ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับโลก [ปุปผสูตร]

 
Khaeota
วันที่  11 พ.ค. 2553
หมายเลข  16117
อ่าน  1,457


พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 313๒. ปุปผสูตร

ว่าด้วยพระพุทธองค์ไม่ขัดแย้งกับโลก

[๒๓๙] กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตไม่กล่าวขัดแย้งกับโลก แต่ชาวโลกกล่าวขัดแย้งกับเราตถาคต. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้กล่าวเป็นธรรม จะไม่กล่าวขัดแย้งกับใครๆ ในโลก. สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าวสิ่งนั้นว่าไม่มี. สิ่งใดที่บัณฑิตในโลกสมมติว่ามี แม้เราตถาคตก็กล่าวว่ามี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี ซึ่งเราก็กล่าวว่าไม่มี นั้นคืออะไร ? คือรูปที่เที่ยงยั่งยืน สืบต่อกันไป มีความไม่แปร-ปรวนเป็นธรรมดา บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าวรูปนั้นว่าไม่มี เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ เที่ยง ยั่งยืนสืบต่อกันไป มีความไม่แปรปรวนเป็นธรรมดา ที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่าไม่มี แม้เราตถาคตก็กล่าววิญญาณนั้นว่า ไม่มี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือสิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่าไม่มี ซึ่งเราตถาคตก็กล่าวว่า ไม่มี.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งที่บัณฑิตในโลกสมมติว่า มี ซึ่งเราตถาคตกล่าวว่ามี คืออะไร? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คือ รูปไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่ามี แม้เราตถาคตก็กล่าวรูปนั้นว่ามี เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่ามี แม้เราตถาคตก็กล่าววิญญาณนั้นว่ามี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลคือสิ่งที่บัณฑิตทั้งหลายในโลกสมมติว่ามี ซึ่งเราตถาคตกล่าวว่ามี.


[๒๔๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในโลก มีโลกธรรม พระตถาคต ย่อมตรัสรู้ ย่อมบรรลุ ครั้นแล้วก็บอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผยกระทำให้ตื้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมในโลกคืออะไร ? พระตถาคต-เจ้า ตรัสรู้ บรรลุธรรมนั้น ครั้นแล้ว ก็บอก แสดง บัญญัติแต่งตั้ง เปิดเผยจำแนก กระทำให้ตื้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมในโลกคือรูป พระ-ตถาคตเจ้า ตรัสรู้ ทรงบรรลุ รูปนั้น ครั้นแล้วก็ทรงบอก แสดง บัญญัติ แต่ง-ตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระตถาคตเจ้าบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ผู้ใดไม่รู้ ไม่เห็น เราตถาคตจะทำอะไรเขา ผู้ซึ่งเป็นคนพาล เป็นปุถุชน เป็นคนบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โลกธรรมในโลกคือ เวทนา... สัญญา... สังขาร... วิญญาณ พระตถาคตเจ้า ตรัสรู้ ทรงบรรลุวิญญาณนั้น ครั้นแล้วก็ทรงบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผยจำแนก กระทำให้ตื้น. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อตถาคต บอก แสดงบัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ผู้ใดไม่รู้ไม่เห็น เราจะไปว่าอะไรเขา ผู้เป็นคนโง่ เป็นปุถุชน เป็นคนบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่.


[๒๔๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ดอกอุบลก็ดี ดอกปทุมก็ดี ดอก-บุณฑริกก็ดี เกิดขึ้นแล้วในน้ำ ขึ้นพ้นน้ำ ตั้งอยู่ แต่ไม่แปดเปื้อนด้วยน้ำแม้ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคต ก็เช่นนั้นเหมือนกันแล เกิดแล้วในโลก เจริญแล้วในโลก ครอบงำโลกอยู่ แต่โลกไม่แปดเปื้อนเราได้.

จบ ปุปผสูตรที่ ๒


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Khaeota
วันที่ 23 ก.ค. 2553

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค เล่ม ๓ - หน้าที่ 315

อรรถกถาปุปผสูตรที่ ๒


พึงทราบวินิจฉัย ในปุปผสูตรที่ ๒ ดังต่อไปนี้ :-


บทว่า วิวทติ ความว่า ชาวโลกเมื่อกล่าวว่า เที่ยง เป็นสุข เป็นอัตตาสวยงาม ชื่อว่าย่อมกล่าวขัดแย้งกับเราตถาคตผู้กล่าวอยู่ตามสภาพเป็นจริงว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่สวยงาม บทว่า โลกธมฺโม ได้แก่ ขันธ-ปัญจกะ (ขันธ์ ๕) ก็ขันธปัญจกะนั้นเรียกว่า โลกธรรม เพราะมีการแตกสลายเป็นสภาพ. ด้วยบทว่า กินฺติ กโรมิ ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง


แสดงว่า เราตถาคตจะทำอย่างไร ? เพราะว่าเราตถาคตมีหน้าที่อยู่


เฉพาะก็แต่การบอกข้อปฏิบัติ ส่วนการบำเพ็ญข้อปฏิบัติเป็นหน้าที่ของ


กุลบุตรทั้งหลาย. ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ (สรุปได้ว่า) พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโลกไว้ ๓ ในสูตรนี้ คือ ตรัสสัตวโลกไว้ในคำนี้ว่า นาห ภิกฺขเว โลเกน (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตไม่กล่าวขัดแย้งกับโลก) ตรัสสังขารโลกไว้ในคำนี้ว่า อตฺถิ ภิกฺขเว โลเก โลกธมฺโม (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มีโลกธรรมอยู่ในโลก) (และตรัส) โอกาสโลกไว้ในคำนี้ว่า ตถาคโตโลเก ขาโต โลเก สวฑฺโฒ (พระตถาคตอุบัติแล้วในโลก ทรงเจริญเติบโตแล้วในโลก) .


จบ อรรถกถาปุปผสูตรที่ ๒

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ