การต่ออายุ

 
samroang69
วันที่  3 พ.ย. 2554
หมายเลข  19960
อ่าน  2,468

เรื่องของการสวดต่ออายุที่่มีในสังคมไทยทุกวันนี้ยังมีอยู่ซึ่งเป็นสิ่งที่่ไม่น่าจะมีในยุคนี้แต่ก็มีนี้เป็นเพราะเหตุใด ถึงได้มีความเห็นผิดกันมากขึ้น เช่นการฟังเทศก็มีการแหล่ถึงจะมีคนฟังกันเยอะ บางที่พระก็ร้องเพลงด้วยแต่โยมก็ชอบและความหน้าจะเป็นในการเทศนาของพระภิกษุในได้ปฏิบัติสืบๆ กันมาเป็นที่ถูกต้องหรือไม่เช่นพระใหม่ที่เอาตำราขึ้นไปอ่านๆ แล้วก็ลงมา หรือพระที่เป็นพระนักเทศก็เทศไปตามความเข้าใจของตน แต่ก็ยังไม่มีความรู้ที่ลึกซึ่งที่จะเป็นประโยชน์จริงๆ กับผู้ฟัง

และยังมีเรื่องอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะให้ท่านผู้รู้ได้รบกวนช่วยตอบให้ด้วย คือว่า การที่นำปลาไปปล่อย ก้เป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากที่มีเณรที่อาจารย์ได้ดูดวงให้เณรไว้ว่าจะต้องตายในอีก ๗ วันก็เลยให้เณรกลับไปหามารดา ในระหว่างทางก็ได้เห็นปลาในหนองที่่กำลังจะแห้งขอด ก็เลยจับเอาปลาไปปล่อย ก็เลยทำให้เณรนั้นไม่ตายตามเวลาที่อาจารย์ได้ทำนายไว้ ก็เลยมีการปล่อยนกปล่อยปลากันมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ในสมัยนี้ก็มีการที่มีคนขายปลาเอาไว้ให้คนที่ต้องการรปล่อยปลาตามที่ใกล้กับวัดหรือสถานที่ต่างๆ ทั่วไป นี้เป็นความผิดหรือผิด แล้วการที่ผู้ที่ต้องการจะทำบุญในการปล่อยปลานั้นไปซื้อปลาในตลาดนั้น เพื่อที่จะนำปลาไปปล่อยนั้นก็เป็นความเข้าใจที่ว่าจะได้บุญมากกว่าที่จะซือที่่เลี้ยงขายไว้ให้ปล่อยเป็นการเห็นถูกหรือไม่ จะได้บุญจริงไหม การที่จะให้ได้บุญจริงๆ นั้นควรจะทำอย่างไร และสิ่งนั้นจะเป็นการช่วยต่ออายุหรือเสริมดวงได้จริงหรือไม่ ก็มีพระสอนโยมกันมากในเรื่องนี้ จะเป็นการส่งเสริมให้ผู้ขายทำบาปมากขึ้นหรือไม่ เพราะว่าผู้ที่จะเอาปลามาขายก็ต้องซื้อมาขายผู้ที่เอามาขายก็ต้องไปจับมาหรือเลียงไว้ ไม่ได้เป็นอย่างที่เณรไปเจอโดยบังเอิญคำถามอาจจะเขียนแล้วงงๆ นิดหนึงนะครับ ขออภัยด้วย รบกวนหน่อยนะครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 3 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย สำหรับการสวดต่ออายุ ในความเป็นจริง การสิ้นชีวิตเป็นผลของกรรม คือ เมื่อถึงเวลา

ก็สิ้นชีวิต จุติจิตเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาอันสมควร อันตามเหตุปัจจัยที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็น

เรื่องของผลของกรรมที่เป็นวิบาก จึงไม่มีใครจะบังคับบัญชาให้เป็นไปตามใจ หรือ ตาม

ต้องการได้ครับ ในพระไตรปิฎก ได้แสดงในเรื่องการต่ออายุ ในคาถาธรรมบท เรื่อง อายุ

วัฒนกุมาร ซึ่ง เด็กคนนี้ อาจจะสิ้นอายุในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บิดา มารดาของเด็ก ได้

นิมนต์ พระภิกษุสงฆ์และมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน เลี้ยงภัตตาหาร และให้มีการสวด

พระธรรม ยักษ์ที่จะเอาชีวิตเด็ก จึงไม่มีโอกาส เพราะเทวดามาประชุมกันมาก ยักษ์ไม่ไ่ด้

โอกาสที่จะเข้าใกล้เด็ก เพื่อเอาชีววิตเด็กครับ ทำให้เด็กมีอายุยืนต่อจากนั้น ซึ่งถ้าไม่

แยบคายก็คิดว่า เพราะมีการสวด จึงทำให้ต่ออายุของเด็กได้ในเรื่องนี้ แต่ในความเป็น

จริงแล้ว เพราะผลของบุญของเด็กเองที่อุปถัมภ์ให้เด็กมีชีวิตต่อ หากไม่ถึงคราวที่จุติ

จิตจะเกิด คือ สิ้นชีวิต ก็ไม่สามารถทำให้สิ้นชีวิตไ้ด้ครับ แต่เพราะบุญของเด็กเองที่

ตามอุปถัมภ์ จึงไม่ทำให้เด็กสิ้นชีวิตในตอนนั้น แต่ไม่ใช่การสวด จึงต่ออายุเด็กครับ ซึ่ง

ในเรื่องนี้ เด็กคนนี้ต่อมาก็ได้ฟังพะรธรรม บรรลุเป็นพระโสดาบันและได้มีอายุยืนนาน

ครับ ก็เพราะผลของบุญของเขาเองเป็นสำคัญครับ ดังนั้นการสวดต่ออายุ จึงเป็นความ

เข้าใจผิด คลาดเคลื่อนมาจากการศึกษาพระธรรมที่ผิด ไม่ถูกต้องครับ

ส่วนประเด็นเรื่องการปล่อยปลา เพื่อต่อายุก็เช่นกัน การกระทำกุศลเป็นไปเพื่อละ สละ

ขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น คือ ช่วยสัตว์ให้พ้นจากทุกข์

การปล่อยปลา จึงแสดงถึงความเมตตาของผู้ปล่อยที่ต้องการช่วยเหลือสัตว์ และ การ

ปล่อยสัตว์ไม่ใช่ต่ออายุของผู้ปล่อย เพราะการจะสิ้นชีวิตก็ตามกรรม คือ จุติจิตของผู้นั้น

ว่าจะเกิดเมือ่ไหร่ ไม่ใช่เพราะปล่อยปลาจึงจะทำให้อายุยืนขึ้นครับ

การศึกษาพระธรรมจะทำให้เกิดความเห็นถูกและความเข้าใจความจริงด้วยเหตุผลตาม

สัจจะความจริงทีพ่ระองค์ได้แสดงไำว้ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
samroang69
วันที่ 3 พ.ย. 2554

ขอคุณครับ งั้นก็แสดงว่าการที่ซื้อปลายอะไรเพื่อไปปล่อยก็ตามก็เป็นบุญเช่นกัน

จะมากหรือน้อยก็ตามที่มีเจตนนาของบุคคลที่จะทำการปล่อยปลานั้น ส่วนเรื่อง

ที่ว่าจะเป็นการส่งเสริมให้คนทำบาปมากขึ้นหรือไม่ในการหาหรือเลี้ยงมาขายมาก

ขึ้นก็ตาม ขอเพียงแต่เราผู้มีเจตนาดีแล้วก็ถือเป็นอันว่าใช่ได้ใช่ไหมครับ ก็เป็นเรื่อง

ที่ไม่ต้องคิดต่อไปว่าการที่จะให้คนอืนไม่เป็นบาปมากขึ้นนั้นเป็นอันไม่ต้องคิด เพราะ

หน้าที่ของแต่ละคนก็ทำไปตามหน้าที่ และทำไปตามอาชีพของๆ ตน ก็ไม่รู้ว่าความ

เข้าในตามนี้จะถูกหรือไม่ก็ขอให้ช่วยเสริมแก้ให้ด้วยครับ ขอบคุณ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 3 พ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 2 ครับ

การซื้อปลาไปปล่อยด้วยเจตนาช่วยเหลือ ขณะนั้นจิตเป็นกุศล กุศลไม่เปลี่ยน

ลักษณะครับ กุศลก็ต้องเป็นกุศล ขณะที่ช่วยเหลือ ไม่ไ่ด้มีเจตนาสนับสนุนให้ผู้อื่นทำ

บาป เอาปลามาขาย ไม่เช่นนั้นครับ เพราะขณะนั้นมีเจตนาดี ถ้าเรามั่นคงในเรื่องของ

กรรม สัตว์ที่จะถูกจับไม่ถูกจับไม่เกี่ยวกับเราเลยครับ ไม่เกี่ยวกับเราที่ไปซื้อจึงทำให้

แม่ค้าไปซื้อปลามา เพราะในความเป็นจริง สัตว์ คือ ปลาจะถูกจับมาก็เพราะกรรมของ

ปลาเอง ถ้าปลาไม่มีกรรมของตนที่จะต้องถูกจับก็จะไม่ถูกจับมาเลยครับ การมั่นคง

ในเรื่องของกรรมก็จะทำให้มั่นคงในการเจริญกุศลประการต่างๆ และเข้าใจบุคคลอื่น

ในการกระทำของแต่ละบุคคล ทุกคนก็มีหน้าที่และการสะสมแตกต่างกันไปครับ ขอ

อนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 3 พ.ย. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ขออนุญาตร่วมสนทนา ด้วยครับ -การสวดต่ออายุ ไม่มีในคำสอนทางพระพุทธศาสนา ไม่ใช่คำสอนในทางพระพุทธ-ศาสนา พระพุทธศาสนา เป็นคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูกตามความเป็นจริงตรงตามสภาพธรรม เป็นไปเพื่อละคลายขัดเกลากิเลส พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงแสดงพระธรรมโปรดเวไนยสัตว์ ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ทรงพร่ำสอนอยู่บ่อยๆ เนืองๆ ก็เพื่อให้ผู้ฟังมีความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง พร้อมทั้งน้อมประพฤติปฏิบัติตาม จนกระทั่งถึงความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสได้ในที่สุด ไม่ใช่สอนให้ทำอะไรด้วยความไม่รู้ สิ่งที่ไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมายบ่งบอกให้รู้ล่วงหน้า มีอยู่ ๕ อย่าง คือ ชีวิต จะเป็นอยู่ต่อไปอีกนานเท่าใด, จะตายเมื่อใด , จะตายที่ไหน ,จะตายด้วยโรคอะไร และ ตายแล้วจะไปเกิด ณ ที่ใด ไม่สามารถจะรู้ได้เลย อย่างไรๆ แล้ว ทุกคนก็จะต้องตาย จะต้องตายเหมือนอย่างคนอื่นๆ ที่ตายไปแล้ว นั่นแล จะเร็วหรือช้า ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ความตาย เป็นความจริงที่ทุกคนหลีกหนีไม่พ้น เมื่อถึงคราวตาย ใครๆ ก็ช่วยไม่ได้ ใครๆ ก็ต้านทานไว้ไม่ได้ แต่ช่วงเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ควรที่จะเป็นโอกาสของการสะสมคุณงามความดี เจริญกุศลประการต่างๆ ตามกำลังความสามารถของตนเองที่พอจะเป็นไปได้ รวมถึงการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกให้ยิ่งๆ ขึ้นไป ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ซึ่งไม่มีใครทราบได้ว่าจะเป็นวันไหนและเวลาใด -ประเด็นเรื่องปล่อยปลา รวมไปถึงปล่อยสัตว์อื่นๆ มีนก เป็นต้น นั้น ควรที่จะได้พิจารณาว่า บุญหรือกุศล นั้น อยู่ที่สภาพจิต สภาพจิตที่ดีงาม เกิดขึ้นในขณะใดก็เป็นบุญ เป็นกุศล แล้ว ในขณะนั้น สำหรับผู้ที่เห็นคุณของกุศล เห็นโทษของอกุศล ท่านก็จะไม่ละเลยโอกาสของการเจริญขึ้นของกุศลธรรม เป็นโอกาสที่จะปล่อยสัตว์ ก็ปล่อย ซึ่งเป็นการให้ชีวิตเป็นทาน เป็นการช่วยเหลือสัตว์ให้พ้นจากการจองจำ ให้ความเป็นอิสระ ทำให้สัตว์ได้พ้นจากความเดือดร้อนในขณะนั้น เป็นความปรารถนา ที่มีต่อสัตว์ เป็นกุศลจิต โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่า จะมาจากไหน ปล่อยไปแล้วเขาจะจับมาอีกหรือเปล่า จะเป็นการส่งเสริมให้คนจับสัตว์มาไว้ขายเพื่อปล่อยหรือไม่ เมื่อกุศลจิตเกิดขึ้น ก็ช่วยเหลือทันที ปล่อยทันที เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะ ถ้ากุศลจิตไม่เกิด แล้ว ก็จะเป็นโอกาสให้อกุศลจิต เกิด ซึ่งอกุศลนี้ไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว เมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว กุศลธรรม เป็น ธรรมที่ควรอบรมเจริญในชีวิตประจำวัน ส่วนอกุศลธรรม ควรละเว้นให้ห่างไกล ครับ ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ การที่เราทำทานปล่อยปลาเพื่อให้ชีวิตสัตว์ คาถาสืบดวงชะตาต่ออายุ? ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
samroang69
วันที่ 4 พ.ย. 2554

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 4 พ.ย. 2554

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
นันทภพ
วันที่ 4 พ.ย. 2554
ขอ อนุโมทนา ครับ, คำสอน ในพระพุทธศาสนา, ผม เคย จำได้ บ้าง จากการอ่าน ว่า มี เทวดา ถึง เวลา จุติ แต่ ไม่อยาก จุติ, ก็ ไป เฝ้า พระพุทธเจ้า กราบทูลถาม ว่า ทำอย่างไร?, พระพุทธองค์ ก็ ทรง แนะนำ ให้ สวดมนต์ เพื่อ จะได้ ไม่ต้องจุติ และ มี อายุต่อไปได้, นี้ ไม่ใช่ คำสอน ในพุทธศาสนา หรือ ครับ, ผมเรียน ถามมา เพราะว่า ไม่รู้ ครับ, กรุณา เฉลย ด้วย ครับ. ขอ สรรพสัตว์ ทั่วจักรวาล เป็นสุขๆ เถิด อย่ามีทุกข์กายทุกข์ใจเลย, สวัสดี ครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 4 พ.ย. 2554

เรียนความเห็นที่ 7 ครับ

จากข้อความที่ท่านผู้ถามยกมาที่ว่า เทวดารู้ว่าจะจุติ ท่านไม่อยากจุติ คือ ตาย ก็เลย

ไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงแนะให้สวดมนต์จึงไม่จุติ ข้อความที่กล่าวมานี้

ไม่มีในพระไตรปิฎกครับและในคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่มีว่า เมื่อเทวดารู้ว่าตนเอง

จะจุติ จะต้องไปเกิดในนรก จึงเดือดร้อนใจ จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า เพราะรู้ว่ามีแต่

พระพุทธองค์ที่จะเป็นที่พึ่ง พระพุทธเจ้าไม่ได้แนะนำให้สวดมนต์ แต่พระองค์ได้แสดง

ธรรมให้กับเทพบุตรนั้นและไ้ด้บรรลุเป็นพระโสดาบัน ดังนั้นประโยชน์คือปัญญาเกิด

จากการฟังพระธรรม ไม่ใช่การสวดมนต์ครับ ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
samroang69
วันที่ 4 พ.ย. 2554

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
lnwcat
วันที่ 4 พ.ย. 2554

ดูกรอานนท์ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญ กระทำให้มากซึ่ง
อิทธิบาท ๔ ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้มั่นคง สั่งสม ปรารภดีแล้ว ฯลฯ
ตถาคตหวังอยู่ พึงดำรงอยู่ได้กัลปหนึ่งหรือเกินกว่ากัลป..

ภูมิจาลสูตร

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
นันทภพ
วันที่ 6 พ.ย. 2554

ขอ ขอบพระคุณ ที่กรุณาเฉลย ครับ, ขอ อนุโมทนา ครับ,

ขอ สรรพสัตว์ ทั่วจักรวาล เป็นสุขๆ เถิด อย่ามีทุกข์กายทุกข์ใจเลย,

สวัสดี ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
mahabaramee
วันที่ 9 พ.ย. 2554

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ