พ่อแม่ คือ พระอรหันต์ของลูก

 
dets25226
วันที่  10 ส.ค. 2554
หมายเลข  18917
อ่าน  24,579

พ่อแม่ คือ พระอรหันต์ของลูก หมายความว่าอย่างไร


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย สำหรับพ่อแม่ ท่านเปรียบเหมือนบุรพเทพ

เทพมี 3 คือ

สมมติเทพ (พระราชา)

วิสุทธิเทพ (พระอรหันต์)

อุปัตติเทพ (เทวดาชั้นต่างๆ)

พ่อแม่เปรียบเหมือนวิสุทธิเทพ (พระอรหันต์) เพราะพระอรหันต์ ย่อมไม่ใส่ใจในความผิดของสัตว์ทั้งหลาย คิดแต่ประโยชน์เกื้อกูลและทำของที่บุคคลอื่นให้ ให้มีผลมาก พ่อแม่ก็เช่นกัน ไม่ใส่ใจในความผิดของบุตรที่ทำ คิดแต่จะเกื้อกูลนำประโยชน์ไปให้ และของที่นำมาให้ท่านก็มีผลมาก มีอานิสงส์มาก เช่นกันครับ

มังคลัตถทีปนีแปล เล่ม ๒ - หน้าที่ 201

[มารดาบิดาเป็นบุรพเทพของบุตร]

เหมือนอย่างว่า วิสุทธิเทพกล่าวคือพระขีณาสพ ไม่คำนึงถึงความผิดอันพวกชนพาลทำแล้ว หวังแต่ความเสื่อมไปแห่งความพินาศและความเกิดขึ้นแห่งความเจริญ ปฏิบัติเพื่อประโยชนสุขแก่พวกเขาโดยส่วนเดียวแท้ๆ และย่อมนำความที่สักการะทั้งหลายของพวกเขามีผลานิสงส์มาก เพราะเป็นทักษิไณยบุคคล ฉันใด มารดาและบิดาแม้นั้น ก็ฉันนั้น ไม่คำนึงถึงความผิดของบุตรทั้งหลายปฏิบัติเพื่อประโยชนสุขแก่บุตรเหล่านั้นโดยส่วนเดียวเท่านั้น เป็นผู้สมควรแก่ทักษิณา นำความที่สักการะของบุตรเหล่านั้นอันเขาทำแล้วในตน มีผลานิสงส์มาก เพราะฉะนั้น ท่านทั้ง ๒ นั้นจึงชื่อว่า เทพ เพราะเป็นผู้มีความประพฤติเช่นดังเทพ.


พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตก เล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 671

บรรดาเทพ ๓ จำพวกเหล่านั้น วิสุทธิเทพประเสริฐกว่าเทพทุกเหล่า. วิสุทธิเทพเหล่านั้นมุ่งแต่ความเสื่อมไปแห่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และการเกิดขึ้นแห่งประโยชน์แก่เขาเหล่านั้น โดยส่วนเดียว ไม่คำนึงถึงความผิดที่พาลชนทำไว้เลย ปฏิบัติเพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุข โดยการประกอบพรหมวิหารธรรมตามที่กล่าวแล้ว และนำความที่สักการะมีผลมากและอานิสงส์มากมายมาให้ชนเหล่านั้น เพราะเป็นทักขิไณยบุคคล ฉันใด แม้มารดาบิดาทั้งหลาย ก็เช่นนั้น เหมือนกัน มุ่งแต่ความเสื่อมไปแห่งสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ และการเกิดขึ้นแห่งประโยชน์แก่เขาเหล่านั้น โดยส่วนเดียว

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...

บุตรบูชามารดาบิดา [พรหมสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2554

มีหลายคนเคยตั้งข้อสังเกตว่า พยัญชนะที่ว่า "พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของบุตร" นั้นไม่มีในพระไตรปิฎก แต่ถ้าศึกษาและพิจารณาอย่างละเอียดแล้วจะเข้าใจตามข้อความที่ว่ามารดาบิดาเปรียบเหมือนวิสุทธิเทพ (วิสุทธิเทพ หมายถึง พระอรหันต์ ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด) ดังนั้น ข้อความที่ว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของบุตร กับ ข้อความที่ว่ามารดาบิดาเปรียบเหมือนวิสุทธิเทพ จึงมีความหมายเหมือนกันครับ

มารดา ยังเปรียบได้หลายอย่างคือ มารดาบิดา เปรียบเหมือนพรหมของบุตร เพราะท่านมีเมตตา มีกรุณา มุทิตา อุเบกขากับบุตร มีคุณธรรมดังเช่นพรหม คือ พรหมวิหาร 4

มารดาบิดาเปรียบเหมือนบุรพเทพของบุตร ซึ่งก็ได้กล่าวไปแล้วในความคิดเห็นข้างต้นในเรื่อง มารดา บิดาเหมือนวิสุทธิเทพ คือ พระอรหันต์

มารดาบิดาเปรียบเหมือนบุรพาจารย์ของบุตร คือ อาจารย์ ครูคนแรกนั่นเองที่คอยสั่งสอนชี้นำ แนะให้ทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่แรกเิกิดจนเดินได้ เป็นครูคนแรกของบุตรครับ

มารดาบิดาเป็นอาหุไนยบุคคลของบุตร คือ เป็นบุคคลที่ควรบูชา บูชาด้วยวัตถุต่างๆ เพราะท่านมีพระคุณมากนั่นเองครับ มารดาบิดาจึงเป็นบุคคลผู้ที่ควรได้รับการเลี้ยงดู การเอาใจใส่ดูแล การให้ความสะดวกสบาย การให้ความอบอุ่นทั้งทางกายและทางใจ และการเคารพสักการะบูชาจากบุตรอยู่ตลอดเวลาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2554

การตอบแทนพระคุณมารดาบิดา

ก็ถ้าบุตรวางมารดาไว้บนจะงอยบ่าขวา บิดาไว้บนจะงอยป่าซ้าย ด้วยหมายจักทำตอบแทนแก่ท่าน พึงประคับประคองในอวัยวะทั้งปวง ทำการบำรุงท่าน ผู้ดำรงอยู่บนจะงอยบ่าทั้ง ๒ นั้นนั่นแล ด้วยกิจมีการอบกลิ่นเป็นต้น,แม้มารดาบิดานั้น พึงนั่งถ่ายปัสสาวะและอุจจาระบนจะงอยบ่าทั้ง ๒ ของบุตรนั้นแล, บุตรนั้น ถึงทำอยู่อย่างนั้นตลอด ๑๐๐ ปี ก็ไม่อาจทำตอบแทนแก่ท่านได้เลย. แม้ถ้าบุตรพึงสถาปนาบิดาไว้ในความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ มารดาไว้ในความเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิไซร้ แม้อย่างนั้น ก็ไม่อาจทำตอบแทนได้เหมือนกัน.

ส่วนบุตรคนใด ยังมารดาบิดา ผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในความถึงพร้อมด้วยศรัทธา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่น ในความถึงพร้อมด้วยศีล ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่น ในความถึงพร้อมด้วยการให้ยังมารดาบิดาผู้ทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นในความถึงพร้อมด้วยปัญญา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้น ย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้วและทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ดูก่อนบุตรคหบดี มารดาบิดาผู้เป็นทิศเบื้องหน้า บุตรควรทะนุบำรุงด้วยสถาน ๕ คือ

๑. ท่านได้เลี้ยงเรามาแล้ว เราจักเลี้ยงดูท่านเหล่านั้น

๒. เราจักทำกิจของท่าน

๓. เราจักดำรงวงศ์ตระกูลไว้

๔. เราจักปฏิบัติตนเป็นผู้รับมรดก

๕. เมื่อมารดาบิดาล่วงลับไปแล้ว เราจักเพิ่มทักษิณาทานให้

บุตรธิดาผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาบิดานั้น บัณฑิตทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้นสรรเสริญแล้ว ความกตัญญูนั้นเป็นคุณธรรมข้อหนึ่งที่ควรจะอบรมเจริญให้มีขึ้นถึงแม้ว่า บุตรธิดาจะยังไม่สามารถกระทำตอบแทนมารดาบิดาได้อย่างสูงที่สุดก็ตาม แต่การที่ได้รู้ว่า ท่านทั้งสองนั้นเป็นผู้ที่มีพระคุณเลี้ยงดูเรามา แล้วทำการเลี้ยงท่านเป็นการตอบแทน กระทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งดำรงตนอยู่ในความถูกต้องดีงาม ย่อมเป็นสิ่งที่บุตรธิดาจะพึงกระทำ

ดังนั้น บุตรจึงควรระลึกถึงคุณของท่านที่มีมากและทำการตอบแทนท่านในทุกๆ ทาง ตามกำลังความสามารถของบุตรที่มี ดังเช่นที่ท่านเลี้ยงเรามา วันแม่จึงไม่ใช่มีวันเดียว แต่วันใดก็ตามก็เป็นวันที่เราควรทำดีกับบิดามารดาของเราเพราะท่านเป็นผู้มีพระคุณกับเรามากครับ ขออนุโมทนาบุญกับผู้อ่านและทุกๆ ท่านครับ

เชิญคลิกอ่านที่นี่ครับ ...

มารดาบิดาต้องการฐานะ ๕ อย่างจากบุตร [ปุตตสูตร]

บัณฑิตผู้รู้แจ้งพึงได้เพราะการบำรุงมารดาบิดา [โสณนันทชาดก]

การทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดา [สูตรที่ ๒]

ผู้เลี้ยงมารดาบิดาโดยธรรมย่อมเกิดในสวรรค์ [มาตุโปสกสูตร]

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า การบำรุงมารดาบิดาเป็นมงคล

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
dets25226
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ขอบคุณท่านอาจารย์มากครับ....

กระผมนั้น มีความเห็นว่า พ่อแม่นั้น เปรียบเหมือนอรหันต์บางประการเท่านั้น ไม่อาจกล่าวคำว่า เป็นพระอรหันต์ของบุตร ซึ่งผมมีความเห็นว่า เป็นข้อวินิจฉัยภายหลังและคำว่า บุรพเทพ ที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงนั้น ผมมีความเห็นว่า เป็นความหมายที่นอกเหนือจากเทพทั้ง ๓ ประการนั้น เหตุที่ผมมีความคิดเห็นเช่นนี้นั้น เพราะผมศรัทธาในพระอรหันต์มากครับ ไม่อาจเทียบได้กับปุถุชชน ซึ่งแม้เป็นบิดามารดาได้ ขอท่านอาจารย์ชี้แจงความเห็นของผมด้วยครับ

ด้วยความเคารพอย่างสูง

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

มารดาบิดาเป็นบุพพการี คือ เป็นผู้ที่กระทำอุปการะเลี้ยงดูบุตรมาก่อน กล่าวได้หลายนัยว่ามารดาบิดาเป็นพรหมของบุตร มารดาบิดาเป็นเทวดาของบุตร มารดาบิดาเป็นครูคนแรกของบุตร มารดาบิดาเป็นอาหุเนยยบุคคลของบุตร (คือ เป็นบุคคลผู้ควรแก่ของที่บุตรนำมาบูชา) มารดาบิดาเป็นบุคคลผู้ที่ควรได้รับการเลี้ยงดู การเอาใจใส่ดูแล การให้ความสะดวกสบาย การให้ความอบอุ่นทั้งทางกายและทางใจ และการเคารพสักการะบูชาจากบุตรอยู่ตลอดเวลา ถ้ากล่าวถึงพระคุณของมารดาบิดาแล้ว

ย่อมมีเป็นเอนกประการ มีการเลี้ยงดูอย่างดี พร่ำสอนไม่ให้ทำความชั่ว ให้ตั้งอยู่ในความดี ให้ศึกษาเล่าเรียนวิชาการต่างๆ เพื่อชีวิตจะได้ไม่ลำบากเดือดร้อนในภายหน้าเป็นต้น เมื่อมารดาบิดาเป็นผู้ที่มีพระคุณต่อบุตรเป็นอย่างยิ่งเช่นนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บุตรจะต้องมีความกตัญญูกตเวที คือ รู้ถึงพระคุณที่มารดาบิดากระทำแก่ตนแล้วกระทำตอบแทนท่าน เท่าที่จะเป็นไปได้ตามกำลังความสามารถของตนเอง และพร้อมทุกเมื่อทุกเวลา ทุกโอกาสที่จะกระทำสิ่งที่ดีตอบแทนท่าน ถ้าหากว่าบุตรคนใดไม่รู้คุณอีกทั้งไม่ทำการตอบแทนพระคุณของมารดาบิดา ย่อมชื่อว่าเป็นบุตรอกตัญญู ไม่ควรอย่างยิ่งเลยที่จะเป็นคนอกตัญญู เพราะคนอกตัญญู ย่อมไม่พบหนทางแห่งความเจริญในชีวิต ประการที่สำคัญที่ควรพิจารณา คือ ถ้าบุตรธิดา คนใด มีความเข้าใจธรรม ด้วยแล้ว ยิ่งจะเกื้อกูลแก่ท่านทั้งสองได้เป็นอย่างมาก คือ สามารถกระทำการตอบแทนท่านได้อย่างดีที่สุด นั่นก็คือ ให้ท่านได้เข้าใจธรรม ได้ฟังในสิ่งที่มีจริง ที่จะเป็นที่พึ่งสำหรับท่านทั้งสองได้อย่างแท้จริง เพราะถึงอย่างไรแล้ว บุตร ธิดา มารดาบิดา ก็จะต้องพลัดพรากจากกันอยู่ดี เมื่อความตายมาถึง [ความจริงเป็นอย่างนี้จริงๆ ] แต่สิ่งที่สะสมเก็บรักษาอย่างดีอยู่ในจิต คือ กุศลธรรมพร้อมทั้งปัญญา เท่านั้น ที่จะสืบต่อติดตามไปเป็นที่พึ่งในชาติต่อๆ ไปได้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 10 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 5 ครับ จากคำถามที่ว่า

กระผมนั้น มีความเห็นว่า พ่อแม่นั้น เปรียบเหมือนอรหันต์บางประการเท่านั้นไม่อาจกล่าวคำว่า เป็นพระอรหันต์ของบุตร ซึ่งผมมีความเห็นว่า เป็นข้อวินิจฉัยภายหลังและคำว่า บุรพเทพ ที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงนั้นผมมีความเห็นว่า เป็นความหมายที่นอกเหนือจากเทพทั้ง ๓ ประการนั้นเหตุที่ผมมีความคิดเห็นเช่นนี้นั้น เพราะผมศรัทธาในพระอรหันต์มากครับ ไม่อาจเทียบได้กับปุถุชน ซึ่งแม้เป็นบิดามารดาได้

การศึกษาธรรม เราจะต้องเข้าใจการแสดงธรรมโดยนัยเปรียบเทียบครับ แน่นอนครับว่าพระอรหันต์ดับกิเลสแล้ว ไม่ใช่พ่อแม่ที่ยังเป็นปุถุชน แต่จากข้อความที่แสดงนั้นกำลังสื่อถึงโดยนัยการเปรียบเทียบว่า พระอรหันต์ท่านมีคุณสมบัติเช่นนี้ คือ ไม่หวังร้ายกับคนที่ทำผิด แม้บิดา มารดาก็เป็นเช่นนั้น มีคุณสมบัติเหมือนท่านในข้อนี้ คือ ไม่หวังร้ายและไม่ใส่ใจในความผิดของลูกเช่นกัน ดังนั้น ท่านจึงเปรียบ บิดา มารดา เหมือนพระอรหันต์ ด้วยมีคุณสมบัติเหมือนพระอรหันต์ในบางข้อครับ และอีกข้อหนึ่งคือ ผู้ที่ทำบุญกับพระอรหันต์ก็มีผลมาก ฉันใด บุตรที่ทำบุญกับมารดา บิดา ก็มีผลมากเช่นกัน ดังนั้น ท่านจึงนำความเหมือนกันบางข้อ ของพระอรหันต์ ที่เหมือนกับบิดามารดามาแสดง โดยเปรียบมารดา บิดา ว่าเหมือนวิสุทธิเทพ คือ พระอรหันต์ครับ ดังนั้น เราจะต้องเข้าใจโดยนัยของการเปรียบเทียบครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
ผู้ร่วมเดินทาง
วันที่ 10 ส.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์ผเดิมและอาจารย์คำปั่นครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pat_jesty
วันที่ 10 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
หลานตาจอน
วันที่ 12 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
โชติธัมโม
วันที่ 15 ส.ค. 2554
ขอบพระคุณและขอน้อมจิตอนุโมทนาบุญด้วยเศียรเกล้าครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เจริญในธรรม
วันที่ 16 ส.ค. 2554

แล้วพ่อแม่ที่เลี้ยงเรามา เช่นป้าลุง (ไม่ใช่พ่อแม่ที่ให้กำเนิดแต่เราเห็นท่านเป็นพ่อแม่และโตมากับท่านแต่เล็ก7เดือนจนโต พ่อแม่แท้จริงเลิกกัน) แต่ท่านเห็นโทษที่เราทำ เช่นเราให้เงินน้อย ก็หาว่าเป็นเศษเงิน หวังให้เรามาเลี้ยงตอนเรียนจบ และคิดอยู่เสมอว่าให้เงินเราไปเรียนเท่าไหร่ สารพัดต่างๆ ,น้อยอกน้อยใจว่าเราไปแต่งงาน,เราไปหาแม่ก็หาว่าเราไม่สนใจท่าน,ด่าแม่แท้ๆ เราไม่เผาผี เพราะแม่เราพาสามีใหม่มาขโมยทอง แต่เราก็ไม่เห็นนะ คิดไปเอง? เคยไล่เราออกจากบ้านตอนเด็ก 11ขวบ เราก็ไปแต่สุดท้ายกลับมาเพราะอยากเรียนและไม่อยากอกตัญญู อย่างนี้ท่าน ถือเป็นอรหันต์ของลูกหรือไม่? (เห็นในหัวข้อท่านบอกว่า พระอรหันต์ของลูกจะไม่เพ่งโทษของลูก) และทำบุญได้บุญเท่าพ่อแม่ที่แท้จริงหรือไม่หรือเท่าพระอรหันต์หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
lovedhamma
วันที่ 17 ส.ค. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
paderm
วันที่ 17 ส.ค. 2554

เรียนความเห็นที่ 12 ครับ

โดยมากท่านหมายถึงพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดครับ ส่วนการตอบแทนพระคุณผู้ที่เลี้ยงเรามา แม้จะไม่ใช่พ่อแม่เราก็เป็นสิ่งที่สมควร ส่วนผลบุญนั้นก็คงไม่เท่ากับพระอรหันต์จริงๆ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 12 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ