จะอธิบายให้ผู้ที่สงสัยเรื่องชาติก่อนและชาติหน้ามีจริงอย่างไรจึงจะถูกต้อง

 
Nareopak
วันที่  29 ก.ค. 2553
หมายเลข  16831
อ่าน  1,227
น้องที่ทำงานไม่แน่ใจว่าอดีตชาติ (ชาติก่อน) และชาติหน้าจะมีจริงหรือไม่ (ในสมัยพุทธกาลมีผู้สงสัยแบบนี้หรือไม่และคำตอบหรือคำอธิบายมีว่าไว้อย่างไร) ในฐานะที่เป็นผู้ศีกษาธรรมควรเกื้อกูลเขาอย่างไร ขอบพระคุณค่ะ

  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 30 ก.ค. 2553

ในสมัยครั้งพุทธกาล ก็มีบุคคลผู้สงสัยเช่นนี้ และมีผู้ตอบเรื่องนี้เหมือนกัน เช่น

ใน ปายาสิราชัญญสูตร เป็นต้น * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ขอเชิญคลิกกระทู้เก่าที่...

มีคนถามผมว่า ทำไมถึงเชื่อว่าชาติที่แล้วมี ชาติหน้ามี

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ตัวอย่างพระสูตรคือ...

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ 369

๑๐. ปายาสิราชัญญสูตร

[ ๓๐๑] ข้าพเจ้าได้ฟังมาแล้วอย่างนี้ :- สมัยหนึ่ง ท่านพระกุมารกัสสป จาริกไปในแคว้นโกศล พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป มาถึงเสตัพยนครแห่งแคว้นโกศล อาศัย อยู่ ณ ป่า สีสปวัน ด้านทิศเหนือ เสตัพยนคร สมัยนั้น พระยาปายาสิ ครอบครองเสตัพยนคร ซึ่งมีปศุสัตว์มาก มีหญ้าไม้ และน้ำ มีธัญญาหารบริบูรณ์เป็นพระราชโภคทรัพย์ ที่พระเจ้าปเสนทิโกศล พระราชทานให้เป็นบำเหน็จความชอบ ครั้งนั้น พระยาปายาสิ เกิดความเห็นชั่วอย่างนี้ว่า แม้เพราะเหตุนี้โลกอื่นไม่มี สัตว์ผุดเกิดไม่มี ผลวิบากของกรรมที่สัตว์ทำดีทำชั่วไม่มี ดังนี้ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เรียบร้อย
วันที่ 30 ก.ค. 2553

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 30 ก.ค. 2553

ถ้าเชื่อเรื่องบุญ บาป มีจริง ชาตินี้ ชาติหน้าก็มีจริง เพราะทุกอย่าง

เป็นไปตามการสะสม เช่น ถ้าเห็นใครมีทรัพย์มาก มีรูปงามก็เกิดจาก

ผลของกุศลในอดีตชาติที่เขาเคยทำมา ตรงข้าม ถ้าเห็นใครยากจนลำบาก

พิการ ตาบอด ไม่มีขา ฯลฯ เป็นผลของกรรมในอดีตที่เขาทำมาเช่นกันค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 31 ก.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

แต่ละคนก็สะสมความเห็นถูกและความเห็นผิดมาแตกต่างกันไป พระพุทธเจ้าก็ไม่

สามารถจะช่วยให้ทุกคนมีความเห็นถูกได้หมด ไม่สามารถให้เชื่อเรื่องกรรมและผลของ

กรรม เรื่องชาตินี้ ชาติหน้าได้ทั้งหมดเพราะสัตว์โลกบางพวกก็ไม่ได้สะสมความเห็นถูก

ในเรื่องของความเห็นของชาตินี้ชาติหน้า หากเรามองเหตุการณ์ยาวๆ ไกลๆ หรือในสิ่งที่ยังไม่เกิดอีกนาน เช่นชาติหน้า สิ่งใดที่ยังไม่เกิดกับเขาในเวลายาวนาน เมื่อไม่

เห็นก็ย่อมไม่เชื่อ แต่สิ่งที่ไม่เห็น ไม่ได้หมายความว่าไม่จริง หากเรามองย้อนไปใน

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่เมื่อตอนเราเกิด มี จนเหตุการณ์มาถึงบัดนี้ เมื่อวานก็มี

วันนี้ก็ยังมี พรุ่งนี้ยังไม่เกิด แต่จะมีพรุ่งนี้ไหม หรือว่าพรุ่งนี้ไม่มีแล้วเพราะยังไม่เกิด ยัง

ไม่เห็น หากเรามองระยะเวลาสั้นๆ แม้ยังไม่เกิดก็ยังมีได้ เช่น พรุ่งนี้ เป็นต้น และถ้ามี

พรุ่งนี้ มะรืนบ่อยๆ จนถึงเมื่อตายไป เมื่อมีเหตุก็ยังมีพรุ่งนี้ของเขาหลังจากตายไป มี

มะรืนหลังจากตายไป เพราะฉะนั้นความจริงแล้วก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่เป็นจิตแต่ละ

ขณะที่เกิดขึ้นสืบต่อไปจนนับว่าวินาที นาที วันนี้ พรุ่งนี้ จนถึงจิตขณะสุดท้าย คือตาย

แล้วก็จิตอื่นก็เกิดต่อคือปฏิสนธิจิตเกิดต่อ เกิดอีกเป็นบุคคลอื่น การนับชาตินี้ ชาติหน้า

จึงเป็นเพียงสมมติ เพราะให้เห็นถึงความแตกต่างกันว่า เปลี่ยนไปบุคคลอื่นเท่านั้น แต่

ในความเป็นจริงแล้ว ก็เป็นเพียงจิตเกิดดับสืบต่อกันแต่ละขณะเท่านั้นครับ ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
ajarnkruo
วันที่ 31 ก.ค. 2553

ถ้ามีโอกาส เราก็เกื้อกูลให้เขาได้ศึกษาพระธรรมตามสมควร ดีกว่าการจะต้องคอยตามตอบคำถามให้เขา ซึ่งเขาก็อาจจะพอใจเพียงการได้คำตอบ แต่ไม่ถึงการน้อมใจที่จะศึกษาให้เป็นความรู้ถูก เห็นถูกของตนเอง ตราบใดที่เขายังไม่อบรมปัญญา เมื่อหมดปัญหาหรือความสงสัยอย่างหนึ่ง ก็อาจจะมีปัจจัยให้สงสัยอีกอย่างหนึ่งไม่สิ้นสุด ฉะนั้นควรสนับสนุนให้เขาศึกษาพระธรรมจนเกิดปัญญาของเขาเองเท่าที่จะกระทำได้ ส่วนการเกื้อกูลด้วยการให้ความเข้าใจเบื้องต้น ก็เป็นสิ่งที่ควรกระทำตามโอกาส แต่สิ่งที่สำคัญกว่า คือ เขาสนใจศึกษาพระธรรมหรือไม่ ถ้าไม่ การจะเกื้อกูลบุคคลนั้นก็จะเป็นประโยชน์น้อย และ ยากที่จะช่วยให้เขาสามารถเข้าใจพระธรรมในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าพอจะช่วยอะไรได้ เราก็ควรช่วยครับ เช่น การแนะนำให้เขาเข้าเว็บไซต์นี้เพื่อศึกษาพระธรรมด้วยตัวของเขาเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Nareopak
วันที่ 31 ก.ค. 2553
ขออนุโมทนากับทุกความคิดเห็นค่ะ... และเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ต้องประเมินผู้ถามก่อนว่าเขาอยากจะทราบจริงๆ หรือไม่เพราะไม่งั้นจะกลายเป็นข้อถกเถียงอธิบายไปก็จะเหนื่อยเปล่า (เผลอสติเมื่อไหร่โทสะก็จะเข้ามาร่วมด้วยทันทีเพราะปัญญายังมีน้อย)
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ