แค่นึกคิด จิตเป็นกุศลไหม

 
ืnotebook
วันที่  19 พ.ย. 2553
หมายเลข  17541
อ่าน  2,114

สวัสดีครับผมเพิ่งได้เป็นสมาชิกบ้านธัมมะใหม่ครับ ผมมีเรื่องสงสัยมานานแล้วครับ ขอให้ผู้ที่เข้ามาช่วยตอบหรือแนะทีครับ

..ผมชอบนึกถึงภาพพระพุทธรูปอยู่แทบจะทุกเวลาไม่เว้นเวลาเข้าห้องน้ำสิ่งที่ทำนั้นควรหรือไม่ครับแล้วการทำเช่นนี้เป็นกุศลไหม?

...เวลาผมอุทิศและแผ่ส่วนบุญผมขนลุกตลอดเวลาทำสิ่งที่เกิดคือไรครับ บุญที่ผมส่งให้นั้นจะได้รับหรือไม่ครับผม?

...มโนยิทธิที่เขาสามารถไปเห็นนิพพานได้นั้นเป็นสิ่งที่นึกขึ้นเองหรือเกิดขึ้นจริงครับผมก็อยากทำแต่กลัวว่ามันเป็นแค่ความนึกคิดให้เรายึดติด?

ผมขอขอบคุณทุกความคิเดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการปฎิบัติของผมต่อไปครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chaiyut
วันที่ 19 พ.ย. 2553

1. ควรเข้าใจถูกก่อนว่า ความคิด ก็เป็นจิตประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดตามเหตุปัจจัย และเป็นอนัตตา คือ ไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม ธรรม หมายถึง ทุกสิ่งที่มีจริง จิตมีจริง จิตเป็นธรรมประเภทหนึ่ง แต่จิตไม่ใช่เรา ที่ว่าไม่ใช่เราเพราะไม่เป็นไปในอำนาจของใคร จะบังคับจิตที่กำลังคิดว่าให้คิดแต่สิ่งที่ต้องการก็ไม่ได้ จะบังคับให้จิตที่เกิดขึ้นคิดว่าให้คิดสมควรแก่เวลาและสถานที่ก็ไม่ได้ จะห้ามไม่ให้จิตคิดอะไรก็ไม่ได้ เพราะธรรมชาติของจิตเป็นอย่างนั้น แม้จิตที่กำลังคิดถึงพระพุทธรูป ก็เกิดจากการสะสมอุปนิสัยการคิดอย่างนั้นมาก่อน การคิดจึงเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยจริงๆ ไม่มีใครจงใจให้สิ่งนั้นเกิด แต่สิ่งนั้นก็เกิด นี่คือธรรม นี่คืออนัตตา ขั้นแรกของการเข้าใจธรรม คือ ฟังธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงให้รู้และเข้าใจถูกจริงๆ ว่า สิ่งที่ปรากฏนั้น มีจริง เป็นธรรม มีจริงเพราะเกิดขึ้น ถ้าไม่เกิดจะไม่มีโอกาสรู้เลยว่าจริงอย่างไร แต่เพราะเกิดแล้วมีลักษณะให้รู้ ให้พิสูจน์ได้ จึงควรศึกษาให้รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นแต่เพียงสิ่งนั้นเท่านั้น เช่นจิตเป็นจิตเท่านั้น ไม่ใช่ของใคร เพื่อคลายการยึดมั่นถือมั่นสิ่งต่างๆ ว่าเป็นเรา ซึ่งการที่จะมีความรู้อย่างนี้ได้ ก็ต้องศึกษาธรรม อบรมปัญญา จนกว่าจะรู้ความจริงของสภาพธรรมที่เกิดปรากฏครับ

2. อาการขนลุก ขนลุกเพราะกุศลจิตก็ได้ หรือ ขนลุกเพราะอกุศลจิตก็ได้ ขณะนั้นมีปีติ คือ ความปลาบปลื้ม เอิบอิ่ม ตื้นตันเกิดร่วมกับจิต ซึ่งถ้าไม่ทราบแน่ชัดว่า ขนลุกขณะนั้นเป็นจิตประเภทไหน และไม่รู้ว่ากุศลคืออย่างไร อกุศลคืออย่างไร จิตนั้นก็เกิดแล้วดับแล้ว หมดแล้ว ผ่านไปแล้ว จึงไม่ควรใส่ใจถึง แต่ควรศึกษาธรรม ให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงซึ่งกำลังปรากฏในขณะนี้มากกว่าครับ

3. ถ้าไม่เข้าใจก่อนว่า สิ่งที่จะทำตามผู้อื่นนั้น คืออะไร ก็อย่าเพิ่งรีบไปทำตามใครเลยจะดีที่สุดครับ พระธรรมไม่ง่าย เป็นเรื่องละเอียด ควรศึกษาให้เข้าใจ เพื่อที่จะได้ไม่ปฏิบัติผิดไปจากคำสอนของพระพุทธองค์

ขอเชิญคลิกอ่าน >>>

เกี่ยวกับมโนมยิทธิ

มโนมยิทธิ

มโนมยิทธิ คืออะไรครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 22 พ.ย. 2553

ผมชอบนึกถึงภาพพระพุทธรูปอยู่แทบจะทุกเวลาไม่เว้นเวลาเข้าห้องน้ำสิ่งที่ทำนั้น ควรหรือไม่ครับแล้วการทำเช่นนี้เป็นกุศลไหม ที่ว่าชอบคงมีเหตุ เช่นเกิดจากศรัทธาจริงๆ หรือหวัง ให้จิตเป็นกุศลหากศึกษาพระธรรมจะพบว่าจิตไม่ได้คิดตลอดเวลาเช่นคิดถึงพระพุทธรูป ปกติจะจิตมีเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ฯลฯ ขณะนั้นไม่ได้คิดถึงพระพุทธรูป ธรรมะเป็นอนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้ แค่ถ้ารู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดี จะพยายามทำสิ่งที่ไม่ดีหรือไม่?ความเข้าใจธรรมะที่ถูกต้องจะเป็นสิ่งที่ปรุงแต่งให้ทำสิ่งที่ถูกต้องโดยไม่ต้องทำด้วยความพยายามหรือบังคับตนเอง ตรงตามทีพระธรรมกล่าวว่าธรรมะเป็นอนัตตา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เซจาน้อย
วันที่ 19 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาในกุศลจิต และกุศลเจตนาของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 28 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ