ช่วยชี้แนะผมด้วยผมทำความผิดโดยไม่เจตนา

 
phangphon
วันที่  19 เม.ย. 2555
หมายเลข  20998
อ่าน  2,084

จู่ๆ เยื้องๆ หน้าบ้านก็มีการสร้างโรงงานทำป้ายขนาดใหญ่ มีการถากถางไถที่จากป่ารกเป็นเนินดินสูงต่ำ สร้างโรงเรือน โรงงานเพื่อพิมพ์ป้ายแบบสมัยใหม่


และวันหนึ่ง เจ้าของก็นำสุนัขมาปล่อยให้อยู่ ๑ ตัว ผมเองเป็นคนเลี้ยงและรักสุนัขอยู่แล้ว ก็ได้แต่เฝ้ามอง น้องหมาเองบางวันก็ต้วมเตี้ยมมาถึงหน้าบ้าน สังเกตว่าขาแพลงข้างหนึ่ง นานวัน หลายอาทิตย์ผ่านไป สังเกตดู น้องหมายิ่งผอมโซลงเรื่อยๆ สอบถามคนงานบอกว่า เจ้าของไม่เคยนำอาหารมาให้ อาศัยกินเศษจากคนงาน บางวันคนงานไม่มีเศษเหลือ ก็อด


วันแรก ก็เลยถืออาหารเม็ดไปให้กินใกล้ๆ สังเกตที่ตาน้องหมา เป็นอะไร วันหลัง ดักรถเจ้าของโรงงาน สอบถาม ทราบว่า น้องหมา ตาบอดสองข้าง และชื่อซูโม่


ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็เลยนำอาหารไปให้ทุกวัน เกิดความคุ้นเคย จับ ลูบหัวได้ เลี้ยงดูแลมาเป็นเดือนเกือบสองเดือน เมื่อวันสงกรานต์ที่ผ่านมา ก็ยังไปอาบน้ำให้ มีอะไรก็แบ่งไปให้ ไปเปิดไฟให้ยามค่ำคืน


บางวันน้องหมาก็มานั่งรอบนกองทราย หน้าสถานที่ก่อสร้าง ไปไหนก็ห่วง เหมือนเป็นน้องหมาตัวเองอีก ๑ ตัว เจ้าของไม่เคยมาเลย แม้แต่คนงานก็หยุดก่อสร้าง หายไป ถ้าไม่ได้เข้าไปดูแล ไม่ทราบว่าน้องซูโม่จะเป็นอย่างไร


เมื่อ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๕ ที่ผ่านมา ตอนเย็น ได้ไก่ทอดและอาหารเม็ดไปให้ บังเอิญวันนี้ เจ้าตัวเล็กเพศผู้ที่เลี้ยงในบ้านออกไปด้วย จะด้วยเหตุใดก็สุดที่รู้ได้ ทั้งสองตัวกัดกันอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนก็เคยพบกัน ดมกันมาบ้างแล้ว ซูโม่ตัวใหญ่กว่า กัดเจ้ามอมแมมตัวเล็กแบบไม่ยั้ง เหตุการณ์สับสน เสียงดัง ในช่วงที่ซูโม่ได้เปรียบ กดกัดลำคอตัวเล็ก ด้วยความห่วงในชีวิตตัวเล็กกว่า ผมไม่สามารถคิดอะไรได้ในตอนนั้น คว้าได้ท่อนไม้ ตีลงตรงหลังซูโม่ ๒-๓ ครั้ง เพื่อให้เขาปล่อยเขี้ยวจากลำตัวเจ้ามอมแมม


มอมแมมบาดเจ็บ เลือดทั้งตัว ขาหน้าซ้ายเดินไม่ได้ ผมอุ้มมาบ้าน แล้วย้อนกลับไปดูซูโม่ น้องนั่งหอบหายใจแรง ตักน้ำ เปิดไฟไว้ให้ แล้วก็เดินมาบ้าน ปฐมพยาบาลมอมแมมตามมีตามเกิด เลือดทั้งตัว เช็ดและให้ยาตามประสาบ้านห่างเมือง


ใจก็คิดถึงซูโม่ แต่ ๓ ทุ่มแล้ว เหนื่อยก็เลยเข้านอน


เช้าวันที่ ๑๗ เดินไปดูที่โรงเรียน ที่น้องอาศัยอยู่ พร้อมอาหารเม็ดและเนื้อหมูต้ม สิ่งที่พบ คือน้องจากไปแล้ว นอนสิ้นใจ ปากมีมดตอม เนื้อตัวยังไม่แข็ง


ผมเข่าทรุด ร้องไห้ออกมา โดยไม่ลังเล วิ่งไปอุ้ม กล่าวอะไรออกไปจำไม่ได้แล้ว ผมเสียใจ ร้องไห้อยู่นาน กลับมาบ้าน จัดการนำอุปกรณ์ขุดดิน ฝังน้อง ขุดไปร้องไห้ไป จิตใจสับสน สงสารที่เขาต้องมาจากไป เพราะเราแท้ๆ ผมตีน้องแรงไป


เศร้าครับ เสียใจที่ตัวเองทำลงไป เพราะความห่วงอีก ๑ ชีวิตที่เล็กกว่า เป็นผลให้น้องหมาที่ตาบอด ต้องจากไป โทษตัวเองทุกอย่าง ยอมรับในผลกรรมที่ทำไป แม้ว่าจะไม่เจตนาแม้แต่น้อย


ทุกข์ในใจนี้เพิ่มทวี ทุกข์ที่เห็นที่อยู่ที่กินของน้อง ก็อดร้องไห้ไม่ได้ ผ่านเช้า หรือเย็นก็อดร้องไห้ไม่ได้


ผมใคร่ขอคำแนะนำจากทุกท่านครับว่า ในกรณ๊นี้ ผมควรจะทำอย่างไร ซึ่งตัวผมเองนั้น ป่วย จะต้องรับการผ่าตัดรักษาตัวในอีกไม่กี่วันข้างหน้า โรคที่เป็น คุณหมอก็บอกว่าอย่าเครียด แต่พอเกิดเรื่องนี้ ผมนอนไม่เคยหลับเลย คิดถึงแต่น้องหมาที่จากไป และคิดเสียใจ โทษตัวเองตลอดเวลา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณครับ และก็เข้าใจครับว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะ ต้องทุกข์ เป็นธรรมดา และเหตุการณ์นี้ ก็ต้องทำให้ทุกข์ได้ เพราะ ความติดข้องในสิ่งต่างๆ มีสุนัข เป็นต้น ดังนั้น การตีสุนัข เราไม่ได้มีเจตนาฆ่าเขา แต่มีเจตนาเบียดเบียน ก็เป็นอกุศล แต่ไม่ครบกรรมบถที่จะต้องไปอบายภูมิ มี นรก เป็นต้น ครับ

ที่สำคัญ เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว สุนัขตัวนี้ ก็ตายไปแล้ว เมื่อตายแล้วจะต้องเกิดทันที ดังนั้น สุนัขตัวนี้ ก็เกิดแล้ว และขณะที่เราเศร้าใจถึงเขา สัตว์ที่ตายไปแล้ว เกิดใหม่ ก็ไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้เลย ครับ และเขาก็อาจเกิดไปในภพภูมิที่ดีกว่านี้ก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน ซึ่งสัตว์โลกก็เป็นไปตามกรรม สุนัข ตายก็เพราะมีกรรมของตน และเราก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่าที่เป็นบาปที่เป็นอกุศลกรรมครบกรรมบถ ครับ เขาเกิดใหม่แล้วครับ และอาจจะสุขสบายกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้ ครับ

ชีวิตก็ต้องเป็นไปตามการสะสม ตามความเป็นไปอย่างนี้ ที่สะสมกิเลสมา เป็นธรรมดา สิ่งใดล่วงไปแล้ว ก็อันล่วงไปแล้ว แต่ก็เข้าใจครับว่า ยังเป็นธรรมดาที่ยังจะต้องคิดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ดังนั้น ก็ค่อยๆ คิดถูกขึ้นบ้างว่า เขาเกิดใหม่แล้ว และเราก็ไม่ได้ทำบาปหนักที่เป็นอกุศลกรรมบถ ที่จะต้องให้ผลกรรมที่ไม่ดีกับเรามาก มี การตกนรก ดังนั้น ประโยชน์ที่สำคัญ กับผู้ที่จากไปแล้ว คือ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศลไปให้ หากสัตว์นั้นที่ตายไปแล้ว อยู่ในฐานะที่จะรับได้ ก็จะทำให้ได้รับความสุขเพิ่มขึ้น ครับ ดังนั้น กรรมที่ตีสุนัขโดยไม่ได้เจตนาฆ่า ย่อมไม่ให้ผลในปัจจุบันแน่นอนและไม่ทำให้เกิดในอบายภูมิในภพหน้าด้วย เพราะเป็นกรรมที่ไม่มีกำลังที่เป็นเจตนาฆ่า ส่วนสุนัขก็ตายเพราะกรรมของเขาเองครับ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า หากจะเศร้าโศกถึงสัตว์ที่ตายไปแล้ว ควรจะพิจารณาถึงตนเองที่มีความตายเป็นธรรม คือ คิดว่าตนเองก็ต้องตาย ควรทำความดี มีการให้ทาน รักษาศีล ฟังธรรมให้มากๆ นั่นเอง และ เมื่อตนเองถูกความป่วยครอบงำอยู่ ประโยชน์ที่สำคัญ คือ พิจารณาด้วยความเป็น เทวทูต คือ เรามีความป่วยเป็นธรรมดา สิ่งที่สำคัญ คือ การมีชีวิตอยู่ในการเจริญกุศล อบรมปัญญามากๆ นี่คือ ประโยชน์จากความป่วยของเรา และ จากความตายของสุนัข ความทุกข์ก็จะค่อยๆ คลายไป จากความเข้าใจถูก มีการฟังพระธรรม ครับ เป็นกำลังใจให้ด้วยความเข้าใจพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
phangphon
วันที่ 19 เม.ย. 2555
อ้างอิงจาก : หัวข้อ 20998 ความคิดเห็นที่ 1 โดย paderm

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณครับ และก็เข้าใจครับว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลส ก็ยังจะ

ต้องทุกข์ เป็นธรรมดา และเหตุการณ์นี้ ก็ต้องทำให้ทุกข์ได้ เพราะ ความติดข้องในสิ่ง

ต่างๆ มีสุนัข เป็นต้น ดังนั้น การตีสุนัข เราไม่ได้มีเจตนาฆ่าเขา แต่มีเจตนาเบียดเบียน

ก็เป็นอกุศล แต่ไม่ครบกรรมบถที่จะต้องไปอบายภูมิ มี นรก เป็นต้น ครับ

ที่สำคัญ เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว สุนัขตัวนี้ ก็ตายไปแล้ว เมื่อตายแล้วจะต้องเกิดทันที

ดังนั้น สุนัขที่ตัวนี้ ก็เกิดแล้ว และขณะที่เราเศร้าใจถึงเขา สัตว์ที่ตายไปแล้ว เกิดใหม่ ก็

ไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้เลย ครับ และเขาก็อาจเกิดไปในภพภูมิที่ดีกว่านี้ก็เป็นไปได้ อีก

เช่นกัน ซึ่ง สัตว์โลกก็เป็นไปตามกรรม สุนัข ตายก็เพราะมีกรรมของตน และเราก็ไม่ได้มี

เจตนาฆ่าทีเป็นบาปที่เป็นอกุศลกรรม ครบกรรมบถ ครับ เขาเกิดใหม่แล้วครับ และอาจ

จะสุขสบายกว่าที่ผ่านมาก็เป็นได้ ครับ

ชีวิตก็ต้องเป็นไปตามการสะสม ตามความเป็นไปอย่างนี้ ที่สะสมกิเลสมา เป็น

ธรรมดา สิ่งใดล่วงไปแล้ว ก็อันล่วงไปแล้ว แต่ก็เข้าใจครับว่า ยังเป็นธรรมดาที่ยัง

จะต้องคิดถึงเรื่องนี้บ่อยๆ ดังนั้น ก็ค่อยๆ คิดถูกขึ้นบ้างว่า เขาเกิดใหม่แล้ว และเรา

ก็ไม่ได้ทำบาปหนักที่เป็นอกุศลกรรมบถ ที่จะต้องให้ผลกรรมที่ไมดี่กับเรามาก มี การ

ตกนรก ดังนั้น ประโยชน์ที่สำคัญ กับผู้ที่จากไปแล้ว คือ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศล

ไปให้ หากสัตว์นั้นที่ตายไปแล้ว อยู่ในฐานะที่จะรับได้ ก็จะทำให้ได้รับความสุขเพิ่ม

ขึ้น ครับ ดังนั้น กรรมที่ตีสุนัขโดยไม่ได้เจตนาฆ่า ย่อมไม่ให้ผล ในปัจจุบันแน่นอน

และไม่ทำให้เกิดในอบายภูมิในภพหน้าด้วย เพราะเป็นกรรมที่ไม่มีกำลังที่เป็นเจตนา

ฆ่า ส่วนสุนัขก็ตายเพราะกรรมของเขาเองครับ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงว่า หากจะเศร้าโศกถึงสัตว์ที่ตายไปแล้ว ควรจะพิจารณา

ถึงตนเองที่มีความตายเป็นธรรม คือ คิดว่าตนเองก็ต้องตาย ควรทำความดี มีการให้

ทาน รักษาศีล ฟังธรรมให้มากๆ นั่นเอง และ เมื่อตนเองถูกความป่วยครอบงำอยู่

ประโยชน์ที่สำคัญ คือ พิจารณาด้วยความเป็น ทวทูต คือ เรามีความป่วยเป็นธรรมดา

สิ่งที่สำคัญ คือ การมีชีวิตอยู่ในการเจริญกุศล อบรมปัญญามากๆ นี่คือ ประโยชน์จาก

ความป่วยของเรา และ จากความตายของสุนัข ความทุกข์ก็จะค่อยๆ คลลายไป จาก

ความเข้าใจถูก มีการฟังพระธรรม ครับ

เป็นกำัลังใจให้ด้วยความเข้าใจพระธรรม ครับ

ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 19 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นธรรมดาของผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ จึงเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรมประการต่างๆ และการกระทำที่เป็นอกุศลกรรมนั้นก็เป็นเหตุให้ตนเองเกิดความทุกข์ใจ ไม่สบายใจ อกุศลจิตเกิดสืบต่ออีกมากมายอันเนื่องมาจากการได้กระทำอกุศลกรรมไปแล้ว

แต่สิ่งที่ควรจะได้พิจารณา คือ สิ่งที่ผ่านไปแล้ว ก็ผ่านไป เราไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาดที่ตนเองได้กระทำไปแล้วได้ และที่สำคัญ ไม่มีใครที่ไม่เคยกระทำผิด ย่อมมีด้วยกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าผู้นั้นจะเห็นโทษและพร้อมที่เริ่มต้นใหม่หรือไม่ จึงขอให้เริ่มต้นใหม่ด้วยกุศลธรรม มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ กล่าวได้ว่า วันนี้ ยังไม่สายสำหรับผู้ที่ตั้งใจ มีความจริงใจที่จะกลับตัวกลับใจเสียใหม่ เพิ่มพูนซึ่งกุศลคุณงามความดีทั้งหลายต่อไป ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
daris
วันที่ 20 เม.ย. 2555

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 20 เม.ย. 2555

ในพระไตรปิฎกก็มีแสดงไว้ เช่น ธิดาช่างหูก ถูกบิดาขว้างอุปกรณ์ในการทอผ้าไปถูกธิดาตาย โดยที่บิดาไม่ได้ตั้งใจ บิดาเขาเสียใจมาก ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรม และ ขอบวช ภายหลังก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ เพราะฉะนั้นเราไม่มีเจตนาฆ่า สุนัขนั้นตายเพราะสิ้นกรรม และ ที่สำคัญการเสียใจก็ไม่มีประโยชน์ ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 20 เม.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"สัตว์โลกย่อมมีกรรมเป็นกำเหนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์"

"นอนไม่หลับก็เป็นธรรม คิดถึงก็เป็นธรรม เสียใจก็เป็นธรรม"

"สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นแล้วดับไปทุกขณะ"

"ไม่มีตัวตน ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล"

เริ่มด้วยการฟัง ศึกษาธรรมให้เข้าใจ

ขอเป็นกำลังใจให้คุณphangphonครับ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของอ.ผเดิม, อ.คำปั่นและทุกๆ ท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pat_jesty
วันที่ 20 เม.ย. 2555

อดีตล่วงเลยไปแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะติดข้อง คิดถึง หรือเสียใจไปเรื่อยๆ เพราะล้วนแล้วแต่เป็นอกุศลทั้งสิ้น เหมือนการกักขังตัวเองในวังวนของอกุศล แต่ธรรมเป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาไม่ให้คิดถึง ไม่ให้เสียใจ หรือรู้สึกไม่ดีได้ แต่ความเข้าใจพระธรรมตามเป็นจริง ว่าไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน มีแต่สภาพธรรมต่างๆ กัน ที่เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง เป็นผลของกรรมบ้าง ก็จะช่วยละคลายความทุกข์ใจให้เบาบางลงไปได้ค่ะ

ขอเป็นกำลังใจให้ด้วยการศึกษาพระธรรมต่อไป พระธรรมเป็นที่พึ่งอันแท้จริงค่ะ

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
tookta
วันที่ 20 เม.ย. 2555

ได้อ่านกระทู้แล้วรู้สึกเศร้าเหมือนกันนะ สงสารน้องหมา แต่น้องหมาเขาก็ไปดีแล้วล่ะ แต่เราขอชื่นชมเจ้าของกระทู้นะคะ (คุณเป็นคนดีที่มีจิตใจเมตตามาก) เราขออวยพรให้คุณหายป่วยโดยเร็วนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 20 เม.ย. 2555

[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 210

๑. ภัทเทกรัตตสูตร

[๕๒๗] พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ตรัสดังนี้ว่า บุคคลไม่ควรคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว ไม่ควรมุ่งหวังสิ่งที่ยังไม่มาถึง สิ่งใดล่วงไปแล้ว สิ่งนั้นก็เป็นอันละไปแล้ว และสิ่งที่ยังไม่มาถึงก็เป็นอันยังไม่ถึง ก็บุคคลใดเห็นแจ้งธรรมปัจจุบัน ไม่ง่อนแง่น ไม่คลอนแคลนในธรรมนั้นๆ ได้ บุคคลนั้น พึงเจริญธรรมนั้นเนืองๆ ให้ปรุโปร่งเถิด พึงทำความเพียรเสียในวันนี้แหละ ใครเล่าจะรู้ความตายในวันพรุ่ง เพราะว่าความผัดเพี้ยนกับมัจจุราชผู้มีเสนาใหญ่นั้น ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย พระมุนีผู้สงบย่อมเรียกบุคคลผู้มีปกติอยู่อย่างนี้ มีความเพียรไม่เกียจคร้านทั้งกลางวันและกลางคืนนั้นแลว่าผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ. ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ทั้งปวงเกิดเนื่องมาจากความไม่รู้ และ โลภ คือเหตุของทุกข์ ความรู้หรือปัญญา ที่รู้ความจริงของสภาพธรรมตามความเป็นจริงเท่านั้นที่จะดับทุกข์ได้

ขอเป็นกำลังใจให้ คุณphangphon ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เพราะความเข้าใจก็คือ ปัญญา ปัญญาเท่านั้นที่แก้ปัญหาต่างๆ ได้ค่ะ ไม่ควรคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว และไม่ควรคิดถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึงคะ เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย แต่ปัจจุบันเป็นสิ่งสำคัญ เพราะขณะที่ปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ขณะนั้นไม่มีโลภะ ไม่มีโทสะ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ...

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
homenumber5
วันที่ 21 เม.ย. 2555

เรียนท่านเจ้าของกระทู้และทุกความเห็น

ธรรมดาที่ปุถุชน มีสมบัติ มีญาติ มีสัตว์เลี้ยง มีสารพัด เราต้องห่วง ต้องหวง ต้องพะวงระลึกถึง

สมัยนิยม ทั้งต่างประเทศ ในประเทศ ชอบเลี้ยงสุนัข บ้างบอกว่าเพื่อดูสัญชาตญาณเวลามีภัยพิบัติ ดิฉันเองเคยเลี้ยง แต่มีภาระมากมายจริงๆ เวลาไปต่างจังหวัดต้องหาที่พักให้เขา สารพัด ต้องเก็บชำระล้างบรรดาที่เขาปล่อยออกมา ทั้งที่เขาไม่ใช่ลูกหลานเราเลย มานั่งทบทวนเลย ยกเขาให้คนที่เขารักจริงๆ ไปเลี้ยง

ขออนุโมทนา

การที่คุณชอบรักและเลี้ยงสุนัขนั้น ไม่แปลกสำหรับปุถุชนเลย ถ้าเป็นไปได้ ขอให้คุณเลิกเลี้ยงสุนัข นำเวลาไปสิกขาธรรม เพื่อให้เข้าใจ เรื่องกรรม มากยิ่งขึ้นแล้วคุณจะรู้ถึงเหตุผลที่ดิฉันแนะนำว่าอย่าเลี้ยงสัตว์เลี้ยง

แม้พระราหุล ราชกุมารประสูติมา พระมหาโพธิสัตว์ยังทรงเด็ดเดี่ยวออกบรรพชาเพื่อแสวงหาสัจจธรรม และในพระปาฏิโมกข์เอง ทรงห้าม พระภิกษุเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงเด็ก ต้องมีเหตุผล ลองหาอ่านดูนะคะ

วันที่น้ำท่วม คงจำได้ว่า คนที่สมบัติ ญาติ สัตว์เลี้ยงมากนั้น เขาลำบากกว่า คนที่มีน้อยใช่ไหมคะ

ถ้า ไม่อยากทุกข์ๆ สุขๆ อยู่บ่อยๆ ลองทำตามคำแนะนำดูนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
phangphon
วันที่ 23 เม.ย. 2555

อ้างอิงจาก : หัวข้อ 20998 ความคิดเห็นที่ 10 โดย homenumber5 เรียนท่านเจ้าของกระทู้และทุกความเห็น ธรรมดาที่ปุถุชน มีสมบัติ มีญาติ มีสัตว์เลี้ยง มีสารพัด เราต้องห่วงต้องหวง ต้องพะวงระลึกถึง สมัยนิยม ทั้งต่างประเทศ ในประเทศ ชอบเลี้ยงสุนัข บ้างบอกว่าเพื่อดูสัญชาตญาณเวลามีภัยพิบัติ ดิฉันเองเคยเลี้ยง แต่มีภาระมากมายจริงๆ เวลาไปต่างจังหวัดต้องหาที่พักให้เขา สารพัด ต้องเก็บชำระล้างบรรดาที่เขาปล่อยออกมา ทั้งที่เขาไม่ใช่ลูกหลานเราเลย มานั่งทบทวนเลย ยกเขาให้คนที่เขารักจริงๆ ไปเลี้ยง ขออนุโมทนา การที่คุณชอบรักและเลี้ยงสุนัข นั้นไม่แปลกสำหรับปุถุชนเลย ถ้าเป็นไปได้ ขอให้คุณเลิกเลี้ยงสุนัข นำเวลาไปสิกขาธรรม เพื่อให้เข้าใจ เรื่องกรรม มากยิ่งขึ้นแล้วคุณจะรู้ถึงเหตุผลที่ดิฉันแนะนำว่าอย่าเลี้ยงสัตว์เลี้ยง แม้พระราหุล ราชกุมารประสูติมา พระมหาโพธิสัตว์ยังทรงเด็ดเดี่ยวออกบรรพชาเพื่อแสวงหาสัจธรรม และในพระปาฏิโมกข์เอง ทรงห้าม พระภิกษุเลี้ยงสัตว์ เลี้ยงเด็ก ต้องมีเหตุผล ลองหาอ่านดูนะคะ วันที่น้ำท่วม คงจำได้ว่า คนที่สมบัติ ญาติ สัตว์เลี้ยงมากนั้น เขาลำบากกว่า คนที่มีน้อยใช่ไหมคะ ถ้า ไม่อยากทุกข์ๆ สุขๆ อยู่บ่อยๆ ลองทำตามคำแนะนำดูนะคะ ผมมีเวลาและรักเขาทั้งหลายครับ เลี้ยงดูตามฐานะที่เป็นอยู่ ที่เลี้ยงไว้ทั้งหมด เฉพาะในบ้าน ล้วนแต่เก็บมาจากที่คนอื่นนำไปทิ้ง บางตัวก็รอดจากการวางยา


สำหรับตัวที่ตาย ที่ผมเองมีส่วนนั้น น้องเขาเป็นของคนอื่น ด้วยความสงสารว่าอดอาหารก็เลยดูแล ตอนนี้ อ่านความเห็นของทุกท่าน ได้สติบ้างแล้วครับ เพียงแต่จะไม่ให้คิดถึงเลย คงลำบาก


พยายามหาธรรมะอ่าน ในแง่ที่ว่า ความห่วงคือความทุกข์นั้น เป็นความจริง ตัวเราเองเราตัดได้ แต่สัตว์เลี้ยง เขายังต้องมีเรา ต้องพึ่งเรา เขาเกิดมาแล้ว มีสิทธิ์ที่จะมีชีวิตเช่นมนุษย์


ดีใจที่ตนเองมาพบเว็บไซต์นี้ ถือว่าเป็นเพื่อนชีวิตในยามทุกข์ใจเช่นนี้ ทุกข์ในความเจ็บป่วย และสารพัดความคิดที่รุมเร้าเข้ามา จะพยายามปฏิบัติตามคำแนะนำที่เป็นประโยชน์จากทุกท่าน

ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
homenumber5
วันที่ 27 เม.ย. 2555

เรียนท่านเจ้าของกระทู้

สัตว์เลี้ยง เขายังต้องมีเรา ต้องพึ่งเรา

ดิฉันขอเสนอความเห็นดังนี้ค่ะ

เท่าที่ทราบ สัตว์ล้วนแต่เริ่มอาศัยในป่า ต่อมา คน มาตั้งชุมชนและนำสัตว์ป่า มาฝึกและใช้งาน จนนำมาเลี้ยงดูเพื่อความสวยงาม หรืออื่นๆ

ดิฉันกลับมองว่าถ้าจะยุติธรรมกับสัตว์ ปล่อยเขาไปอยู่ตามธรรมชาติ หากคน เลี้ยงสัตว์เลี้ยงน้อยลง คนขายก็เลิกขายและลดการนำสัตว์มาเลี้ยงเพื่อขายนะคะ

แต่หากว่า กลัวว่าสัตว์ป่า อยู่ลำบากเพราะป่าน้อยลงก็ควรหันไปป้องกันการทำลายป่า ช่วยกันปลูกป่า

ทุกวันนี้ เราบางส่วน วาจาว่ารักป่า แต่ก็ชอบนำไม้มาทำเครื่องเรือนที่หรูหราเกินจำเป็น ชอบไปพักบ้านที่เกิดจากการถางทำลายป่า ตามธรรม ดิฉันคิดว่า มีอกุสลที่ไม่ต่างกันเลย

ลองคิดว่าเราเป็นสุนัข เสือ เราอยากอยู่อิสระกับครอบครัวในป่า หรือในบ้านล่ะคะ

และถ้าเราปล่อยเสือมากๆ เข้าป่า ดูสิว่า คนจะกล้าเข้าไปทำลายป่าแบบปัจจุบันไหม

ขออนุโมทนา

ขอบคุณค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ