ผู้รักพระพุทธเจ้า

 
dets25226
วันที่  3 ม.ค. 2555
หมายเลข  20296
อ่าน  4,340

พระองค์ไม่เคยอยู่ห่างผู้ทุกข์ยากและเข็ญใจ ทรงเป็นที่พึ่งอันหาได้ยาก แก่คนไม่มีที่พึ่ง ผมเพิ่งทราบว่า สิ่งที่เรียกว่า เจตสิก มันเขียนเป็นตัวหนังสือไม่ได้


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ก่อนจะเป็นพระพุทธเจ้า พระองค์ทรงบำเพ็ญบารมี มานับชาติไม่ถ้วน ด้วยพระมหากรุณาคุณกับสรรพสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพระองค์เลย แต่พระองค์ทรงนึกถึงสรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ยังมีความทุกข์ที่จะต้องเกิดและตายอยู่ร่ำไป จึงตั้งความปรารถนา ด้วยการทำกุศลประการต่างๆ และบำเพ็ญบารมี คือ กุศลประการต่างๆ นับไม่ถ้วน ต้องบริจาค ทรัพย์ ภรรยา บุตรอันเป็นที่รัก ดวงตา อวัยวะ และแม้ชีวิต ของพระองค์ เพื่อบำเพ็ญบามรมี เพื่อความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อช่วยสรรพสัตว์ทั้งหลาย หากท่านรักตัวท่าน พระองค์ก็คงบรรลุเป็นสาวก เมื่อครั้งสมัยพระพุทธเจ้าพระนามว่า ทีปังกรแล้ว

ดังนั้น พระพุทธองค์ ทรงรักสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยเมตตา ไม่ใช่ด้วย โลภะ เพราะมีเมตตา กรุณา จึงทรงบำเพ็ญบารมี และเมื่อได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็แสดงสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ คือ ความจริงของสภาพธรรม โดยไม่ใช่เพื่อลาภ สักการะ สรรเสริญ แต่เพื่อประโยชน์ของผู้ที่ได้รับฟัง จะเข้าใจพระธรรมและปัญญาเจริญขึ้น ดับกิเลสได้ครับ และพระองค์ก็เป็นผู้มีจิตเสมอกันกับสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งกับพระเทวทัต และ ท่านพระราหุล ก็มีเมตตาเสมอกัน รักสัตว์โลกด้วยเมตตาเสมอกัน เมื่อ พระองค์แสดงธรรม ย่อมไม่คิดว่า เราจะแสดงกับผู้นี้มาก เพราะ เป็นที่รัก มียศตำแหน่ง ใหญ่ และจะแสดงธรรมกับผู้นี้น้อย เพราะยากจน ไม่มีตำแน่ง ไม่เป็นที่รัก พระองค์ไม่เป็นอย่างนั้น ผู้ใด สมควรได้รับธรรมเท่าไหร่ พระองค์ก็แสดงตามการสะสมและสมควร กับผู้นั้น โดยไม่เลือกชนชั้น วรรณะเลยครับ ที่ใด หากเป็นที่สุขสบาย ร่มรื่น แต่หากที่นั้นเป็นที่ไม่มีสัตว์โลกที่จะรู้ธรรม หรือ เข้าใจธรรมได้ พระองค์ก็ทรงหลีกจาริกไปที่อื่น ไม่ได้เห็นแก่ความสุขส่วนพระองค์ ว่าที่นี้เป็นที่สบาย ควรจะพักอยู่ก่อน พระองค์ไม่ได้คิดถึงตรงนั้น แต่ทรงคิดถึงสัตว์โลก เป็นสำคัญ หากแม้ที่นั้นจะเป็นกองขยะ สกปรก แต่ ที่นั้น มีสัตว์ที่จะบรรลุได้ พระองค์ก็ทรงละ คันธกุฎีที่ดุจวิมานบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ไป โปรดในที่สกปรก เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลกผู้นั้นจริงๆ ดังเช่น พระองค์ไปโปรด สูจิโลมยักษ์ ที่เป็นสถานที่ดุจกองยะ และ โปรด พระเจ้าปุกกุสาติ ที่บวชด้วยศรัทธา มาพัก ที่โรงช่างหม้อที่สกปรกเหลือประมาณ พระองค์ก็ไปโปรดคนทั้งสองจนบรรลุธรรมครับ นี่คือ ความรัก ความเมตตาของพระพุทธเจ้าที่มีต่อสัตว์โลก ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ส่วนผู้ที่จะรักพระพุทธเจ้า ก็ควรเป็นผู้กตัญญูรู้คุณของพระองค์ ด้วยพระองค์ทรงมีพระประสงค์ให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรม เจริญปัญญา ตามที่พระองค์ทรงแสดง เราก็ควร เป็นผู้ที่รัก กตัญญูด้วยการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้เข้าใจ จึงชื่อว่าเป็นผู้รัก และ กตัญญูต่อพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ดังเช่น เมื่อพระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระภิกษุทั้งหลาย ต่างก็ติดตามพระพุทธเจ้า แต่มีพระภิกษุรูปหนึ่ง หลีกเร้น และอบรมปัญญาอยู่ผู้เดียว ไม่ยอมติดตามพระองค์ ภิกษุทั้งหลายก็กราบทูลว่า ภิกษุรูป นี้ไม่ได้มีความรักต่อพระองค์ พระพุทธเจ้าทรงเรียกภิกษุรูปนั้นมา ภิกษรูปนั้น จึงกราบทูลความจริง พระพุทธองค์ทรงสรรเสริญ และตรัสว่า ภิกษรูปนี้ เป็นผู้ที่รักและเคารพเราจริง เพราะเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ครับ ประโยชน์ คือ ฟังพระธรรม และ ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ชื่อว่า รักต่อพระองค์และกตัญญูต่อพระองค์อย่างแท้จริง

ดังนั้น สภาพธรรมที่พระองค์ทรงแสดงก็คือ สิ่งที่มีจริงในขณะนี้ แม้จะไม่ใส่ชื่อว่า จิต เจตสิก ก็มีจริง ซึ่งจะรู้ได้ด้วยการเจริญสติปัฏฐาน ผู้ที่เข้าใจพระธรรมย่อมซาบซึ้ง และเห็นคุณค่าของพระธรรม เพราะปัญญาที่เกิดขึ้นจากการเข้าใจพระธรรมนั่นเอง ครับ

ขออนุโมทนาในความเห็นถูกนะครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...

เรื่องพระอัตตทัตถเถระ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นผู้เสด็จอุบัิติขึ้นในโลกเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง จากการที่สัตว์โลกเป็นผู้เต็มไปด้วยกิเลสมากมาย อันสะสมมาอย่างเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ เมื่อได้สะสมบารมีอันเป็นเหตุที่ดีมา ได้ฟังพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ก็สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น สูงสุด คือ ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ ทำให้เป็นผู้พ้นจากกองทุกข์ทั้งปวง สิ้นทุกข์ในวัฏฏะ

จะเห็นได้ว่าพระองค์ทรงประกาศพระศาสนา ด้วยการแสดงพระธรรมตลอด ๔๕ พรรษา โดยไม่ทรงเว้นโอกาสที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกเลย ไม่ว่าจะทรงพบใคร ณ สถานที่ใดก็ตาม ซึ่งผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

บุคคลผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความตั้งใจ ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตามกำลังปัญญาของตนเอง ซึ่งเป็นการยากมากที่จะได้ฟัง พระธรรมแต่ละคำ ซึ่งเกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์นั้น ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเริ่มฟัง เริ่มศึกษา ความรู้ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ เมื่อได้ฟัง ได้ศึกษา แล้วก็จะต้องน้อมประพฤติปฏิับัติตามด้วยความจริงใจ เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง ด้วย จึงจะได้ชื่อว่ามีความเคารพรักในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เคารพบูชาด้วยการน้อมประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง ครับ.

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เซจาน้อย
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 3 ม.ค. 2555

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 3 ม.ค. 2555

คำว่า สัมมาสัมพุทธะ หมายถึง ตรัสรู้ชอบโดยพระองค์เอง ไม่มีใครสอน เมื่อพระองค์ตรัสรู้แล้ว ทรงยังสัตว์โลกให้ตรัสรู้ตามพระองค์ด้วย พระองค์ทรงข้ามพ้นสังสารวัฏฏ์ได้แล้ว ทรงยังให้ผู้อื่นข้ามได้ด้วย พระองค์เป็นผู้ตื่นจากกิเลสแล้ว ก็ทรงยังผู้อื่นให้ตื่นจากกิเลสตาม ทั้งหมดเพราะพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
วิริยะ
วันที่ 3 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 4 ม.ค. 2555

พระพุทธเจ้าประกอบด้วยคุณ ๓ ประการ

๑. พระปัญญาธิคุณ

๒. พระบริสุทธิคุณ

๓. พระมหากรุณาคุณ

พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมะตามความเป็นจริงแล้วสั่งสอนสัตว์โลกให้รู้ตาม เพื่อพ้นทุกข์จนดับกิเลสเป็นสมุจเฉทด้วยพระมหากรุณาคุณ บุคคลผู้ให้ย่อมเป็นที่รักและหากการให้ที่ยิ่งใหญ่ด้วยพระคุณ ๓ ประการที่เหนือมนุษย์และเทวดา ในพระไตรปิฎกกล่าวว่าไม่อาจกล่าวได้

[เล่มที่ 21] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 367

ข้อความบางตอนจาก

อรรถกถา จังกีสูตร

บทว่า อปริมาณวณฺโณ มีพระคุณหาประมาณมิได้ ท่านแสดงความว่า มีพระคุณที่แม้พระสัพพัญญูเหมือนๆ กัน ก็ประมาณไม่ได้ จะป่วยกล่าวไปไยกับคนเช่นเรา. สมจริง ดังคำที่ท่านกล่าวไว้ว่า แม้พระพุทธเจ้าจะพึงกล่าวคุณของพระพุทธเจ้า หากกล่าวคุณของกันและกันไปตลอดทั้งกัป กัปพึงสิ้นไปในระหว่าง เป็นเวลาช้านาน พระคุณของพระตถาคต หาสิ้นไม่ ดังนี้.

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
intra
วันที่ 4 ม.ค. 2555

เมื่อได้มีโอกาสศึกษาพระธรรม จึงรู้ว่าเปรียบพระกรุณาดังสาครยังกล่าวน้อยไป เพราะทรงได้นำสัตว์ข้ามโอฆะกันดาร สำหรับผู้ที่ยังข้ามไม่ได้ ก็ยังชี้ทางที่สามารถบรรเทาทุกข์ แสดงถึงพระธรรมคำสอนมีหลายระดับ ก็ขอนอบน้อมประพฤติตามพระธรรมที่ทรงแสดงค่ะ

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
tanakase
วันที่ 4 ม.ค. 2555

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 5 ม.ค. 2555
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
สิริพรรณ
วันที่ 9 มิ.ย. 2560

กราบนอบน้อมพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์

กราบบูชาพระธรรมของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

กราบพระอริยสงฆ์สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ศึกษาพระธรรมสะสมความเข้าใจพระธรรม ประพฤติตามพระธรรมด้วยความเข้าใจ ค่อยๆ เข้าใกล้พระพุทธองค์ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

ขออนุโมทนาขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ต.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ