เงินทองซื้อปัญญาไม่ได้

 
เมตตา
วันที่  15 มิ.ย. 2554
หมายเลข  18560
อ่าน  2,567

ปัญญาคือ ความเห็นถูกเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ ปัญญารู้สภาพธรรม ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ทุกอย่างเป็นเพียงสภาพธรรม ที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ศาสนา อื่นใด ศาสดาใดๆ ก็สอนให้คนเป็นคนดี เว้นการกระทำชั่ว แต่ไม่สามารถสอนให้ละ กิเลสได้ ไม่สามารถสอนให้ละความไม่รู้ได้ ไม่สามารถสอนให้เกิดปัญญาเหมือน ดั่งพระพุทธศาสนาได้ เพราะยังเป็นเราที่ทำดี

แต่พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เราก็ไม่มี มีแต่ธรรมะ ทุกอย่างเป็นธรรมะ ปัญญาจะเกิดขึ้นได้จากการค่อยๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ การเจริญขึ้นของปัญญามีหลายระดับ ขั้น สูงสุดสามารถดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท ไม่ต้องมาเวียนเกิดอยู่ในวัฏฏะทุกข์อีกต่อ ไป เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีค่าที่สุดคือ ปัญญา ความเห็นถูก เข้าใจถูกนั้นสะสมอยู่ในจิต

ปัญญาอยู่ในจิต เงินทองไม่สามารถซื้อปัญญาได้ โจรก็ลักเอาไปไม่ได้ ไฟก็ไม่สา มารถเผาทำลายได้ ปัญญาถูกเก็บรักษาอยู่ในจิต มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็มิอาจซื้อ ปัญญาได้ ปัญญามีค่ายิ่งกว่าเงินทอง

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

กิเลสพึงละด้วยปัญญาเท่านั้น [กายสูตร]

ขออนุโมทนาค่ะ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 15 มิ.ย. 2554

ความเห็นถูก เข้าใจถูกนั้นสะสมอยู่ในจิต

ปัญญาอยู่ในจิต เงินทองไม่สามารถซื้อปัญญาได้ โจรก็ลักเอาไปไม่ได้ ไฟก็ไม่สา- มารถเผาทำลายได้ ปัญญาถูกเก็บรักษาอยู่ในจิต มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็มิอาจซื้อ ปัญญาได้ ปัญญามีค่ายิ่งกว่าเงินทอง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาพี่เมตตาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
SOAMUSA
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์ทุกท่านค่ะ

ปัญญามีค่ายิ่งกว่าเงินทอง

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

ก็บรรดาอริยทรัพย์เหล่านี้ (ศรัทธา ๑ ศีล ๑ หิริ (ความละอายต่ออกุศล) ๑ โอตตัปปะ (ความเกรงกลัวต่ออกุศล) ๑ สุตะ (การสดับตรับฟังพระธรรม) ๑ จาคะ (การสละ) ๑ ปัญญา ๑)

ทรัพย์คือปัญญาประเสริฐกว่าทรัพย์ทั้งปวง

... รู้จักค่าของปัญญา ... อยากมีอยากได้ ... มีเงินมากเท่าไรก็หาซื้อไม่ได้ ...

ปัญญาเกิดและสะสมได้ที่จิตชีวิตในแต่ละวันของแต่ละคนสะสมสิ่งทีดีและสิงที่ไม่ดีต่างๆ กันตามการสะสมของแต่ละบุคคล..การศึกษาพระธรรมทำให้เห็นรู้ทางการสะสมปัญญาที่เริ่มต้นด้วยการฟังธรรมะให้เข้าใจ ... เป็นปัญญาสูงสุดดับกิเลสเป็นสมุทเฉท


ท่านสุเมธดาบส (พระโพธิสัตว์) กล่าวว่า“เมื่อทุกข์มีอยู่ แม้ธรรมดาสุขก็ย่อมมี ฉันใดเมื่อภพ มีอยู่ แม่ภาวะที่มิใช่ภพ บุคคลก็พึงปรารถนา ฉันนั้น ... ..เมื่อความร้อนมีอยู่ ความเย็นตรงกันข้าม ก็มีอยู่ ฉันใดเมื่อไฟ ๓ กอง (โลภะ โทสะ โมหะ) มีอยู่นิพพานเครื่องดับไฟ บุคคลก็พึงปรารถนา ฉันนั้น ... .,เมื่อความชั่วมีอยู่ แม้ความดี ก็ย่อมมี ฉันใดเมื่อชาติ (ความเกิด) มีอยู่ แม้ที่มิใช่ชาติ (ความไม่เกิด) บุคคลก็พึงปรารถนา ฉันนั้น”

(ข้อความบางตอนจาก ... มธุรัตถวิลาสินี อรรถกถา ขุททกนิกาย พุทธวงศ์)

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 16 มิ.ย. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 17 มิ.ย. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ