ความรักเกิดมาจากอะไร

 
กัลยรัตน์
วันที่  1 ต.ค. 2554
หมายเลข  19822
อ่าน  3,618

ความรักเกิดมาจากอะไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 1 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ในความเป็นจริงที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่สภาพธรรมทีเกิดขึ้นและดับไป ที่เป็น จิต เจตสิกและรูปครับ แม้แต่ความรัก ก็ไม่พ้นจากความจริง คือ สภาพธรรมครับ ที่เป็น จิต เจตสิกทีเกิดขึ้น

ความรัก โดยสภาพธรรมแล้วก็คือ โลภะที่เป็นเจตสิกที่ติดข้อง พอใจ ยินดีในสิ่งใด สิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะรัก คู่ครอง แฟน สัตว์เลี้ยง หรือ รัก ติดข้องในวัตถุที่ชอบต่างๆ นั่นก็คือ สภาพธรรมที่เป็นโลภเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิต ที่เป็นจิตที่เป็นโลภะ ติดข้อง รักในสิ่งต่างๆ ครับ ดังนั้น เพราะมีโลภะเกิดขึ้น ความรักจึงเกิดขึ้น โลภะจะเกิดขึ้นได้ ไม่ต้องอาศัยหัวใจตามที่ชาวโลกสมมติกัน แต่อาศัยจิต เพราะถ้าไม่มีจิต ก็ไม่มีการเกิดขึ้นของโลภเจตสิกเช่นกันครับ

ดังนั้น หัวใจในที่นี้ มุ่งหมายถึง สภาพธรรมที่เป็นจิต แต่ไม่ใช่ หัวใจในร่างกาย หรือ สมองอย่างนั้นครับ และเมื่อว่าโดยละเอียด เมื่อจิตเกิดขึ้นโดยทั่วไปแล้ว ก็ต้องอาศัยที่เกิดของจิต ดังนั้น ความรักที่เป็นโลภมูลจิต คือ จิตที่เป็นโลภะเกิดขึ้นก็เกิดที่รูป ที่หทยรูป เป็นรูปที่อยู่ใกล้หัวใจ แต่ไม่ใช่หัวใจครับ สรุปคือ ความรักจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องอาศัย จิต แต่ไม่ใช่หัวใจในร่างกายนะครับ และอาศัยเจตสิประเภทต่างๆ เกิดร่วมด้วยและอาศัยที่เกิดของจิต คือรูปครับ เพราะฉะนั้น หากไม่สีสภาพธรรมทีเป็น จิต เจตสิก รูปก็ไม่สามารถเกิดความรักทีเป็นโลภะได้ครับ

ส่วนความรักเกิดขึ้นได้ โดยนัยพระสูตร แสดงไว้ดังนี้ครับ

[เล่มที่ 40] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑ - หน้าที่ 245

"ความรักนั้น ย่อมเกิดด้วยเหตุ ๒ ประการอย่างนี้ คือ ด้วยความอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยการเกื้อกูลกันในกาลปัจจุบัน ๑ เหมือนอุบล (อาศัยเปือกตมและน้ำ) เกิดในน้ำฉะนั้น."

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 1 ต.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาัสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เมื่อได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกไปตามลำดับ ก็จะมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเพิ่มมากยิ่งขึ้น จากที่ไม่รู้ก็จะค่อยๆ รู้ขึ้น ก่อนการศึกษาพระธรรม อาจจะมีการพูดคำที่ไม่รู้จักมากมาย โดยที่ไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่าหมายถึงอะไร ตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงหรือไม่ แต่เมื่อได้ศึกษาและเข้าใจแล้ว ก็จะพูดด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง ไม่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ชีวิตของแต่ละบุคคลที่ดำเินินไปในแต่ละวัน ล้วนไม่พ้นไปจากความเกิดขึ้นเป็นไปของสภาพธรรม กล่าวคือ จิต (สภาพธรรมที่เป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้แจ้งอารมณ์) เจตสิก (สภาพธรรมที่เกิดร่วมกับจิต) และ รูป (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่-สภาพรู้) ทั้งหมดนั้น เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน แม้แต่ที่ใช้คำว่า "ความรัก" ก็เช่นเีดียวกัน ถ้าไม่ใช่เพราะสภาพธรรมเกิดขึ้น ก็จะเป็นความรัก ไม่ได้เลย ไ่ม่พ้นไปจากธรรม เพราะมีสภาพธรรม

กล่าวคือ จิตและเจตสิก เกิดขึ้น จึงเป็นอย่างนั้นได้ ซึ่งเป็นอกุศลจิตที่ประกอบด้วยโลภะความติดข้องต้องการ ไม่ใช่-เพียงแค่ความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น ความรักพี่น้อง รักเพื่อน ก็ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมดังกล่าวนี้เช่นกัน จิต (และเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย) ที่เิกิดขึ้นแต่ละขณะๆ นั้น ก็ต้องมีที่เกิด ซึ่งเมื่อศึกษาไปตามลำดับ ก็จะเข้าใจได้ว่า ที่เกิดของจิต (และเจตสิกที่เกิดร่วมกับจิตในขณะนั้น) มีอยู่ ๖ รูป คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และ หทยวัตถุ โดยที่ ตา เป็นที่เกิดของจิตเห็น หู เป็นที่เกิดของจิตได้ยิน จมูก เป็นที่เกิดของจิตได้กลิ่น ลิ้น เป็นที่เกิดของจิตลิ้มรส กายเป็นที่เกิดของจิตที่รู้สิ่งที่กระทำสัมผัส ส่วนจิตที่เหลือทั้งหมด ต้องเกิดที่หทยวัตถุ หนึ่งในนั้นก็คือ อกุศลจิตที่ประกอบด้วยโลภะที่เป็นความรักความติดข้อง ก็เกิดที่หทยวัตถุ แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดเพราะปัจจัยหลายอย่าง ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ โดยปราศจากปัจจัย

ความรักความติดข้อง เป็นเหตุนำมาซึ่งทุกข์ ผลที่แท้จริงของความรักความติดข้อง ก็คือ ความทุกข์ที่เกิดเพราะความพลัดพรากจากสิ่งที่รักที่ติดข้อง นั้น

ที่ควรพิจารณาอีกประการหนึ่ง คือ ความรัก ความติดข้อง เป็นอกุศล นำมาซึ่งทุกข์ แต่ถ้าเป็นเมตตา ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อนต่อผู้อื่นแล้ว จะไม่เป็นทุกข์เลย เพราะขณะนั้นเป็นกุศล มีแต่ความหวังดี ความปรารถนาดีต่อกัน ไม่เจือปนด้วยอกุศล

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมได้ทีนี่ครับ

มีความรู้สึกถูกชะตา หรือ รักแรกพบเกิดจากสาเหตุใด

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
j.jim
วันที่ 1 ต.ค. 2554

เพิ่งได้ยินว่าความรักเป็นอกุศล เมื่อมาศึกษาธรรมนี่เองเป็นธรรมให้ผลเป็นทุกข์ ผู้ไม่ได้เป้นพุทธสาวกจะไม่รู้ บอกให้รักกันมากๆ ๆ ความทุกข์เพิ่มตามขนาด แต่เมตตาความเป็นเพื่อนเป็น กุศล ให้ผลเป็นสุข ต่างกันนะคะ ระวังด้วยนะ เพราะอาจเข้าใจผิดได้ กุศลจะไม่นำทุกข์นะจ๊ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 1 ต.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
kinder
วันที่ 1 ต.ค. 2554
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Graabphra
วันที่ 6 ต.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 8 ต.ค. 2554

เกิดจาก....กิเลสล้วนๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ผู้แสวงธรรม
วันที่ 21 ต.ค. 2554

ความรัก เกิดมาจากความใกล้ชิด เกิดมาจากความเคยชิน เกิดมาจากความอาลัยอาวรณ์ สามอย่างนี้ก่อให้เกิดความรัก เป็นสิ่งที่หลีกหนีได้ยาก ความรักก่อให้เกิดกิเลสนานับประการ มีทั้งอยากได้สิ่งตอบแทน และ ไม่อยากได้สิ่งตอบแทน จนกลายเป็นความหวงแหน การข้ามพ้นความรักได้เป็นสิ่งที่ยากนัก ไม่ว่า โลภ โกรธ หลง ย่อมมีความรักเป็นพื้นฐาน ความรักมีใจเป็นความรู้สึก และ เมื่อเกิดเป็นความรู้สึก จิตจึงมีหน้าที่เข้าไปรับรู้ รับรู้ในความรู้สึกนั้นๆ จึงกลายเป็นการปรุงแต่ง และ ยึดติดในสิ่งที่ปรุงแต่งนั้น

ขอให้เจริญในธรรมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
nong
วันที่ 21 ต.ค. 2554

ความรักเกิดจากความไม่รู้ จากกิเลส เป็นโลภะ... เปลี่ยนเป็นความเมตตาเกื้อกูลกันจะดีกว่า

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 22 ต.ค. 2554
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
kullawat
วันที่ 18 ก.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
chatchai.k
วันที่ 7 เม.ย. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ