ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๐๗๙

 
khampan.a
วันที่  24 ก.พ. 2556
หมายเลข  22530
อ่าน  1,318

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจสั้นๆ เหมาะสำหรับผู้ที่มีเวลาน้อย เพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ถึงแม้ว่าจะเป็นข้อความที่สั้น แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์อยู่ในตัว ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้

[ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๙]

--- ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ถ้าบังคับได้เป็นอัตตา พระผู้มีพระภาคก็คงจะทรง บังคับให้ทุกคนหมดกิเลส ไม่มีการล่วงศีลเลย แต่เพราะเหตุว่าสภาพธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ จึงได้ทรงแสดงคุณและโทษของธรรมทั้งหลายตาม ความเป็นจริง ให้ผู้ศึกษาได้พิจารณา แล้วก็อบรมเจริญธรรมฝ่ายกุศลให้ยิ่งขึ้นเท่าที่ สติปัญญาสามารถที่จะกระทำได้ ตามระดับขั้นของแต่ละบุคคล

--- ขณะใดก็ตามที่สติไม่เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ขณะ นั้นก็เป็นความเมา แต่ว่าเมาด้วยกิเลส คือ โลภะ โทสะ โมหะ, เมาด้วยโลภะ เมาด้วยโทสะ เมาด้วยโมหะ มีเป็นประจำอยู่แล้ว แต่บางท่านก็ยังเพิ่มการที่จะดื่มสุรา ให้เมายิ่งขึ้น ถึงกับขาดสัมปชัญญะที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฏ อวิชชามีเป็นพื้นอยู่ในจิต แต่ว่าปัญญา เป็นธรรมที่จะต้องอบรมสะสมให้เกิด ขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ไม่มีใครสามารถที่จะบังคับให้ปัญญาเกิดมากๆ ตามความ ต้องการได้

--- ตราบใดที่ยังมีความเห็นผิดอยู่ อกุศลธรรมอันลามกมิใช่น้อย ก็ย่อมเกิดขึ้น เพราะความเห็นผิดเป็นปัจจัย

--- ถ้าข้อปฏิบัตินั้นผิด คลาดเคลื่อน ไม่สามารถที่จะดับกิเลสได้ อกุศลธรรมก็ย่อม เจริญ สิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ ก็ย่อมเกิดมากขึ้น

--- ถ้ามีความเห็นผิดเสียแล้ว การชักชวนหรือคำพูดที่ผิดก็ย่อมเกิดขึ้น ทำให้บุคคล อื่นประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งที่ผิดไปด้วย แต่ว่าความเห็นชอบ เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ กุศลธรรมมิใช่น้อยย่อมถึงความเจริญคล้อยตามความเห็นชอบ

--- สำหรับเรื่องของชีวิตของแต่ละบุคคล โดยเฉพาะชีวิตของมนุษย์เป็นชีวิตที่เล็ก น้อย และสั้นมาก เมื่อเป็นชีวิตที่สั้นและเล็กน้อย ก็ควรจะหาประโยชน์จากชีวิตนี้ให้ มากที่สุดที่จะมากได้ และที่จะเป็นชีวิตที่มีค่าได้ ก็ด้วยการเจริญกุศล ขัดเกลาเพื่อ การดับกิเลสเป็นสมุจเฉท (ถอนขึ้นได้อย่างเด็ดขาด)

ถ้าจะเข้าใจความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม

ไม่ประมาทในพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง แต่ละคำ

เรามีความรู้สึกว่า เป็นคนนั้นคนนี้ที่มีพฤติกรรมต่างๆ แต่แท้ที่จริงแล้วก็คือ

จิตเกิดขึ้นทีละขณะ

ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่เป็นอกุศล

ที่เคยเป็นเรา แท้ที่จริง ก็คือ จิต เจตสิก รูป เท่านั้น

ไม่มีใครสามารถออกจากสังสารวัฏฏ์ได้ ด้วยความอยาก

ไม่ว่าจะเป็นธรรมจากข้อความไหน พระสูตรไหน ก็เพื่อเข้าใจธรรม ซึ่งเป็นชีวิต

ประจำวัน โดยไม่ได้อยู่ในตำรา

เห็นช้าง เห็นปลวก เห็นนก เห็นตั๊กแตน แล้ว เราไม่มีสิทธิ์เป็นหรือ

ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล?

เวลาที่มีประโยชน์ คือ ขณะที่ได้เข้าใจพระธรรม ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม

ก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก ขัดเกลาความไม่รู้ ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่า

เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล

ขณะนี้มีจิตเกิดดับสืบต่อกันอยู่ตลอดเวลานับไม่ถ้วน จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม ความจริง

เป็นอย่างนี้

คำใดที่เป็นคำจริง (วาจาสัจจะ) สามารถรู้แจ้งได้ เข้าใจได้ ที่สำคัญต้องไม่ขาด

การอบรมด้วยการฟัง ด้วยการศึกษาด้วยความละเอียดรอบคอบ

อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ ไม่ใช่สิ่งที่จะมีอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น ที่เกิดความ

หวั่นไหวไป ก็เป็นเพราะกิเลสที่ตนเองสะสมมาอยู่ในจิต

ไตร่ตรองในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังให้เข้าใจยิ่งขึ้น

ถ้ามีความเห็นถูกแล้ว จะไปสู่อกุศลได้ไหม?

ตั้งตนไว้ชอบ คือ เริ่มเห็นประโยชน์ของการได้เข้าใจความจริง

วิบากทั้งหมด มาจากกรรมที่ได้กระทำแล้วทั้งสิ้น

ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างชอบ ตามการะสะสม

เห็นโทษของอกุศล ตามกำลังของปัญญา ที่มีการฟังพระธรรม ศึกษา

พระธรรมก็เพราะเห็นโทษของความไม่รู้

พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์เป็นไปเพื่อการไม่ทำบาปทั้งสิ้น

เพื่อยังกุศลให้ถึงพร้อม เพื่อชำระจิตของตนให้ผ่องใส

พระพุทธศาสนา เป็นเรื่องของปัญญาตั้งแต่ต้นจนจบ โดยตลอด จนออก

จากสังสารวัฏฏ์

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ ๗๘ ได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๗๘

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 24 ก.พ. 2556

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตร่วมปันธรรม ด้วยครับ

- การละคลายด้วยอะไร ถ้ายังไม่รู้จักตัวธรรมจริงๆ ละคลายไม่ได้เลยค่ะ เอาชื่อ

มาละคลายไม่ได้ บอกให้ละ ก็ละไม่ได้ เพราะไม่รู้ ว่าขณะนั้นน่ะเป็นเรา บางคน

ก็ดีใจ ทำความดีเยอะวันนี้แล้วใครทำ ละหรือเปล่า ยังคงเป็นเรา เพราะฉะนั้น

ก็มีความติดข้องว่า ความดีของเรา แต่ไม่ใช่ความดีเป็นธรรม กุศลก็เป็นธรรม

อกุศลก็เป็นธรรม ทุกอย่างเป็นธรรม - เราไม่รู้ว่ากรรมใดจะทำให้เกิดปฏิสนธิจิตในภพหน้า เพราะเราทำทั้งความดี

และความชั่วปะปนกันไป กรรมหนึ่งในชาตินี้หรือชาติก่อนๆ มีโอกาสทำให้ปฏิสนธิ

จิตในชาติหน้าเกิดขึ้นได้ทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้เจริญกุศล

นานาประการ เพราะเมื่อเจริญกุศลบ่อยๆ มากขึ้น ย่อมมีโอกาสได้รับผลของกุศล

ซึ่งให้ผลเป็นสุข กุศลจิต เปรียบเหมือนเพื่อนสนิท - การเจริญวิปัสสนา คือ การอบรมเจริญมรรคมีองค์ ๘ โดยการเจริญสติปัฏฐาน

เป็นเบื้องต้น เป็นหนทางเดียว ไม่มีทางอื่น ถ้ามีทางอื่นหรือทางลัดที่สะดวกรวด

เร็วกว่านี้ พระผู้มีพระภาคฯ ต้องได้ทรงแสดงไว้ด้วยพระมหากรุณาคุณ ศาสนา

พุทธเป็นศาสนาที่สอนให้หลุดพ้นจากวัฏฏะ คือ การเกิด แก่ เจ็บ ตาย ยินดีด้วย

ที่ท่านสนใจที่จะศึกษาธรรม เป็นสิ่งที่มีค่าและประเสริฐสุดในชีวิตนี้ที่เกิดเป็นมนุษย์

ขอให้เริ่มศึกษาในส่วนที่พอจะเข้าใจก่อน แล้วปัญญาจะค่อยๆ พัฒนาขึ้นเองตามลำดับ ไม่จำเป็นต้องรู้มากๆ รู้เยอะๆ แต่ให้รู้จริง ค่ะ - เพราะไม่รู้จึงฟัง เพราะไม่รู้จึงอ่าน ไม่ใช่โดยคิดเดาเอาเอง แต่อ่านเพื่อเข้าใจถูกต้อง ทุกครั้งที่ฟังธรรมหรืออ่านเพื่อให้รู้ยิ่งขึ้น เข้าใจถูกยิ่งขึ้น เพื่อละความไม่รู้จึงจะละอกุศลอื่นได้

- ทุกๆ คนหวังความเจริญในทรัพย์ทั้งหลาย เช่น เรือกสวน ไร่นา บุตรภริยา โภค

ทรัพย์ แล้วแต่จะหวังอะไร เพราะยังไม่หมดหวัง แต่ความหวังก็ไม่ใช่สาระแท้จริง

เพราะตั้งแต่เกิดมาก็คือ ตามมีตามได้ ตามกรรมที่กระทำไว้แล้ว ต้องมีทั้งฝ่ายดี และ

ไม่ดี ทั้งสุข ทุกข์ แล้วทั้งหมดก็ไม่เหลือ เพราะสาระแท้จริง สิ่งที่ควรบำเพ็ญ คือ

สุตะได้แก่ ศรัทธา ที่ฟังธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง

- สิ่งที่มีสาระแท้จริงไม่ใช่เรื่องราวของธรรม แต่คือความจริงในชีวิตประจำวัน ที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ละทาง มีธรรมอยู่แล้ว ทั้งรูปธรรม นามธรรม

ฟังจนกว่าจะเข้าใจว่า ธรรมคือ อะไร เกิดที่ใด เกิดเมื่อไร จึงเป็นเหตุให้ปัญญาเกิดได้

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
บรรพต
วันที่ 24 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
natural
วันที่ 24 ก.พ. 2556

ขอบพระคุณและอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 24 ก.พ. 2556

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ. ผเดิม ด้วยค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nong
วันที่ 25 ก.พ. 2556

อารมณ์ คือ สิ่งที่จิตรู้ ไม่ใช่สิ่งที่จะมีอิทธิพลใดๆ ทั้งสิ้น ที่เกิดความ

หวั่นไหวไป ก็เป็นเพราะกิเลสที่ตนเองสะสมมาอยู่ในจิต

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
kinder
วันที่ 25 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 26 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
rrebs10576
วันที่ 26 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
ผิน
วันที่ 27 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
orawan.c
วันที่ 27 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
jaturong
วันที่ 27 ก.พ. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ