พึงพิจารณากิจที่ทำแล้ว และ ยังมิได้ทำของตน

 
pirmsombat
วันที่  1 มี.ค. 2554
หมายเลข  17969
อ่าน  1,827

บุคคลผู้ไม่ควรทำคำแสยงขน

ของคนเหล่าอื่นไว้ในใจ

ไม่ควรแลดูกิจที่ทำแล้วและยังมิได้ทำ

ของคนเหล่าอื่น

พึงพิจารณากิจที่ทำแล้ว

และ

ยังมิได้ทำของตนเท่านั้น.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ทำคำแสยงขน มีนัยอย่างไรครับ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chaiyut
วันที่ 1 มี.ค. 2554

เรียนคุณจักรกฤษณ์ครับ

ในอรรกถาท่านกล่าวว่า คำแสยงขน เป็นคำหยาบคายครับ พระสูตรนี้ พระผู้มี-พระภาคทรงสอนให้อุบาสิกาท่านหนึ่ง ซึ่งกำลังมีจิตใจฟุ้งซ่าน เพราะถูกอาชีวกด่า

ทอเสียๆ หายๆ ให้นางตั้งใจฟังธรรม ไม่ควรคำนึงถึงคำที่ไม่เป็นที่รักใคร่ของผู้อื่นไม่ควรครุ่นคิดเก็บไว้ในใจ ควรพิจารณากิจ คือ การอบรมปัญญาของตนเท่านั้นครับ

ขอเชิญคลิกอ่าน >> พิจารณาตัวเองเป็นสำคัญ [เรื่องปาฏิกาชีวก]

ไม่พึงพิจารณาคนอื่น พึงพิจารณาตนเอง [เรื่องปาฏิกาชีวก]

กระทู้นี้เตือนใจดีมากครับ ผมคนหนึ่งที่มักเป็นทุกข์ใจเพราะคำแสยงขน เพราะมัวแต่ใส่ใจในคำของผู้อื่น ลืมเสมอว่าเป็นกรรมที่ตนได้ทำไว้ให้ผล และที่สำคัญ ลืมกิจของตน คือ การอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้ชัดในความจริงว่าสิ่งที่ปรากฏเป็นธรรมครับปัญญาน้อย จึงเดือดร้อนมาก ทางเดียว คือ ฟังธรรม น้อมประพฤติตามธรรม ขัดเกลากิเลสของตน อบรมบารมีในชีวิตประจำวันครับ "ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง"

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
pirmsombat
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณ chaiyut และทุกท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ขอร่วมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกระทู้นี้ ด้วยครับ พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น ไม่มีข้อความใด ที่พระองค์ทรงสนับสนุนส่งเสริมให้พุทธบริษัทเกิดกุศลจิตเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม บุคคลผู้ที่มีความเข้าใจตามความเป็นจริง ย่อมจะพิจารณาใส่ใจอยู่เสมอว่า เมื่อผู้อื่นประมาทอยู่ ประกอบแต่กุศลกรรมประการต่างๆ สร้างความเดือดร้อนให้กับบุคคลอื่น ทั้งด้วยกาย ด้วยวาจา ซึ่งจากใจที่เป็นกุศล แต่เราจะไม่เป็นอย่างนั้น จะเป็นผู้เห็นภัยในกุศลธรรมทั้งหลาย พร้อมทั้งอบรมเจริญปัญญาสะสมเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกของตนเอง จากการฟัง การศึกษาพระธรรมในชีวิตประจำวัน ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท เพราะชีวิตเหลือน้อยเต็มทีแล้วจริงๆ (เห็นด้วยกับความคิดเห็นของคุณ chaiyut ที่ว่า กระทู้นี้เตือนใจดีมากครับ) ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ และ ทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pirmsombat
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ขอบคุณและอนุโมทนาคุณคำปั่นครับ

ขอเรียนถามคุณคำปั่นว่า

นั่นไม่ใช่ของเรา

เราไม่ใช่นั่น

นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา ดังนี้

ภาษาบาลีว่าอะไรครับ

ทราบแต่ว่า

บทว่า เอตํ มม (นั่นของเรา) เป็นทิฏฐิมีความสำคัญ

เพราะตัณหาเป็นมูล.บทว่า เอโสหมสฺมิ (เราเป็นนั่น) เป็นทิฏฐิมีความสำคัญ เพราะมานะเป็นมูล.บทว่า เอโส เม อตฺตา (นั่นเป็นตัวตนของเรา) มีความสำคัญเพราะทิฏฐินั่นเอง.

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Jesse
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ขออนุโมทนาด้วยนะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
khampan.a
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น เรียน คุณหมอ ครับ (จากความคิดเห็นที่ ๕) ข้อความตอนหนึ่งจาก ... อลคัททูปมสูตร มีว่า [เล่มที่ 18] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑๘ - หน้าที่ ๒๘๙ อริยาสาวกผู้สดับแล้ว ผู้เห็นพระอริยะทั้งหลาย ฉลาดในธรรมของพระอริยะ ได้รับแนะนำดีแล้วในธรรมของพระอริยะ เห็นสัตบุรุษ ฉลาดในธรรมของสัตบุรุษ ได้รับแนะนำดีแล้วในธรรมของสัตบุรุษ ย่อมพิจารณาเห็นรูปว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา ฯลฯ ------------------------------------- เป็นเรื่องของปัญญาที่เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เมื่อเข้าใจตามความเป็นจริง ก็ไม่เห็นผิด ไม่ถือผิด ว่า เป็นตัวตน สัตว์ บุคคล หรือ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะเป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น คุณหมอถามถึงภาษาบาลีของคำ ๓ คำ กระผมก็พอจะนึกออกได้ แต่เพื่อความถูกต้องตรงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัส ก็ต้องค้นจากพระไตรปิฎก ฉบับภาษาบาลีอีกที พร้อมกับขออนุญาตแปลยกศัพท์มาให้ด้วย ดังนี้ ครับ เนตํ มม มาจากคำว่า (ไม่ใช่) เอตํ (นั่น) มม (ของเรา) = นั่นไม่ใช่ ของเรา เนโสหมสฺมิ มาจากคำว่า (ไม่) +เอโส (นั่น) + อหํ (เรา) + อสฺมิ (เป็น) = เราไม่เป็นนั่น น เมโส อตฺตา มาจากำคว่า (ไม่ใช่) เม (ของเรา) เอโส (นั่น) อตฺตา (ตัวตน) =นั่น ไม่ใช่อ้ตตา (ตัวตน) ของเรา ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ และ ทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
จักรกฤษณ์
วันที่ 1 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pirmsombat
วันที่ 2 มี.ค. 2554

คำอธิบายชัดเจน แจ่มแจ้ง มีประโยชน์มากครับ

ขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลจิต ความรู้ ปัญญาของคุณคำปั่นมากครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
pamali
วันที่ 2 มี.ค. 2554

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ