ฟังเพียงฝัน (ไม่ได้ตื่น คือ มีลักษณะของความจริงกำลังปรากฏขณะนี้ แต่ไม่ได้รู้ความจริงตามที่แสดง)

-การศึกษาธรรมโดยติดชื่อ ชื่อนั้นก็จะบดบังการเข้าใจ โดยเป็นการคิดชื่อต่างๆ กว่าที่จะรู้จัก "นายช่างผู้สร้างเรือน" (โลภะ หรือ ตัณหา) ได้ ก็เป็นเรื่องยากเพราะว่าลึกซึ้ง เพราะแม้ขณะนี้มีอยู่ ก็ไม่รู้

-โลภะ ทรงแสดงไว้ ละเอียด หลายแง่มุม เช่น เมื่อติดข้อง แล้วก็แสวงหา (เดินไปยังไม่รู้ว่าคือ แสวงหา) ได้มา (ก็เป็นโลภะ ก็เพื่อ) เสวย หรือ บริโภค (แล้วก็ยังเพื่อ) เก็บรักษาไว้ (ก็เป็นโลภะเช่นกัน) และเก็บไว้ก็เพื่อ สละ (ซึ่งหมายถึง สละด้วยความหวังที่จะได้ เช่น ดอกไม้ได้มาด้วยสละเงิน โลภะสละสิ่งที่เก็บรักษาไว้เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ) ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่ทราบว่า การซื้อขาย ไม่ใช่การให้ ถ้าไม่ได้เข้าใจความจริง ไม่รู้ความจริง ก็ไม่รู้ว่า ไม่ได้สละอะไรเลย เพราะหวัง

-พระธรรมนั้นละเอียด เพราะทรงแสดงไว้ลึกซึ้ง และธรรมปะปนกันไม่ได้ สุตตพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่นโดยความเป็นพหูสูตร คือ ฟังธรรมเข้าใจธรรม) แม้พหูสูตรก็มีหลายระดับ คือ การรู้เรื่องของธรรม ทรงจำไว้ได้ แต่ยังเข้าใจไม่ถ่องแท้ก็มี เช่น พระโสดาบันผู้เป็นพหูสูตรทรงจำไว้ทั้งส่วนที่ตนรู้แล้ว และส่วนที่ไม่รู้ แต่พระโสดาบันก็ไม่เข้าใจธรรมของพระสกทาคามี เป็นต้น เพราะฉะนั้นสูงสุดของความเป็นพหูสูตร ก็ต้องเป็นพระอรหันต์ เพราะ เป็นผู้เข้าใจธรรมโดยไม่ติดขัด สำหรับพวกเรา ก็คือ ยังไม่สามารถเป็นสุตตพุทธะได้ เพราะ"ไม่ได้เข้าใจ คำที่พูดเลย"

-ทั้งหมดที่ได้ฟัง ก็เพื่อรู้ตามความจริงว่าเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่เรา

ขออนุโมทนาท่านอาจารย์ อาจารย์วิทยากรทุกท่าน และท่านผู้ร่วมสนทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 14 พ.ค. 2556

"คำใดเป็นคำจริง คำนั้นทั้งหมดเป็นวาจาของพระองค์" วาจาสัจจะ เป็น พุทธพจน์ เพราะแสดงถึงสิ่งที่มีจริง ให้เข้าใจได้ ว่าสิ่งที่ได้ฟังละเอียดขึ้นๆ เป็นความจริงหรือไม่ ผู้ละเอียดในการศึกษาจึงมีความเข้าใจที่เจริญขึ้น

ขอขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนา คุณ wittawat ที่แบ่งปันธรรมดีๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
j.jim
วันที่ 14 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
bsomsuda
วันที่ 14 พ.ค. 2556

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
mon-pat
วันที่ 14 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
natural
วันที่ 15 พ.ค. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nong
วันที่ 16 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
jaturong
วันที่ 16 พ.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 16 พ.ค. 2556

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 16 พ.ค. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

...ทั้งหมดที่ได้ฟัง ก็เพื่อรู้ตามความจริงว่าเป็นสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่เรา...

ขอขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณ wittawat ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
peem
วันที่ 18 พ.ค. 2556

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
ใหญ่ราชบุรี
วันที่ 26 ม.ค. 2557

สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
papon
วันที่ 27 ม.ค. 2557

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
เมตตา
วันที่ 31 ม.ค. 2557

การศึกษาธรรมโดยติดชื่อ ชื่อนั้นก็จะบดบังการเข้าใจ โดยเป็นการคิดชื่อต่างๆ กว่าที่จะรู้จัก "นายช่างผู้สร้างเรือน" (โลภะ หรือ ตัณหา) ได้ ก็เป็นเรื่องยาก เพราะว่าลึกซึ้ง เพราะแม้ขณะนี้มีอยู่ ก็ไม่รู้

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ คุณวิทวัส และทุกๆ ท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
เฉลิมพร
วันที่ 23 ก.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 13 ธ.ค. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ