สนทนาธรรมกลางอ่าวฮาลอง
10 พ.ย. 55
ออกจากโรงแรมถังเล้ย 8 โมงเช้า เพื่อเดินทางไปชม อ่าวฮาลอง มรดกโลก ซึ่งอยู่ ติดชายแดนคุนหมิง มณฑลยูนนาน ต้องนั่งรถบัสใหญ่ ที่่มีสหายธรรมเวียดนามติดตาม ไปด้วย 10 คน ระยะทางจากฮานอย 150 กม. ใช้เวลาเดินทาง 4 ชั่วโมง เพราะต้องแล่นด้วยความเร็วจำกัดตามกฎหมาย รถจึงแล่นตามกันไปเป็นขบวน ขนาดผู้สูงวัยยังรู้สึกรำคาญ ถ้าอยู่เมืองไทยคงถึงนานแล้วรถจอดร้านขายของที่ระลึกใหญ่โต เพื่อให้เข้าห้องน้ำสะอาด และเดินยืดเส้นสาย หลายท่านได้ชุดประจำชาติ อ๊าวใหญ่ คงเดาได้ว่าเป็นใคร เพราะท่านคงใส่ไปมูลนิธิ
ถึงท่าเรือ 13:30 น. แต่ต้องเข้าร้านขายไข่มุกก่อนเพื่อเข้าห้องน้ำ แล้วคอยไกด์ซื้อตั๋วขึ้นเรือเล็ก ไปขึ้นเรือ golden Lotus เพื่อนอนบนเรือ มีเรือพานักท่องเที่ยวชมอ่าวหลายร้อยลำ แตกต่างกันไปตามฐานะทางเศรษฐกิจ มีทั้งเรือพาย เรือชั้นเดียว สอง-ชั้นไปถึงเรือสำราญลำใหญ่สูงหลายชั้น
ใครได้นั่งแบบไหน ก็ตามเหตุ-ปัจจัย เหมือนกับที่เกิดมาในโลกนี้ แล้วแตกต่างกันไปตามกรรมนั่นเอง แต่ก็เกิดมาแล้ว เป็นคนนี้แล้ว เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้แล้ว เพียงแต่รู้ว่าโลกมนุษย์เป็นที่ดูบุญและบาป และผลของบุญและบาปเท่านั้นเอง เรือบริการนักท่องเที่ยวในอ่าวฮาลอง พวกเราตื่นตาตื่นใจกับทิวทัศน์สวยงามของอ่าวฮาลอง ที่มีเขาหินปูนโผล่พ้นน้ำมากมายนับไม่ถ้วน ยิ่งมองไกลออกไป ก็เห็นภูเขาสลับซับซ้อนเป็นเงาสีฟ้าหม่นจางลงๆ ไม่สิ้นสุด ได้ยินว่า เขาหินปูนเหล่านี้กั้นพายุที่พัดกระหน่ำเวียดนามปีละ 13 - 24 ลูก ไม่ให้เมืองไทยและลาวได้รับผลกระทบจากพายุเหล่านี้ แต่ทำให้ฝนตกชุกที่เวียดนาม ทำให้สามารถทำนาได้ปีละ 3-4 ครั้ง ชดเชยกับที่ราบทำนามีน้อย เพราะมีภูเขาและทะเลสาบถึงร้อยละ 90 และอ่าวฮาลองยังเป็นที่อยู่ของปลาทูน่า ที่ออกไข่ในอ่าวไทยและว่ายไปเจริญเติบโตที่นี่ ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ ทำให้มีน้ำหนักถึง 15 กก.
พระอาทิตย์ตกที่อ่าวฮาลอง
ทานอาหารกลางวันบนเรือ ท่านอาจารย์พักผ่อน เราขอไปนวด ท่านตอบตกลง แต่
ไกด์มาชวนไปว่ายน้ำที่ชายหาดของเกาะหนึ่ง ก็ตอบตกลงทันที เพราะคิดว่า คงไม่มีโอกาสมาอีกแล้ว 15:00 น.จึงเตรียมไปว่ายน้ำ หรือพายเรือคะยักตามอัธยาศัย โดยนั่งเรือเล็ก ไปเกาะที่หมู่บ้านประมง ให้หนุ่มสาวเวียดนามไปพายเรือคะยัค ส่วนคนไทยที่เหลือ นั่งเรือต่อไปอีกเกาะ ที่มีชายหาด มีนักท่องเที่ยวฝรั่งมากมาย เรา 3 คน (หญิง อชิตะและเรา) ว่ายน้ำจนสมควรแก่เวลา ส่วนคนที่เหลือ (เบญ น้อย) เก็บภาพอยู่บนฝั่ง
กำลังว่ายน้ำในอ่าวฮาลอง กลับมาที่เรือใหญ่เวลา 16:30 น. ท่านอาจารย์กำลังสนทนาธรรมอยู่ ....ขณะนี้อยู่ที่ ไหน? อยู่ในมหาสมุทรของอวิชชา และความติดข้อง ล่องลอยอยู่ในทะเลของสมมติ- บัญญัติตลอดเวลา...
ท่านอาจารย์ถาม อยากเกิดที่ไหน?
ทามตอบ เกิดที่เมืองไทย เพราะจะได้ฟังธรรมจากท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์บอกว่า เกิดที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ฟังพระธรรม แม้แต่ในสวรรค์ก็มีโอกาสฟังธรรม ยกเว้นเกิดในอบายภูมิ ที่ไม่มีโอกาสเข้าใจพระธรรม
ทามถามว่า เกิดเป็นมนุษย์มีโอกาสทำกุศลมากกว่าในสวรรค์ไม่ใช่หรือ
ท่านอาจารย์ตอบว่า ในมนุษยภูมิ เจริญกุศลได้ทุกประการ แต่ในสวรรค์ ไม่สามารถเจริญกุศลได้บางประการ เช่น ทาน เป็นต้น
สนทนาธรรมบนเรือ ทานอาหารเย็นตอน 18:30 น. เป็นซีฟูดที่จัดมาอย่างหรูหรา บรรยากาศเป็นไปด้วยมิตรไมตรีระหว่างไทยกับเวียดนาม คุยกับสาวๆ ว่า เราเป็นคนเดียวในครอบครัวที่ฟังธรรม พวกเธอประหลาดใจมาก ว่า ทำไมคนไทยโชคดีแล้วจึงไม่ฟังพระธรรม ที่เธอเห็นว่า มีประโยชน์มาก รับประทานซีฟูดในเรือ วันรุ่งขึ้น ไปเที่ยวถ้ำที่สวยงามเป็นมรดกโลกอีกเช่นกัน อยู่บนเกาะในอ่าว ค้นพบโดยชาวฝรั่งเศสเมื่อ 200 กว่าปี ต้องนั่งเรือเล็กจากเรือใหญ่ แล้วก็เดินขึ้นบันไดไปอีกหลายขั้น ไม่เหนื่อยมาก เพราะนักท่องเที่ยวแออัด มีแต่ฝรั่งชาติต่างๆ ต้องเดินช้าๆ แล้วก็ดูหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างต่างๆ ตามจินตนาการของคนเห็นเป็นคนแรก เข้าไปแล้วจะมี 3 ถ้ำ ซึ่งค่อยๆ ใหญ่ขึ้น จนถึงถ้ำสุดท้าย จะมีห้องบรรทมเจ้าหญิงเจ้าชาย ตามแต่จิตจะคิดวิป-ลาสไป เป็นถ้ำโปร่ง อากาศถ่ายเทดี มีทางเดินที่ทำขึ้นให้กลมกลืนกับพื้นในถ้ำ และทำให้เดินสะดวกด้วย นอกจากนั้นยังติดไฟสีต่างๆ ให้แสงสว่าง และความสวยงามตามจุดต่างๆ สรุปแล้วก็น่าดูน่าชมสมกับเป็นมรดกโลก
ภายในถ้ำ ขึ้นเรือใหญ่ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน น้องๆ เวียดนาม กล่าวขอบคุณ ท่าน-
อาจารย์ที่เมตตามาแสดงธรรมที่ลึกซึ้ง ทำให้มีความเห็นถูกและเข้าใจสภาพธรรมมากขึ้น พร้อมกับมอบของที่ระลึกให้ท่านอาจารย์ พร้อมกับพวกเราอีกเช่นเคย (มอบของที่ระลึก 3 รอบแล้ว) น้องๆ เวียดนามมอบของที่ระลึก เรือเล็กมารับขึ้นฝั่ง เดินทางกลับฮานอย เพื่อเตรียมตัวขึ้นรถไฟไป Sapa โดยรถไฟ ออกเวลาสี่ทุ่มครึ่ง
... ขณะนี้อยู่ที่ไหน อยู่ในมหาสมุทรของอวิชชาและความติดข้อง
ล่องลอยอยู่ในทะเลของสมมติบัญญัติตลอดเวลา ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่แดง และทุกๆ ท่านด้วยนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
... ขณะนี้อยู่ที่ไหน อยู่ในมหาสมุทรของอวิชชาและความติดข้อง
ล่องลอยอยู่ในทะเลของสมมติบัญญัติตลอดเวลา ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของอาจารย์กาญจนา และทุกๆ ท่านด้วยครับ
"ท่านอาจารย์บอกว่า เกิดที่ไหนก็ได้ ขอให้ได้ฟังพระธรรม"
ขอขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
... ขณะนี้อยู่ที่ไหน อยู่ในมหาสมุทรของอวิชชาและความติดข้อง
ล่องลอยอยู่ในทะเลของสมมติบัญญัติตลอดเวลา ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
... ขณะนี้อยู่ที่ไหน อยู่ในมหาสมุทรของอวิชชาและความติดข้อง
ล่องลอยอยู่ในทะเลของสมมติบัญญัติตลอดเวลา ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่แดง และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
คงไม่มีใครชอบถ้าบอกว่าเป็นคนโชคไม่ดี..โชคดีมาจากเหตุที่ดี..และดีที่สุดถ้าประกอบ
ด้วยปัญญา สหายธรรมชาวเวียดนามพูด.. ทำให้คิดตามว่า... ทำไมคนไทยโชคดีแล้วจึง
ไม่ฟังพระธรรมที่เธอเห็นว่า มีประโยชน์มาก ..เพราะผู้โชคดีอาจไม่รู้ตัวว่า โชคดี (จึงฟัง
บ้างไม่ฟังบ้าง) ทั้งที่การที่มีโอกาสได้ฟังธรรม และเข้าใจพระธรรมตามความเป็นจริง เป็น
การสะสมปัญญา เป็นชีวิตที่ประเสริฐ..ถ้ามีโอกาสฟัง แต่ไม่ฟัง ละเลยโอกาสเจริญปัญญา
จะเรียกว่าโชคดีได้อย่างไร..
อนุโมทนา..ธรรมเตือนใจ..ของฝากจากเวียดนามคะ